xs
xsm
sm
md
lg

จีน-รัสเซีย...กับ“ระเบียบโลกแห่งความยุติธรรม”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



ปิดฉากสัปดาห์นี้...ด้วยข่าวคราวที่จะเรียกว่า “ดี-ไม่ดี” ก็คงขึ้นอยู่กับ “รสนิยม” ของใคร-ของมันก็แล้วกัน แต่ต้องถือเป็นข่าวที่ฟังแล้วก่อให้เกิดความแปลกๆ-ใหม่ๆ ความตื่นเต้ลล์ล์ล์ และความกระชุ่มกระชวยได้พอสมควร นั่นก็คือข่าวที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายSergey Lavrov” และรัฐมนตรีต่างประเทศจีน “นายWang Yi” ได้มีโอกาสพบปะ เจอหน้าเจอตากันเป็นครั้งแรก หลังจากที่กองทัพรัสเซียบุกยูเครนไปเมื่อวันที่ 24 กุมภาฯ ที่ผ่านมา...

โดยการพบปะคราวนี้...มีขึ้นที่เมือง “Tunxi” ในมณฑลอันฮุย หรือระหว่างที่บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศอีกหลายต่อหลายประเทศได้ไปพบปะ พูดคุย เพื่อหาลู่ทางฟื้นฟู บูรณะประเทศอัฟกานิสถาน ที่ถูกคุณพ่ออเมริกาทำซะเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊กก่อนที่จะถีบ “ถังขยะ” ทิ้ง แล้วหนียะย่าย พ่ายจะแจออกมาหลังจากนั้น โดยระหว่างการพบปะของรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียและรัฐมนตรีต่างประเทศจีนคราวนี้ ได้มีจุดที่น่าสนใจและน่าคิดสะกิดใจมิใช่น้อย นั่นก็คือเมื่อทั้งสองฝ่ายได้พร้อมที่จะป่าวประกาศ ถึงความคืบหน้าในการสถาปนา “ระเบียบโลกแบบใหม่” อันประกอบไปด้วยลักษณะเด่นๆ เช่น ความเป็นโลกแบบ “หลายขั้วอำนาจ” โลกที่มีความ “ยุติธรรม” เป็นพื้นฐาน รวมทั้งความเป็น “ประชาธิปไตย” ในแต่ละรูปแต่ละแบบตามลักษณะพิเศษของสังคมนั้นๆ (A multipolar, fair, and democratic world order) หรือถ้าเรียกสั้นๆ ง่ายๆ ตามแบบฉบับที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ให้คำนิยามเอาไว้ก็คือ “ระเบียบโลกแห่งความยุติธรรม” หรือ “Fair World Oder” อะไรประมาณนั้น...

โดยระเบียบที่ว่านี้...จะสามารถอุบัติขึ้นมาได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง หรือจะถูกยกระดับ พัฒนา ไปในแบบไหน? อย่างไร? อันนั้น...คงต้อง “แวะชมโฆษณาอีกจั๊กกู้” หรือคงต้องคอยติดตามกันต่อไป เพราะคงไม่ได้มีแต่ประเทศรัสเซียและจีนเท่านั้น ที่จะสถาปนาสิ่งที่ว่านี้ให้เป็นเรื่อง-เป็นราวขึ้นมาได้จริงๆ หรืออย่างที่รองรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายSergey Ryabkov” ได้พยายามอธิบาย ขยายความ เอาไว้เมื่อวัน-สองวันมานี้นั่นแหละว่า “หัวใจสำคัญ” ของระเบียบโลกแบบใหม่ที่ผิดแผก แตกต่างไปจากระเบียบโลกแบบเดิมๆ นั้น ขึ้นอยู่กับความร่วมมือ ร่วมไม้ ของประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ที่ไม่ใช่อเมริกาและโลกตะวันตก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศที่เรียกขานกันในนาม “BRICS” อันประกอบไปด้วยบราซิล-รัสเซีย-อินเดีย-จีน และแอฟริกาใต้ นั่นเอง ที่ถือเป็น “พื้นฐานสำคัญ” ของ “A New World Order” ...

ส่วนสิ่งที่หนีไม่พ้นต้องถูก “เปลี่ยนแปลง” ไปจากเดิมโดยเฉพาะในขั้นแรกๆ...ถ้าว่ากันตามคำพูด คำจา ของอดีตประธานาธิบดีและรองผู้อำนวยการสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซียคนปัจจุบัน คือ “นายDmitry Medvedev” ก็คือ “ระเบียบทางการเงินแบบใหม่” (A New Financial Order) นั่นเอง ที่จะไม่ยอมปล่อยให้ประเทศใด-ประเทศหนึ่ง หรือกลุ่มอำนาจใด-อำนาจหนึ่ง มีสิทธิ์ยึดทรัพย์ ยึดเงินทุนสำรองระดับนับเป็นแสนๆ ล้านดอลลาร์ของประเทศที่ตัวเองไม่พอใจ ไม่ถูกเนื้อ ต้องใจ อย่างเช่นการยึดเงินทุนสำรองกว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ของประเทศรัสเซีย เป็นต้น แถมยังพร้อมจะปล้นธุรกิจ ยึดทรัพย์สินส่วนตัวของเอกชน ไปจนห้ามประกอบธุรกรรมใดๆ อันเนื่องมาจากความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน หรือความ “ม่าย-ล่าย-ลาง-ใจ” ของผู้ที่วางมาตรฐาน ผู้ที่กำหนดระเบียบทางการเงิน เพื่อให้ตอบสนองต่อความพึงพอใจของตัวเองเป็นหลัก จนส่งผลให้มาตรฐานดังกล่าว หรือระเบียบดังกล่าว ถูกดัดแปลงให้กลายเป็น “อาวุธ” ในการเล่นงานประเทศอื่น โดยปราศจากความ “Fair” หรือความ “ยุติธรรม” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...

และนั่นเอง...ที่ทำให้ประเทศที่เป็นผู้ผลิต เป็นผู้สนองความต้องการด้านพลังงานให้กับบรรดาชาวยุโรป อเมริกา หรือกับโลกทั้งโลก ระดับอันดับ 2 ของโลกอย่างคุณน้ารัสเซีย ท่านเลยต้องป่าวประกาศให้บรรดา “ประเทศที่ไม่เป็นมิตร” กับรัสเซียทั้งหลาย ไปควานหา “เงินรูเบิล” มาซื้อน้ำมัน ซื้อแก๊ส จากรัสเซียกันเอาเอง ไม่งั้น...ไม่คิดจะขาย ไม่คิดส่งมอบพลังงานในแต่ละชนิด แต่ละประเภท ให้โดยเด็ดขาด!!! เพราะถ้าหากไม่ใช้ลูกนี้ ไม่เล่นลูกนี้ ด้วยการอาศัยระบบ ระเบียบทางการเงิน ที่ถูกทำให้กลายเป็น “อาวุธ” ในการเล่นงานประเทศต่างๆ นั่นเอง ที่ส่งผลให้เงินสกุลท้องถิ่นของรัสเซียอย่างเงินรูเบิล ถึงกับไหลทะรูดทะราดลงไปถึง 140-150 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ หรือต่อ 1 ยูโร เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ครั้นเมื่อเจอกับมาตรการ “แค้นสวาทต้องทวงคืน” ของผู้นำรัสเซีย หรือเจอกับการออกคำสั่งให้ต้องซื้อ-ขายพลังงานจากรัสเซียด้วยเงินรูเบิล นับตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคมเป็นต้นไป เลยถึงทำให้เงินสกุลท้องถิ่นของรัสเซีย สามารถผงกหน้า ผงกหลัง สามารถฟื้นตัวขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 83 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์ หรือ 93 รูเบิลต่อ 1 ยูโร เมื่อช่วงวันอังคาร (29 มี.ค.) ที่ผ่านมา หรือพอช่วยให้เกิดมาตรฐานแห่งความ “ยุติธรรม” เป็นจริง-เป็นจัง ขึ้นมาได้มั่ง...

แม้ว่าบรรดาฝรั่งยุโรปหลายต่อหลายประเทศ...ยังคงกระเหี้ยนกระหือรือ ที่จะปฏิเสธการไปควานหาเงินรูเบิลมาซื้อน้ำมัน ซื้อแก๊สจากรัสเซีย รวมทั้งเตรียมคิดจะลด “การพึ่งพา” พลังงานจากรัสเซียไปเป็นขั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นเยอรมนี ฝรั่งเศส ฯลฯ แต่เมื่ออาจต้องเจอกับการ “หนาวตาย” ไปทั้งประเทศ หรือต้องเจอกับสิ่งที่สหภาพแรงงานอุตสาหกรรมเคมี (IGBCE) อุตสาหกรรมก่อสร้างในเยอรมนี (IG BAU) ฯลฯ ออกมาโหยหวน ครวญคราง ว่าไม่ใช่แค่ต้องลดชั่วโมงทำงาน ลดการจ้างงานในอุตสาหกรรมแขนงต่างๆ ลงไปเท่านั้น แต่อาจถึงขั้นต้อง “ปิดโรงงาน” เอาเลยก็ไม่แน่ หรืออาจส่งผลให้แรงงานก่อสร้าง ต้องว่างงานพรวดเดียวไม่ต่ำกว่า 3.4 ล้านคน เอาเลยถึงขั้นนั้น...

แม้แต่ประเทศโปแลนด์ที่เต็มไปด้วยผู้ติดเชื้อไวรัส “Russophobia” อันส่งผลให้ทั้งเกลียด ทั้งกลัวหมีขาวรัสเซีย ชนิดรุนแรงเอามากๆ ถึงแม้นายกรัฐมนตรี “Mateusz Morawiecki” จะออกมายืนหยัด ยืนกราน ว่าเตรียมจะเลิกซื้อถ่านหินรัสเซียแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ภายในเดือนเมษาฯ และพฤษภาฯ และจะเลิกซื้อแก๊ส ซื้อน้ำมันรัสเซีย ภายในสิ้นปีนี้ให้จงได้ แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าหากทางฝ่ายรัสเซียเขาเกิดเห็นดี เห็นงาม ตามข้อเสนอของประธานสภาดูมา “นายVyacheslav Volodin” หรือข้อเสนอของ “สหภาพผู้ค้าข้าวรัสเซีย” (Russian Union of Grain Exporters) ขึ้นมาจริงๆ นั่นคือหันมากำหนดมาตรการทางการเงิน ให้การหาซื้ออะไรก็ตามจากรัสเซีย ไม่ว่าข้าว น้ำมัน แก๊ส ปุ๋ย น้ำมันพืช เหล็ก ไม้ ฯลฯ ต้องหันมาใช้เงินรูเบิลเท่านั้น โอกาสที่ราคา “ขนมปัง” ในโปแลนด์ซึ่งต้องผลิตจาก “ข้าวสาลี” ที่เคยส่งตรงมาจากรัสเซีย และกำลังมีราคาเพิ่มขึ้นๆ ไปถึง 4 เท่าตัว จะหาแ-ก หารับประทาน ได้ยากลำบากขนาดไหน ก็ยังมิอาจหาข้อสรุปได้เลยแม้แต่น้อย...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...ด้วยเหตุเพราะความรู้สึกถึงความไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม อันเนื่องมาจากการอาศัยอำนาจ อิทธิพล ในการแปรสภาพ “ระเบียบทางการเงินแบบเก่า” ให้กลายเป็นเครื่องมือ หรือเป็นอาวุธ ในการเล่นงานประเทศใด-ประเทศหนึ่ง ที่ตัวเองรู้สึกเปรี้ยวมือ เปรี้ยวเท้า นั่นเอง เลยทำให้เกิดสิ่งที่อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย “นายMedvedev” ถึงกับสรุปเอาไว้ว่า “ยุคสมัยแห่งการใช้เงินสกุลท้องถิ่นกำลังจะมาถึง” และนั่นเองที่จะทำให้ประเทศต่างๆ จำต้องหันมาพูดจาหาข้อตกลงที่จะสร้าง “ระเบียบทางการเงินแบบใหม่” ขึ้นมาแทนที่ โดยที่ “อเมริกาและโลกตะวันตกจะไม่ใช่ตัวหลักในการตัดสินใจอีกต่อไป” ส่วนจะเป็นจริง-เป็นจัง ได้หรือไม่? อย่างไร? ก็ขึ้นอยู่กับว่าบรรดาประเทศต่างๆ อันประกอบด้วย “ขั้วอำนาจอันหลากหลาย” (Multipolar) ที่อุบัติขึ้นมาแล้วภายในโลกใบนี้ จะสามารถร่วมมือ-ร่วมใจ ในการกำหนดรายละเอียดและมาตรการต่างๆ เพื่อให้เกิด “ระเบียบโลกแห่งความยุติธรรม” หรือ “Fair World Order” ขึ้นมาได้มาก-น้อยเพียงใด นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น