บ้านเรามีสำนักรับทำโพลการเมืองและเหตุการณ์ปัจจุบันหลายแห่ง มีความน่าเชื่อถือต่างกันและก็อยู่ยังยืนยงมานาน ไม่ว่าใครจะวิพากษ์วิจารณ์ว่าแม่นยำหรือ ไม่ได้เรื่องก็ไม่สน ไม่มีใครทำโพลว่าใครแม่นยำหรือได้รับความนิยมมากกว่ากัน
ล่าสุดมีการทำโพลอีกแล้ว โดยการสอบถามประชาชนว่าใครเป็นผู้เหมาะสมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และก็เหมือนครั้งก่อนที่ผลเคยปรากฏว่าอันดับ 1 คือความเห็นที่ว่าไม่มีใครเหมาะสมเป็นนายกฯ
ลุงตู่ห้าวเป้งมักได้รับความนิยมอันดับ 2 รองจากเบอร์ 1 นิรนามแต่ก็ไม่รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรเพราะในความเป็นจริงตัวเองนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีมาเกือบ 8 ปีแล้วโดยที่ประชาชนไม่ได้เลือก นี่ก็เป็นความพิสดารทางการเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ ที่ว่าคนที่ไม่มีใครเลือกมาก็สามารถเป็นผู้นำประเทศได้
เป็นความอับเฉาของระบอบประชาธิปไตยเสรีนิยมหรือไม่ นักทฤษฎีการเมืองก็วิเคราะห์เอาเองได้และการที่ไม่มีอันดับ 1 เป็นผู้เหมาะสมเท่ากับว่าการเมืองไทยอยู่ในสภาวะจำยอมต้องเลือกคนที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง
น่าเห็นใจลุงห้าวเป้ง เป็นผู้นำประเทศมาตั้งนาน และจะขอเป็นอีก 1 สมัย ยังไม่มีคนยอมรับความสามารถ วันก่อนบ่นว่าตนเองพูดอะไรก็ถูกมองว่าโง่
เป็นคำสารภาพที่ง่ายดาย ฟังได้ซึ้งยิ่งนัก ไม่ได้เป็นอันดับ 1 ก็ช้ำใจอยู่แล้ว นี่ดันมาอยู่อันดับ 3 เมื่อเทียบกับเด็กวานซืน ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ถึงจะอภิปรายได้น้ำได้เนื้ออย่างมากก็ตาม ลุงห้าวเป้งต้องยอมรับว่าอะไรๆ ไม่ได้ดังใจเสมอทางการเมือง
นิด้าโพล ได้รับการยอมรับระดับหนึ่งว่ามีความแม่นยำและที่ผ่านมาถือว่าผลงานค่อนข้างใช้ได้ และคราวนี้ก็จะทำโพลว่าใครเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และผลออกมาเหมือนเดิมคืออันดับหนึ่งยังไม่มีใครเหมาะสม
อันดับสองซึ่งโดยปกติจะเป็นของลุงตู่ห้าวเป้ง ด้วยคะแนนไม่ถึง 30% มาครั้งนี้ตกมาอยู่อันดับสามเพราะอันดับสองเป็นของหนุ่มหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งประสบการณ์ทางการเมืองยังน้อย แม้จะเป็น ส.ส.ในสภาฯ มาระยะหนึ่งแล้ว
ลุงตู่ห้าวเป้งอาจรู้สึกเคืองเพราะหัวหน้าพรรคก้าวไกลถึงจะเป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่มีความรู้พูดจาฉะฉานแต่ก็ยังอ่อนพรรษา เมื่อเทียบกับตัวลุงในวัย 68 ปีเป็นอดีตทหารผ่านศึกสงครามช่องบกมาแล้วมีชื่อเสียงกระจ่าง แต่ผลของโพลก็มาจากการสำรวจเสียงของประชาชน
และยังมีสิ่งที่น่าตื่นเต้นอกสั่นขวัญแขวนเพราะถัดจากลุงตู่ปรากฏว่าเป็นบุตรีคนสุดท้องของท่านเหลี่ยมเร่ร่อนอยู่ดูไบ ซึ่งถือว่าได้ส่งไม้เด็ดสุดท้ายเข้าชิงชัยในการเมืองเพื่อหวังว่าตนเองอาจจะได้กลับมาบ้านเกิดอีกรอบหนึ่ง
ความหวังของพรรคการเมืองของท่านเหลี่ยมก็คือต้องชนะแบบถล่มทลายแลนด์สไลด์ให้สิ้นสงสัย ไม่ต้องมีพรรคอื่นมาเกะกะ จะเป็นโอกาสได้ล้างแค้นศัตรูเก่าซึ่งปรามาสไว้ว่าท่านเหลี่ยมคงไม่มีโอกาสได้เป็นใหญ่ทางการเมืองอีกแล้ว
ทำไมสตรีวัย 35 ปี ขาดประสบการณ์ทางการเมืองจึงถูกดันหลังให้มาเป็นอาวุธสุดท้ายเพื่อช่วยฟื้นฟูเกียรติภูมิของตระกูลชินวัตร สายของท่านเหลี่ยม นั่นเป็นเพราะว่าเวลาเหลือน้อยสำหรับการต่อสู้ทางการเมืองและเป็นการเดิมพันครั้งสุดท้าย
ซึ่งถ้าเกิดความเสียหายหรือพ่ายแพ้ ประวัติศาสตร์ของตระกูลอาจจะซ้ำรอยและเลวร้ายกว่าเดิม เว้นแต่ว่ามีพฤติกรรมกลับตัว กลับใจ แต่จะเป็นอย่างนั้นได้หรือ
ลูกสาวท่านเหลี่ยมซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ได้แสดงแววของความมาดมั่นบนเวทีการเมือง แม้จะเป็นหน้าใหม่ก็ยังมีบรรดาขุนศึกหัวหงอกหัวดำคอยประคบประหงมอุ้มชูให้อยู่รอดในการเมืองที่โหดร้ายในการแย่งชิงผลประโยชน์
แม่นางผู้ด้อยประสบการณ์จะเป็นนายกฯ ได้หรือไม่? เป็นคำถามที่ท้าทายมาก และคำตอบยิ่งไม่ต้องคิดมาก คือ “ได้แน่นอน” ถ้าพรรคของท่านพ่อได้เสียงมากพอที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ นี่เป็นประชาธิปไตยเสรีนิยม ใครจะกล้าขวาง
ส่วนบ้านเมืองจะมีวิกฤต วุ่นวาย โดยพื้นเพดั้งเดิมจากสภาวะถังแตกยุคลุงห้าวเป้งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับยถากรรมของประเทศ ความอับเฉาด้านเคราะห์ของประชาชน
มีเสียงพูดอย่างแค่นๆ “ถ้าประยุทธ์เป็นได้ ใครก็เป็นได้” หรือ “เอาประยุทธ์ออกไปก่อนก็แล้วกัน ใครจะมาเป็นอีกเรื่อง ไม่น่าจะเลวร้ายไปกว่านี้”
การเมืองน้ำเน่าด้อยพัฒนาแบบไทยๆ ไว้ใจอะไรไม่ได้ การทุจริตคอร์รัปชันเฟื่องฟูถึงขั้นใกล้สิ้นชาติเต็มทน เพราะเปิบกันอย่างไม่บันยะบันยัง เหลียวมองไปในวงการเมือง หาคนสุจริต มีคนรับประกันว่าเป็นคนดี คงไม่ง่าย
การเมืองอย่างนี้ ถ้าลุงห้าวเป้งได้อยู่ต่ออีก 1 สมัย หรือแม่นางอุ๊งอิ๊งได้เป็นนายกฯ นั้น บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ชาวบ้านจะมองอย่างไร? คำตอบยากจริงๆ เพราะคงไม่เห็นอนาคตว่าจะสดใส รุ่งเรืองได้อย่างไร ต้องติดอยู่ในบ่วงกรรม
น่าเสียดายประเทศไทย เสียเวลามานานกว่า 8 ปีไม่มีทั้งการปฏิรูปโครงสร้างประเทศ กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ภาระหนี้สิน ถ้าลุงห้าวเป้งอยู่ต่อ สภาพบ้านเมืองคงเป็นในอีหรอบนี้แหละ จมปลักดักดานกับการไร้โลกทัศน์
ทั้งหมดยังไม่แน่นอน ใครจะไป ใครจะมายังไม่รู้ชัด บางทีถ้าบ้านเมืองยังมีบุญเพียงพออาจมีเหตุให้หลุดจากบ่วงเวรนี้ได้ เห็นเค้าบอกว่ายุคพระศรีอาริย์อยู่ใกล้แล้ว ถ้าผู้มีอำนาจแท้จริง หาคนใจซื่อมือสะอาดมาทำงานให้ชาติบ้านเมืองได้ ก็คงรอด
ถ้าเหตุที่ว่านั้นไม่ปรากฏ ก็ “ตัวใครตัวมัน ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” ตามที่ว่ากัน!