ผู้นำรัสเซียประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนจะเดินหมากหนึ่งตาไปก่อนคู่แข่งเสมอ เปิดเกมแบบเล่นด้วยยาก เดาทาง ได้ลำบาก ทำให้ผู้ชมเกมอำนาจระหว่างรัสเซียกับโลกตะวันตกรู้สึกเร้าใจ ทั้งที่รู้ว่าเป็นเกมของสงครามเดิมพันด้วยชีวิตคน
วันพุธที่ผ่านมา ฝ่ายโลกตะวันตกยังไม่แน่ใจว่ากองทัพรัสเซียได้เข้าไปในแผ่นดินยูเครนหรือไม่ ทั้งที่สามารถตรวจสอบได้ด้วยดาวเทียมและข่าวกรองอื่นๆ ที่เห็นก็คือผู้นำโลกตะวันตกต่างตาลีตาเหลือกประกาศมาตรการคว่ำบาตรทันที
ท่าทีอย่างนี้ทำให้ปูตินรู้ว่าฝ่ายโลกตะวันตกซึ่งนำโดยสหรัฐฯ และอังกฤษมีทีเด็ดอะไรบ้าง ถ้าจะเหมือนการเล่นไพ่ฝ่ายรัสเซียก็รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีไพ่เด็ดๆ อะไรบ้าง
ผู้นำสหรัฐฯ โจ ไบเดนประกาศเป็นชุดมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียทั้งเจาะจงตัวบุคคลเช่นนักการเมืองซึ่งโหวตผ่านข้อเสนอของผู้นำปูตินให้ทหารบุกเข้ายูเครนได้
ผู้นำเมืองผู้ดี ทรงผมรังนกกระจาบ นายบอริส จอห์นสัน ก็ประกาศมาตรการคว่ำบาตรเช่นเดียวกัน ร้องเอะอะมะเทิ่งทำให้รู้ว่ามีมาตรการเข้มๆ อะไรด้วย
ผู้นำเยอรมนีก็ใจเร็วด่วนได้ประกาศแขวนโครงการท่อส่งก๊าซธรรมชาติใต้ทะเล นอร์ดสตรีม 2 เป็นการตอบโต้การรุกของกองทัพรัสเซีย ซึ่งยังไม่ส่งผลอะไรชัดเจนเป็นเพียงปฏิกิริยาตอบสนองเดินตามก้นสหรัฐฯ ลูกพี่ใหญ่เท่านั้น
ประเทศอื่นๆ เช่นแคนาดา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ก็แข่งกันเดินตามก้นสหรัฐฯ เหมือนกลัวจะตกขบวนรถ ประเทศอื่นๆ ในยุโรป ก็เอาอย่างเท่าที่จะทำได้
สหรัฐฯ ประกาศมาตรการห้ามสถาบันการเงินของรัสเซียทำธุรกรรมด้านการเงินติดต่อค้าขายหรือระดมทุนจากฝ่ายโลกตะวันตก ปิดเส้นทางการสร้างรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศซึ่งหวังว่าจะทำให้รัสเซียลำบาก
มาตรการเหล่านี้ประกาศออกมาทั้งที่ยังไม่แน่ใจว่าทหารรัสเซียได้เข้าไปในพื้นที่ยูเครนหรือยัง สะท้อนให้เห็นว่าการตอบโต้โดยมาตรการคว่ำบาตรนั้นรวดเร็วเฉียบขาด อย่างที่ โจ ไบเดนได้ประกาศไว้ก่อนหน้านั้นจริง
เรียกว่าทำกันแบบตัดตายขายขาด ไม่ประนีประนอมออมชอมอะไรทั้งนั้น ทั้งยังประกาศว่าการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และรัสเซียนั้นจะไม่เกิดขึ้นแน่
แผนเดิมที่รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ และรัสเซียจะพบกันวันที่ 24 นั้นก็ไม่เกิดขึ้น เพราะไม่เป็นประโยชน์ เนื่องจากว่ารัสเซียได้ตัดสินใจส่งทหารเข้ายูเครน
นี่เป็นการตอบโต้เพียงแค่คำประกาศของปูตินว่าได้รับรอง 2 รัฐกบฏยูเครน ซึ่งประกาศเอกราชบนแผ่นดินยูเครน นั่นคือแคว้นโดเนตสก์ และลูฮันสก์ ในพื้นที่ดอนบาส ทางทิศตะวันออกของยูเครนบนชายแดนติดกับรัสเซีย
อันที่จริงทั้งสองรัฐนั้นได้ประกาศเอกราชตั้งแต่ปี 2014 แต่ปูตินเพิ่งประกาศรับรองและอ้างว่าการจะส่งทหารเข้าไปนั้นก็เพียงเพื่อรักษาสันติภาพ ไม่ให้เกิดการสู้รบและปกป้องพลเมืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวรัสเซีย
ก่อนหน้าการประกาศ มีการยิงปืนใหญ่ถล่มสู้รบกันในพื้นที่ดอนบาสเหมือนเป็นการโหมโรงเปิดช่องให้มีคำอ้างว่ารัสเซียจำเป็นต้องเข้าไปเพื่อรักษาความสงบ ซึ่งแม้ฝ่ายโลกตะวันตกจะรู้ว่าเป็นข้ออ้างที่รับฟังไม่ได้ แต่ปูตินก็ยังทำ
ในช่วงวันอังคารและวันพุธยังไม่มีการสู้รบกันแม้ฝ่ายโลกตะวันตกจะอ้างว่าของกำลังของรัสเซียได้เข้าไปในพื้นที่ของยูเครนแล้วก็ตาม โดยฝ่ายผู้นำยูเครนได้ประกาศว่าจะสู้แบบสุดใจขาดดิ้น แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ดูแล้วก็น่าจะเป็นเพียงเท่านั้น ถ้ากองทัพของยูเครนเปิดฉากยิงและมีทหารรัสเซียเข้าร่วมก็เท่ากับว่าเป็นการเปิดทางให้รัสเซียรุกคืบเข้าไปเต็มพื้นที่ของดอนบาสที่เหลือ พื้นที่ฝ่ายกบฏยูเครนครอบครองปัจจุบันเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของดอนบาส
ช่วง 2 วันที่ผ่านมายังไม่มีกองกำลังนาโตเข้าไปในยูเครนเพื่อช่วยเหลือ ยังไม่มีหลักฐานว่าทหารรัสเซียได้เข้าไปในยูเครน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ฝ่ายโลกตะวันตกอ้างว่าทหารรัสเซียบางส่วนได้เข้าไปในพื้นที่ดอนบาสตั้งแต่ปี 2014 แล้ว
ดูเหมือนว่าฝ่ายสหรัฐฯ และพันธมิตรได้ตัดสินใจเร็วเกินไปในมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย หรือก็ไม่จำเป็นต้องให้มีหลักฐานเพราะต้องการจะจัดการกับรัสเซียโดยมาตรการเหล่านี้ ก่อนหน้านี้ก็ประโคมข่าวโดยตลอดว่ารัสเซียจะบุกยูเครนวันนั้นวันนี้
ตลาดหุ้นและตลาดการเงินทั่วโลกตกใจเพียงช่วงสั้น จากนั้นก็ฟื้นตัวเร็ว แสดงว่ามีความคาดหมายว่าการบุกอาจจะมีและรับกับสภาพได้ว่าพื้นที่ของการเป็นปฏิปักษ์จะไม่ครอบคลุมนอกเหนือจากบางส่วนของยูเครน
ทั้งนี้เว้นแต่ว่าจะมีการปะทะเป็นวงกว้าง การสู้รบขยายตัวนอกพื้นที่ยูเครนซึ่งไม่น่าจะเป็นที่ต้องการของรัสเซียเพราะจะทำให้เกิดความเสียหาย ทหารบาดเจ็บล้มตายมาก ทำให้ปูตินเสียความนิยมถ้ามีทหารรัสเซียตาย มีการสู้รบยืดเยื้อ
สหรัฐฯ และพันธมิตรไม่ต้องการให้มีการสู้รบในพื้นที่ของนาโต แต่ต้องการให้รัสเซียสู้กับกองทัพยูเครนโดยที่ฝ่ายพันธมิตรจะส่งอาวุธและการสนับสนุนให้ยูเครนเป็นสนามรบ ซึ่งไม่เป็นที่ต้องการของยูเครนและรัสเซีย เพราะประชาชนในยูเครนมีเชื้อสายสลาฟ ประชากรยูเครน 44 ล้านคนนั้นก็มีชาวรัสเซียมากกว่า 17%
ความรู้สึกเป็นพี่น้องระหว่างชาวยูเครนและรัสเซียยังคงมีอยู่ เคยอยู่ร่วมประเทศเดียวกันภายใต้สหภาพโซเวียตนานกว่า 70 ปีแม้ปูตินจะอ้างว่ายูเครนไม่มีความเป็นมาเชิงประวัติศาสตร์ชัดเจนก็ตาม
จากนี้ไปชาวโลกต้องเฝ้ามองปฏิกิริยาและการตอบโต้ของทั้งสองค่ายว่าจะเป็นไปอย่างไร มีการสู้รบมากน้อยแค่ไหน ที่ผ่านมาฝ่ายโลกตะวันตกได้เล่นงานรัสเซียโดยมาตรการคว่ำบาตรแล้ว และต้องดูว่ารัสเซียจะเดินหมากตาต่อไปอย่างไร