xs
xsm
sm
md
lg

สหรัฐฯ พันธมิตร ‘เหวอ’ อีกแล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


โจ ไบเดน
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนและผู้นำพันธมิตรบางประเทศในกลุ่มนาโตเช่นอังกฤษอาจรู้สึกผิดหวังและเสียหน้า เสียฟอร์ม ก็เป็นได้เมื่อรัสเซียไม่ได้ยกทัพบุกยูเครนในวันที่ 16 เดือนนี้ ตามที่ได้ประโคมข่าวไว้หลายระลอกก่อนหน้านี้

อย่างที่รู้กัน การกระพือข่าวเรื่องรัสเซียจะบุกอย่างมาก ถี่ยิบจนสร้างความตื่นตระหนกให้กับหลายประเทศซึ่งต้องอพยพประชากรของตนออกจากยูเครน เพราะสหรัฐฯ ได้ย้ายสถานทูตจากกรุงเคียฟไปอยู่เมืองเลียฟด้านตะวันตกของยูเครน

มิหนำซ้ำรัสเซียยังได้ถอนกำลังทหารบางส่วนจากชายแดนยูเครนโดยอ้างว่าเสร็จสิ้นภารกิจในปฏิบัติการซ้อมรบบางส่วน แต่การฝึกซ้อมยังคงมีอยู่ต่อไป

ไบเดนยังรีบแถลงการณ์เหมือนเป็นการแก้เกี้ยว ว่าสหรัฐฯ ยังไม่ได้ตรวจสอบเพื่อพิสูจน์ว่ารัสเซียได้ถอนกองกำลังบางส่วนไปจริงหรือไม่ ทั้งที่ภาพถ่ายจากดาวเทียมสามารถพิสูจน์ได้ชัดเหมือนช่วงที่ป่าวร้องเรื่องรัสเซียเสริมกำลังทหาร

ไบเดนยังบอกอีกว่าสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นศัตรูกับประชาชนรัสเซีย ไม่ได้มีเจตนาจะบ่อนทำลายเสถียรภาพของรัสเซีย ยังมุ่งหวังว่าจะหาทางออก ข้อยุติในความขัดแย้งโดยทางการทูต แต่ยังไม่วายที่จะขู่ว่าถ้ามีการบุกยูเครนเมื่อไหร่ก็จะเผชิญการตอบโต้อย่างรวดเร็ว รุนแรงซึ่งคงเป็นการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจนั่นเอง

โจ ไบเดนยังคุยฟุ้งอีกว่า “เราเตรียมพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในยูเครน” และหวังว่าสภาคองเกรสจะสนับสนุนในมาตรการต่างๆ ที่จำเป็น

การที่รัสเซียไม่ได้บุกเข้ายูเครนทำให้สหรัฐฯ และพันธมิตรถูกประชาคมโลกมองว่าตื่นเต้น สร้างข่าวเพื่อหวังผลจะให้รัสเซียถูกประณามว่าเป็นตัวร้ายที่คุกคามยูเครน

การแก้เกี้ยวของการเสียหน้าจนทำให้ยูเครนเสียหายจากผลกระทบของการกระพือข่าวทำให้โจ ไบเดนรีบอนุมัติเงินกู้พิเศษจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อพยุงเศรษฐกิจของยูเครนซึ่งยังเป็นการสร้างบุญคุณอีกด้วย

แต่ก็ยังไม่วายที่จะย้ำว่าถ้ารัสเซียบุกเข้ายูเครนสหรัฐฯ และพันธมิตรจะตอบโต้รุนแรงและรวดเร็วแต่ไม่ได้ชี้ชัดว่าจะเป็นด้านการสู้รบด้วยกำลังทหารหรือมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ จะป้องกันภายในขอบเขตของกลุ่มประเทศนาโตเท่านั้น

สหรัฐฯ ได้ส่งทหารหลายพันนายไปประจำในประเทศโปแลนด์ โรมาเนียนอกเหนือจากประเทศอื่นๆ ในกลุ่มนาโตแต่ไม่มีทหารในยูเครนนอกจากส่งอาวุธและอุปกรณ์ด้านสงครามเข้าไปเสริมกำลังเท่านั้น

ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ก็ประกาศอย่างชัดเจนว่าถ้ารัสเซียบุกเข้ายูเครนแล้วสหรัฐฯ และพวกจะไม่ส่งทหารเข้าไปช่วยรบเพราะจะเป็นเหมือนกับสงครามโลกครั้งที่ 3 และยูเครนก็ไม่ได้อยู่ภายใต้สนธิสัญญานาโต นั่นเท่ากับว่ายูเครนเป็นฝ่ายรับเละคนเดียว

การถอนกำลังรบของรัสเซียเกิดขึ้นในช่วงที่มีการเจรจาระหว่างผู้นำเยอรมนี โอลาฟ โชลซ์ และประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูตินในกรุงมอสโก ซึ่งในการแถลงข่าวผู้นำทั้งสองได้แสวงหาจุดร่วมในการเจรจาทางการทูตเพื่อหาข้อยุติต่อวิกฤตยูเครน

ทั้งได้ประกาศว่าเป็นความพยายามร่วมกันที่จะหลีกเลี่ยงภาวะสงครามให้ถึงที่สุด แม้ทางการทูตนั้นยังไม่สามารถผ่าทางตันซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ฝ่ายรัสเซียเป็นผู้เสนอให้กับกลุ่มพันธมิตรนาโต

นั่นคือให้สหรัฐฯ และพันธมิตรถอนกำลังออกจากกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออกซึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต ให้ยูเครนจะต้องไม่เป็นสมาชิกของนาโต ซึ่งทั้งสองข้อนี้ถูกปฏิเสธโดยสหรัฐฯ และอังกฤษรวมถึงหลายประเทศในกลุ่มนาโต

ข่าวการถอนทหารได้ส่งผลทันทีเมื่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ขยับตัวสูงขึ้น และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกได้ลงมาอย่างน้อย 3 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปแตะ 95 ดอลลาร์ ซึ่งมองว่าเป็นข่าวดีหลังจากเกิดความตึงเครียดมาหลายสัปดาห์

ในการแถลงข่าวร่วมกันผู้นำเยอรมนีและรัสเซียมีความเห็นร่วมกันว่าจะต้องอยู่ในภาวะสันติภาพ และเลี่ยงภาวะสงคราม ทั้งได้เน้นความสัมพันธ์แนบแน่นด้านการค้าซึ่งมีมูลค่าหลายหมื่นล้านดอลลาร์ ในแต่ละปีรวมถึงด้านการเงินและการลงทุน

เยอรมนีและฝรั่งเศสได้แสดงท่าทีอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เกิดสงครามเพราะจะสร้างความเสียหายต่อยุโรป ในช่วงการแถลงข่าวปูตินก็ได้บอกว่าตนเองและผู้นำเยอรมนีก็ยังไม่เข้าใจว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เกิดก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะเกิดมานั้นมีความหมายหรือสาระประการใดต่อโลก

ปัจจุบันยุโรปต้องพึ่งพาก๊าซธรรมชาติ 40% และน้ำมัน 20% ของความต้องการจากรัสเซีย ซึ่งถ้าเกิดภาวะสงครามและมีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียโดยโลกตะวันตกแล้วก็จะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อทั้งฝ่ายรัสเซียและนาโต

การเจรจาครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายได้เน้นถึงความสำคัญของโครงการส่งก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียเข้าสู่เยอรมนีภายใต้โครงการนอร์ดสตรีม 2 ซึ่งยังไม่เปิดการใช้งาน และโครงการนี้ก็เป็นเดิมพันสำคัญระหว่างความสัมพันธ์ของเยอรมนีและรัสเซีย

มีข่าวว่าสถาบันการเงินและธนาคารในยูเครนถูกกลุ่มไซเบอร์และแฮกเกอร์โจมตีซึ่งยังไม่มีการพิสูจน์ว่าเป็นผลงานของกลุ่มใด แต่ก็ถูกมองว่าเป็นฝีมือของกลุ่มแฮกเกอร์ในรัสเซียซึ่งทำให้ยูเครนเกิดปัญหาการสื่อสารเชื่อมโยงในเศรษฐกิจการค้า

ประชาคมโลกต้องรอชมฉากต่อไปว่าวิกฤตยูเครนจะไปอย่างไร การแสวงหาสันติภาพจะเกิดขึ้นหรือไม่ และใครจะเป็นฝ่ายชนะในสงครามจิตวิทยาครั้งนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น