นักแสวงโชคทางการเมืองเริ่มได้กลิ่นความเปลี่ยนแปลง ต่างวุ่นพากันย้ายรังและย้ายรางมุ่งหวังความอุดมสมบูรณ์ในผลตอบแทน ไม่ต่างจากฝูงวัวควายที่เดินหาทุ่งหญ้าเขียวขจีสำหรับการเคี้ยวเอื้องอย่างอิ่มหนำสำราญ
การวุ่นหาที่อยู่ใหม่ของนักเลือกตั้งเป็นเพราะเห็นว่าสภาพของรัฐบาลลุงห้าวเป้งง่อนแง่น สภาผู้แทนฯ ล่มซ้ำซาก สร้างความน่าเบื่อหน่ายต่อชาวบ้านผู้เสียภาษี นี่เป็นส่วนหนึ่งของเกมอำนาจซึ่งพวกนักลงทุนการเมืองเล่นกันอยู่
ฝ่ายค้าน ฝ่ายต้องการความเปลี่ยนแปลงใช้ทุกวิธีเพื่อให้รัฐบาลลุงห้าวเป้งจบเห่ให้เร็วที่สุด การยื้อเกมในสภาฯ การตกปลาในบ่อเพื่อน และการโจมตีเอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้คนอื่น จึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของนักเลือกตั้ง
เล่นเกมอำนาจ ซ่อนกล แฝงเล่ห์เพทุบายสารพัด เพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง อำนาจเปลี่ยนมือ ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับการเมือง ที่ไหนก็ทำกัน เพียงแต่ว่าจะเล่นกันโฉ่งฉ่างซึ่งหน้า หรือแอบแทงข้างหลัง แล้วแต่โอกาส
ลุงห้าวเป้งยังทำเสียงแข็ง ท่องคาถามนตรา “ไม่ปรับ ครม. ไม่ยุบสภาฯ ไม่ลา ออก” ยื้ออยู่อย่างนี้ให้นานที่สุด ปากก็พร่ำต้องการทำงานเพื่อชาติบ้านเมือง พี่น้องประชาชน ทนทำงานไม่รู้สึกเหนื่อย แม้จะท้อเป็นบางครั้ง
คำประกาศ “ไม่ยอมแพ้” เป็นตัวเร่งให้ฝ่ายไม่เอาลุงห้าวเป้ง เร่งมือยิ่งขึ้น การทำให้สภาฯ ล่มเป็นการถ่วงเวลาสำหรับออกกฎหมายใหม่
พรรคแกนนำมีปัญหา นักแสวงโชคจ้องหาจังหวะเผ่นไปสู่แหล่งใหม่ที่ดูมีอนาคตกว่า สภาพที่เป็นอยู่ ทำให้เห็นว่าลุงห้าวเป้งมีเจตนาอยู่ต่อแน่นอน เพราะมีคำอ้างจากนักเลือกตั้งบางรายว่าได้มีการตั้งพรรคสำรองไว้ให้แล้ว
ชะตากรรมของพรรคแกนนำดูแล้วไม่ต่างจากพรรคเฉพาะกิจในอดีตที่ผู้มีอำนาจตั้งขึ้นมาเพื่อกุมอำนาจด้วยผลประโยชน์ที่เสนอให้ แต่ยุคนี้มีทั้งการโอนอ่อนผ่อนคดีชนักปักหลังจากหนักให้เป็นเบา แต่ก็ไม่สำเร็จสำหรับทุกคน
มีขาใหญ่การเมืองบางรายทุ่มทำงานให้ ก็ยังไม่รอดพ้นคดีเสี่ยงคุกด้วย
การย้ายค่าย ตั้งค่ายใหม่ ใช่ว่าจะไปได้สวย กลุ่มนักร้องถือว่าเป็นงานใหม่ ต้องส่งคำร้องไปหน่วยงานต่างๆ ให้ตรวจ มีมูลบ้าง ไร้สาระบ้าง แต่ก็เป็นเรื่องปกติ เพราะนักร้องก็ “หิวแสง” เช่นกัน ต้องการผลงานเป็นที่ประจักษ์
ลุงห้าวเป้งถือว่าอยู่ในสภาพลำบาก ไม่มีอะไรดูแล้วเป็นสัญญาณว่าจะอยู่รอดได้ นอกจากความอึดทน ดันทุรัง ซังกะตายไปแต่ละวัน ไม่มีความคิดใหม่สำหรับการบริหารบ้านเมืองท่ามกลางวิกฤตสารพัด มีข่าวร้ายไม่เว้นวัน
ล่าสุด มีการเปิดเผยตัวเลขมาตอกย้ำผลงานไม่เอาไหนของรัฐบาลลุงห้าวเป้งอีกแล้ว ไม่ใช่ประเด็นใหม่ แต่ทำให้ดูไม่ดี สะท้อนให้เป็นปัญหาที่ลุงห้าวเป้งและคณะไม่มีหนทางจะแก้ให้ตก เพราะไม่มีช่องทาง ความสามารถ
หนี้ครัวเรือนเป็นที่รู้กันว่าอยู่ในระดับ 90 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี น่าหวาดเสียว สภาวะเงินเฟ้อ เงินฝืด และกำลังการซื้อของประชาชนแผ่ว
สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะได้เผยแพร่รายงานหนี้สาธารณะของประเทศไทย ณ 31 ธ.ค. 2564 พบว่า มีหนี้ 9,644,256 ล้านบาท คิดเป็น 59.57% ของจีดีพี
เทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นประมาณ 2 หมื่นล้านบาท แต่สัดส่วนหนี้สาธารณะลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 59.58% ของจีดีพี
ทั้งนี้เนื่องจากมูลค่าจีดีพีมีการปรับเพิ่มขึ้นตามการขยายตัวเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากการคลายล็อกมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
หนี้สาธารณะ 3 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.-ธ.ค. 2565) มีการกู้ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และการบริหารหนี้ถึง 5,874,905 ล้านล้านบาท ดูแล้วทั้งหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นมากในยุคลุงห้าวเป้ง
ยิ่งความหวังที่จะให้งบประมาณสมดุลด้วยแล้ว สภาพยิ่งวังเวงสุดๆ เท่ากับว่ารัฐบาลจำเป็นต้องกู้ สร้างหนี้เพิ่มเพื่อโปะงบขาดดุลอีกหลายปีเพราะปัจจัยในการสร้างรายได้ไม่ดี เช่นเก็บภาษี การส่งออก การท่องเที่ยว
การลงทุนจากต่างประเทศยิ่งไม่ต้องหวัง เพราะปัญหาคอร์รัปชันทำให้คนไม่อยากลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรม เพราะต้องจ่ายสารพัดนอกบัญชี นักลงทุนที่มีอยู่แล้วยังหาช่องทางไปหาแหล่งที่มีค่าแรงต่ำ คอร์รัปชันน้อยกว่า
การไม่ปฏิรูปอะไรสักอย่างทำให้โครงสร้างบ้านเมืองเสื่อมโทรมเรื้อรังแทบทุกด้าน ยากลำบากสำหรับรัฐบาลใหม่ ถ้าเป็นคนหน้าใหม่ ในการแก้ไข
ชาวบ้านอยากถามลุงห้าวเป้งอย่างซื่อๆ ว่าสถานการณ์เป็นอยู่ทุกวันนี้ ลุงและพวกจะอยากอยู่ต่อไปเพื่ออะไร มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะแก้ปัญหาได้หรือ ถ้าเก่งจริง ทำไมบ้านเมืองอยู่ในสภาพที่น่าอนาถอย่างนี้
ทำให้มีคำถามจากพวกติ่งลุงว่า “ถ้าไม่เอาลุงแล้วจะเอาใคร” เมื่อมาอย่างนี้ก็มีคนย้อน ใครก็ได้ ซึ่งจะต้องดีกว่าที่เป็นอยู่ ไปตายเอาดาบหน้าดีกว่าอยู่ไปแบบมองไม่เห็นอนาคต ไร้ทิศทาง เหมือนเรือแป๊ะรั่วใกล้อับปาง
ถ้าลุงห้าวเป้งยื้อดันทุรังอยู่เพื่อจัดงานเอเปก บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร