xs
xsm
sm
md
lg

ใจที่ร้าวของลุงตู่กับลุงป้อม คือชัยชนะของโทนี่แห่งดูไบ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ


ศึกในพรรคพลังประชารัฐสะท้อนถึงสัมพันธ์ที่ร้าวฉานระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชากับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พี่น้อง 2 ป.ที่ชัดเจนขึ้น การขับ ส.ส.ออกจากพรรค 21 คนนั้นเป็นฉากที่ถูกจัดขึ้นโดยพล.อ.ประวิตร และธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อกดดันพล.อ.ประยุทธ์ให้ต้องจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับโควตาของธรรมนัสไม่ว่าคนเป็นรัฐมนตรีจะเป็นธรรมนัสหรือคนในร่มเงาก็ตาม

ไม่เคยมีที่ไหนที่ส.ส.เสนอให้พรรคขับตัวเองแล้วลงมติให้ตัวเองออกจากพรรค โดยที่หัวหน้าพรรครู้เห็นเป็นใจ

ไม่รู้ว่านิติกรรมที่น่าเคลือบแคลงแบบนี้จะเป็นเรื่องผิดปกติในสายตาของกกต.หรือไม่ แต่การที่ออกข่าวว่าพรรคที่เตรียมไว้แล้วจะมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา คนสนิทของพล.อ.ประวิตรมาเป็นหัวหน้าพรรค และมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายของ พล.อ.ประวิตรเป็นที่ปรึกษาพรรคนั้น ก็ต้องบอกได้คำเดียวว่าพรรคนี้เป็นพรรคที่พล.อ.ประวิตรเตรียมการเอาไว้ ทั้งๆ ที่ตัวพล.อ.ประวิตรเองเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

เกิดคำถามว่าคนที่มีความสัมพันธ์มายาวนานแล้วเคยบอกว่าจะอยู่ด้วยกันจนตายนั้นจะเกิดเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร

แต่เราต้องไม่ลืมนะว่า พล.อ.ประวิตรเคยเป็นนายของพล.อ.ประยุทธ์มาก่อนแล้วมีส่วนผลักดันให้พล.อ.ประยุทธ์ขึ้นสู่ตำแหน่งผบ.ทบ.จนมาเป็นหัวหน้ารัฐประหาร และก้าวมาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ต้องพึ่งพิงบารมีและความเจนจัดทางการเมืองของพล.อ.ประวิตรที่เหมือนเป็นลมใต้ปีกให้กับพล.อ.ประยุทธ์ เพราะพล.อ.ประวิตรเป็นคนกว้างขวางที่รู้จักคนหลากหลาย แต่พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนระวังตัวในการคบหากับผู้คนเพื่อให้ตัวเองดูเป็นผ้าขาว

หลังจากกำจัดทีม 4 กุมารและสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ออกจากพรรคไปแล้ว พล.อ.ประวิตรก็รับหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคที่เหมือนจะคอยดูแลเรื่องหลังบ้าน เรื่องส.ส.ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องพะวงในการบริหารบ้านเมืองที่พี่จะดูแลพรรคให้น้องเอง เพราะพล.อ.ประยุทธ์จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับส.ส.มากนักปิดประตูบ้านสนิทไม่ลงมาเกลือกกลั้ว ในขณะที่บ้านของพล.อ.ประวิตรเปิดให้ทุกฝ่ายวิ่งเข้าหาจนเป็นชุมทางที่ใครต่อใครรู้ว่าจะเอาตำแหน่งอะไรในบ้านเมืองนี้ต้องวิ่งเข้าหาพล.อ.ประวิตร

แม้ว่าภาพที่แสดงออกจะเหมือนรักกันปานจะกลืนกินเป็นพี่น้องร่วมสาบาน และดูเหมือนว่า พล.อ.ประยุทธ์จะให้ความเคารพพล.อ.ประวิตร แต่การเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์วางตำแหน่งให้พล.อ.ประวิตรเป็นเพียงรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลเรื่องดินน้ำลมฟ้าอากาศภัยแล้งเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน นานวันเข้าก็อาจจะทำให้พล.อ.ประวิตรคิดเหมือนกันว่าทำไมตัวเองต้องอยู่ในสภาพแบบนี้

จุดแตกหักน่าจะมาจากที่ธรรมนัสคิดการใหญ่เพื่อจะโค่นพล.อ.ประยุทธ์ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ถามว่าเรื่องแบบนี้พล.อ.ประวิตรจะไม่รู้หรือ ถ้าพล.อ.ประวิตรไม่ไฟเขียวแล้วธรรมนัสจะกล้าทำไหม แต่เมื่อพล.อ.ประยุทธ์รู้ทันวิ่งเข้าป่ารอยต่อเพื่อไปเคลียร์ใจกับพล.อ.ประวิตรก่อนลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจคะแนนเลยพลิกผันกลับมา

แต่กระนั้นพล.อ.ประยุทธ์ก็ยังได้คะแนนไม่ไว้วางใจมากที่สุด จนเอาคืนสั่งปลดธรรมนัส และนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เราก็เห็นว่าหลังถูกปลดแล้วพล.อ.ประวิตรก็แสดงออกชัดเจนว่า ทั้งธรรมนัสและนฤมลนั้นเป็นคนของตัวเองโดยไม่ใส่ใจความรู้สึกของพล.อ.ประยุทธ์เลย ย่อมแสดงว่าพล.อ.ประวิตรรู้เห็นเป็นใจกับธรรมนัสมาตั้งแต่ต้น และเมื่อพล.อ.ประยุทธ์รุกเร้ามากขึ้นเพื่อให้พล.อ.ประวิตรจัดการกับธรรมนัสให้พ้นไปตำแหน่งเลขาธิการพรรค ก็จบลงด้วยพิธีกรรมอำพรางในการขับธรรมนัสออกจากพรรคไปอยู่กับพรรคที่พล.อ.ประวิตรให้คนของตัวเองเตรียมไว้แล้ว ดังคำพูดที่พล.อ.ประวิตรบอกว่า “พรรคของผมทั้งนั้น”

ความสัมพันธ์ของพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรจะมีความเป็นมาที่ลึกซึ้งเพียงไหนก็ตาม แต่จะสู้ธรรมนัสกับนฤมลที่เข้าไปเคลียคลอทุกวันแบบเช้าถึงเย็นถึงได้ไหม พล.อ.ประวิตรจะคิดไหมว่า เคยเป็นนายมาก่อนแต่วันนี้เหมือนไม่เกียรติกันไม่ได้มอบหมายงานสำคัญให้เลย แถมต้องดูแลส.ส.และคอยระวังให้พล.อ.ประยุทธ์ในทางการเมือง พล.อ.ประวิตรไม่คิดหรือไม่มีใครมาเป่าหูหรือว่าทำไมไม่เป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง ธรรมชาติของคนแก่ใครใกล้ชิดเอาใจก็จะฟังคนนั้น

ไม่รู้หรอกว่าหลังจากนั้นพล.อ.ประวิตรจะบอกอย่างไรกับพล.อ.ประยุทธ์ที่เข้าไปหาที่ป่ารอยต่อ แล้วถึงออกมาประกาศว่าไม่ยุบสภา ไม่ปรับครม.และตามมาด้วยเพลงอย่ายอมแพ้ เป็นการแสดงออกแบบใจดีสู้เสือ หรือเพื่อให้รู้ว่าอย่ามาต่อรองเพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด หรือวันนั้นพล.อ.ประวิตรรับปากจะดูแลก๊วนธรรมนัสไม่ให้แตกแถว

แต่ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าอดีตพล.อ.ประยุทธ์กับพล.อ.ประวิตรจะรักกันเพียงใด แต่วันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

หลายคนคิดตรงกันว่าถ้าพล.อ.ประยุทธ์ถูกกลุ่มธรรมนัสบีบ เพื่อจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีให้ คนอย่างพล.อ.ประยุทธ์จะไม่มีวันยอม เพราะเป็นคนยอมหักไม่ยอมงอ แต่ถ้าตัดกลุ่มธรรมนัสออกไปเสียงในสภาของพรรคร่วมรัฐบาลก็หมิ่นเหม่มาก หากเกิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนพฤษภาคมก็มีโอกาสมากที่จะถูกคว่ำกลางสภา และการเสนอกฎหมายสำคัญๆ ก็จะมีปัญหาเพราะที่ผ่านมาเกิดสภาล่มบ่อยมาก

และหากไม่จัดผลประโยชน์ให้ลงตัวจะเกิดการต่อรองอย่างมากจากส.ส.ทั้งฝั่งธรรมนัสและส.ส.พรรคเล็กอีก 10 กว่าเสียงที่จะต้องส่งเสียงกระจองอแงเพื่อขออำนาจต่อรองแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ที่ควรจะได้รับ ถึงตอนนั้นทางออกของพล.อ.ประยุทธ์ก็คือการยุบสภาก่อนที่จะถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถ้ายื่นแล้วไม่อาจยุบสภาได้

ผมเคยวิเคราะห์ว่าพล.อ.ประยุทธ์จะไม่ยุบสภาในปีนี้เพราะต้องการเป็นประธานประชุมเอเปกในปลายปี แต่ปัจจุบันต้องบอกว่า ปัจจัยต่างๆ มันได้เปลี่ยนไปแล้ว ถึงตอนนี้ยุบสภาเป็นไม้ตายที่พล.อ.ประยุทธ์ถืออยู่ในมือ เป็นอาวุธสำคัญอย่างเดียวที่พล.อ.ประยุทธ์มี และถ้าหมดทางคงต้องทิ้งความอยากที่จะเป็นประธานประชุมเอเปกเฉิดฉายบนเวทีโลกไปก่อน

แต่ถ้ายุบสภาเลือกตั้งกันใหม่ก็ต้องบอกว่าอนาคตทางการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ก็จะจบลงแค่นั้น ณ สถานการณ์ตอนนี้ต้องบอกว่ายากมากแล้วถ้าหากเลือกตั้งใหม่แล้วพล.อ.ประยุทธ์จะกลับมาได้ เพราะแม้จะยังมีเสียงส.ว.250 เสียงอยู่ไว้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี แต่ใครจะบอกได้ว่า 250 ส.ว.นั้นจะเหมือนเดิม และมีใครคิดว่าพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้จะสามารถรวบรวมเสียงส.ส.ได้เกิน 250 คนเพื่อเป็นเสียงข้างมากแล้วจัดตั้งรัฐบาลได้อีก และถ้าอีกฝั่งสามารถรวบรวมเสียงส.ส.ได้เกิน 250 เสียง ก็ยากมากที่ 250 ส.ว.จะยอมเป็นฝักถั่วอีก เพราะมันจะฝืนมติของประชาชน

ก็เหมือนอย่างที่พล.อ.ประยุทธ์พูดเมื่อไม่กี่วันนี้แหละว่า ตัวเองมาตามกระบวนการรัฐธรรมนูญ ตามขั้นตอนการเสนอชื่อของพรรคการเมืองเสียงข้างมาก เพราะสามารถรวบรวมเสียงส.ส.ได้เกินกึ่งหนึ่ง แต่ไปถูกบิดเบือนว่าส.ว.สืบทอดอำนาจให้ เท่ากับพล.อ.ประยุทธ์ยอมรับสภาพว่า ถ้าอีกฝั่งรวบรวมเสียงได้เกิน 250 คนส.ว.ก็คงไม่กล้าผืนมายกมือให้ฝั่งเสียงข้างน้อยเป็นนายกฯ

นอกจากปัจจัยสำคัญก็คือ บัตรเลือกตั้งแบบสองใบที่เชื่อว่า พรรคเพื่อไทยจะชนะได้เสียงข้างมาก แล้วเชื่อเถอะว่าจะมีส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐจำนวนไม่น้อยกลับไปพรรคเพื่อไทย เพราะสมัยที่แล้วหลายคนถูกบีบเข้าพรรคเพราะแรงกดดันของอำนาจรัฐ

ความแตกแยกระหว่างพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตรครั้งนี้ ไม่ว่าสุดท้ายจะจบลงอย่างไร แต่เห็นได้ว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องบูรพาพยัคฆ์ที่สร้างฐานขึ้นมาจากการรัฐประหารและเขียนรัฐธรรมนูญให้พรรคของตัวเองได้เปรียบได้ร้าวฉานไปแล้ว แม้ปากจะบอกว่ายังรักกันอยู่

ไม่ว่าสุดท้ายพล.อ.ประยุทธ์จะยอมงอไม่ยอมหักให้โควตารัฐมนตรีกับก๊วนของธรรมนัสหรือตัดสินใจยุบสภาก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่การเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ใช่เวทีของพรรคพลังประชารัฐอีกต่อไป ในที่สุดพรรคการเมืองพรรคนี้ก็เหมือนพรรคของทหารในอดีตที่ล่มสลายไปกับการสิ้นสุดอำนาจของผู้ก่อตั้ง

ความแตกร้าวในพรรคพลังประชารัฐ ความร้าวฉานของพี่น้อง 2 ป.คนที่นั่งยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจก็คงไม่ใช่ใครแต่เป็นโทนี่แห่งดูไบนั่นเอง

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan




กำลังโหลดความคิดเห็น