“การลอกเลียนอารยธรรมอื่น โดยที่ตนเองไม่เข้าใจ หรือโดยการนำมาทั้งดุ้น-เป็นไปไม่ได้ และเป็นอันตราย” นี่คือวาทกรรมของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยนัยแห่งวาทกรรมข้างต้น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พูดถึงการแลกเปลี่ยน และเรียนรู้อารยธรรมของชนชาติอื่น เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับอารยธรรมของจีน ให้เกิดความสมบูรณ์และมีความหลากหลายยิ่งขึ้น
แต่ในการนำแนวคิดและหลักการของคนอื่นมาใช้ จะต้องประยุกต์ให้เข้ากับของจีน มิใช่นำเข้ามาแล้วทิ้งของเก่าแล้วใช้ของใหม่แทน
ด้วยแนวคิดข้างต้น ประเทศจีนภายใต้การนำของสี จิ้นผิง เจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจประเทศจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากอเมริกา ทั้งมีโอกาสที่จะแซงขึ้นเป็นอันหนึ่งได้ไม่ยาก ถ้าจีนยังก้าวเดินตามเส้นทางสายนี้ต่อไป
ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ทั้งในด้านเนื้อที่และจำนวนประชากร
แต่ก็เป็นประเทศที่มีประวัติความเป็นมายาวนาน และมีวัฒนธรรมประเพณีเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ประกอบกับมีสถาบันพุทธศาสนานิกายเถรวาท และสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมแห่งศรัทธา และความจงรักภักดีของคนในชาติ
ดังนั้น การที่จะนำอารยธรรมรวมไปถึงแนวคิด และหลักการอื่นใดจากชนชาติอื่นเข้ามา จะต้องประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรมประเพณีคำสอนของพุทธศาสนา และพระราชจริยวัตรที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงวางไว้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิต ทั้งในแง่เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง โดยการนำแนวคิด และวิธีการในทุกด้าน จึงจะทำให้เกิดผลในทางปฏิบัติ และเป็นที่ยอมรับของประชาชน และกลายเป็นระบบบริหารจัดการที่มีเอกลักษณ์ของไทย เฉกเช่นที่ประเทศจีนได้นำลัทธิมาร์กซ์เข้ามาประยุกต์เข้ากับวัฒนธรรมประเพณี และคำสอนของนักปราชญ์จีนจนกลายเป็นระบบการปกครองที่มีเอกลักษณ์ของจีน
แต่ในความเป็นจริงเท่าที่ผ่านมา นับจากที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2475 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ผู้ที่มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงได้นำแนวคิด และหลักการปกครองจากประเทศตะวันตกเข้ามาโดยไม่มีการประยุกต์ใช้ให้เข้ากับวัฒนธรรม ประเพณี รวมไปถึงคำสอนของพุทธศาสนา ซึ่งมีอยู่ในทุกๆ ด้าน และพระราชจริยวัตรของพระมหากษัตริย์ ซึ่งมีคุณูปการต่อประเทศ และประชาชนมาปรับใช้ จึงทำให้การเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยไม่ก้าวไปเท่าที่ควรจะเกิด
แม้กระทั่งในการชุมนุมทางการเมืองของม็อบหลากหลายชื่อ และมากด้วยการจัดกิจกรรมที่เกิดขึ้นและเป็นอยู่ในขณะนี้ จึงมองไม่เห็นทางว่าจะทำให้ประเทศไทย และประชาชนได้รับประโยชน์จากการชุมนุมของคนกลุ่มนี้ได้อย่างไร