xs
xsm
sm
md
lg

เร่งวันเลือกตั้งทำไมจ๊ะ..?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



สนามการเมืองดูเหมือนจะคึกคักผิดธรรมชาติ ทั้งกิจกรรมการเลือกตั้งทั่วไปโดยที่ยังเหลือเวลาอีกกว่า 1 ปี ถมเถไปสำหรับการหาเสียง แต่ค่ายการเมืองต่างๆ ได้ลงพื้นที่พร้อมเสนอตัวผู้ที่มีศักยภาพและโอกาสเอาชนะคู่แข่ง ซึ่งดูแล้วน่าจะเข้มข้น

เดิมพันสำหรับการชนะเลือกตั้งครั้งต่อไปถือว่ามาก เป็นการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดของชาวคณะ 3 ป. ฟอร์เอฟเวอร์ ที่มุ่งมั่นจะอยู่ต่อในอำนาจให้นานที่สุด

ดิ้นรนโดยยังไม่รู้ว่าหัวหน้ารัฐบาลจะผ่านข้อสงสัยและข้อจำกัดของกฎหมายได้หรือไม่ว่าได้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาครบ 4 ปีแล้ว ไม่มีสิทธิอยู่ต่อ

แต่บรรดาเนติศรีธนญชัยพยายามโบ้ยว่าต้องตีความว่าท่านผู้นำห้าวเป้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น วันเริ่มต้นเพื่อนับให้ครบ 8 ปีนั้น เป็นวันไหนกันแน่

เรื่องจิตสำนึกสอนกันไม่ได้ ซื้อขายไม่ได้ ขึ้นอยู่กับระดับความคิดจิตใจ มโนธรรมของแต่ละบุคคล หิริโอตตัปปะ ความอยากอยู่ต่อในอำนาจทำให้ต้องสร้างปัญหาให้ตีความ และเรื่องนี้คงหนีไม่พ้นจากศาลรัฐธรรมนูญในที่สุด

เว้นแต่ว่าท่านห้าวเป้งเกิดเปลี่ยนใจนาทีสุดท้าย บอก “ผมพอแล้ว” ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นสำหรับคนที่มาเป็นผู้นำจากการรัฐประหาร ผ่านความเกี่ยวโยงในการร่วมทำรัฐประหารในปี 2549 และยึดอำนาจรัฐเองในปี 2557 อยู่ต่อจนทุกวันนี้

และคำประกาศว่า “จะขออยู่ให้ครบเทอม” ไม่มีคำพูดสักแอะว่า “จะไม่เอาแล้ว” ทั้งๆ ที่ควรจะรู้อยู่แก่ใจว่าได้เป็นหัวหน้ารัฐบาลครบ 8 ปี เมื่อสิ้นสมัยปัจจุบัน

ที่สำคัญ ควรจะตระหนักด้วยว่าการอยู่มานั้น ได้สร้างปัญหาหนี้สินมหาศาล

ความพยายาม “ลงพื้นที่พบปะประชาชน ตรวจราชการ” ตลอดมานั้น อันที่จริงเป็นการเดินสายหาเสียงล้วนๆ ใช้งบประมาณของรัฐจากเงินภาษีประชาชน ดังนั้นจึงไม่ควรหวังว่าท่านผู้นำห้าวเป้งจะยอมลงจากเวทีง่ายๆ แต่จะสู้ยื้อให้ถึงที่สุด

คณะ 3 ป. ฟอร์เอฟเวอร์เป็นกลุ่มอำนาจจากรัฐประหาร ได้สร้างฐานเพื่อสืบทอดอำนาจให้นานที่สุด เพราะรู้ว่าได้สร้างปัญหาอะไรไว้ มีคำครหาว่าเป็นยุคที่มีการทุจริต คอร์รัปชันมากที่สุดนั้น น่าจะก่อปัญหาทางกฎหมายหลังจากสิ้นอำนาจ

การเดินสายหาเสียงของแต่ละพรรค การคัดสรรผู้สมัคร การตีข่าวป่าวร้องทำเป็นเสมือนหนึ่งว่าท่านผู้นำห้าวเป้งอาจยุบสภาเพื่อให้เลือกตั้งวันไหนก็ได้ แม้จะมีคำปฏิเสธและคำอ้างตลอดว่าจะอยู่จนครบเทอม ไม่มีความจำเป็นต้องยุบสภา

แต่ก็มีคำถามว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรคการเมืองของคณะ 3 ป. นั้นจะชนะได้หรือเพราะผลงานที่ผ่านมาไม่เข้าตาประชาชน โดยเฉพาะการบริหารเศรษฐกิจซึ่งถูกมองว่าล้มเหลวซ้ำซาก ไม่มีอะไรใหม่ มีแต่เอาเงินภาษีไปแจกให้ชาวบ้าน

คำว่า “ยุทธศาสตร์ชาติ” ไม่มีอะไรเป็นสาระแก่นสาร บ้านเมืองไม่มีอนาคต เพราะการทุจริต คอร์รัปชันหยั่งรากลงลึกตั้งแต่การเมืององค์การปกครองท้องถิ่นทุกชั้น จนถึงระดับชาติ เป็นภัยต่อความอยู่รอดของบ้านเมือง ซ้ำเติมการบริหารล้มเหลว

ดังนั้น การรณรงค์เพื่อเลือกตั้งจึงถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองเพื่อกลบเกลื่อนปัญหาแท้จริงที่กำลังครอบงำประเทศ เป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคม และความเสี่ยงต่อการล่มสลายของระบบต่างๆ เพราะปัญหาหนี้สินไร้ทางออก

การทำโพลว่าใครเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ หลายครั้ง ท่านผู้นำห้าวเป้งไม่ได้มาอันดับ 1 ชาวบ้านบอกว่าไม่รู้จะเลือกใคร ยังไม่เห็นมีใครดีพอ เท่ากับเขย่าขวัญท่านผู้นำด้านโยบายประชานิยมถมไม่เต็มให้รู้ว่าตนเองไม่ได้รับความนิยมอะไรมาก

ทำโพลแต่ละครั้ง ได้คะแนนแค่ 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทั้งอยู่มานานกว่า 7 ปี เพียงแค่นี้ก็น่าจะกระตุกต่อมจิตสำนึกให้รู้ว่าถึงเวลาที่จะต้องหาทางลงได้แล้ว

การเมืองระดับชาติยังไม่มีความแน่นอน ยังมีการเร่งปั่นกระแสการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร การทำโพลซ้ำซาก แสดงให้เห็นว่าใครเป็นตัวเต็งหนึ่ง ตัวเต็งถัดมา การเปิดตัวของผู้มีศักยภาพ จนถูกมองว่าน่าจะเป็นการขับเคี่ยวอย่างร้อนแรง

นั่นเพราะผลประโยชน์มหาศาลจากโครงการต่างๆ จากงบประมาณประจำปีร่วม 1 แสนล้านบาท และองค์กรต่างๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจของผู้ว่าฯ เช่น การบริหารระบบขนส่งมวลชน ทั้งทางด่วน รถไฟฟ้า ตลาดต่างๆ และงานโยธาพัฒนาเมือง

ไม่ได้กำหนดว่าจะเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. วันไหน พรรคของคณะ 3 ป. ฟอร์เอฟเวอร์จะไม่ตัดสินใจเลือกว่าใครจะเป็นตัวแทน เพราะ “ผู้ว่าฯ หมูป่า” ที่เล็งไว้นั้นก็ยังไม่ตกปากรับคำว่าจะลาออกจากเก้าอี้ผู้ว่าฯ ปทุมธานี มาชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.

เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเมืองบริวารเมืองหลวงอยู่แล้ว จะดิ้นรนมาเสี่ยงกับการสอบตกในศึกเลือกตั้งเข้มข้นทำไม ถ้าพลาดแล้วจะทำอย่างไร มีตำแหน่งอะไรรองรับ

ยิ่งตัวเองมีปัญหา ขาใหญ่มหาดไทยไม่ชอบขี้หน้าด้วยแล้ว จะมาเสี่ยงทำไม สู้อยู่เป็นผู้ว่าฯ ปทุมธานีฝึกฝีมือก่อน เผื่อว่ามีการเมืองผกผัน คณะ 3 ป. ไม่ได้อยู่ฟอร์เอฟเวอร์ หรือชั่วนิรันดร์ ก็ยังมีช่องทางไปต่อได้ เหลือเวลาอีก 4 ปีกว่าจะเกษียณอายุ

เพื่อนผู้นำห้าวเป้งยังเป็นผู้ว่าฯ กทม. แต่ทำโพลทีไร ได้เกือบบ๊วย ทั้งๆ ที่อยู่มาหลายปี ก็ยิ่งหวาดเสียว สู้ขอให้ยื้อเวลาเลือกตั้งออกไปจะดีกว่า คณะ 3 ป. ก็ไม่เสียหาย แถมยังมีงบก้อนใหญ่ไว้บริหารอีกด้วย ดีกว่าเอาเก้าอี้ไปให้คนอื่น

มีงบ กทม. เกือบแสนล้าน กับงบประมาณแต่ละปีกว่า 3 ล้านล้านบาท พร้อมอำนาจการใช้จ่ายในสภาวะฉุกเฉินแบบคล่องมือ คล่องตัว เผลอๆ มีคล่องคอ ไร้การตรวจสอบเข้มข้น มันดีกว่าการเร่งเลือกตั้งเร็วทั้งระดับชาติและระดับ กทม.อย่างยิ่ง

อยู่ด้วยลีลากลบเกลื่อนความล้มเหลว แล้วจะดิ้นรนเลือกตั้งเร็วไปทำไม


กำลังโหลดความคิดเห็น