xs
xsm
sm
md
lg

อย่าให้ขบวนการล้มล้างลอยนวล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยในทางพฤตินัยอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าในทางนิตินัยจะไม่อาจเชื่อมโยงได้ แต่การแสดงออกของสมาชิกพรรคหลายครั้งก็ชัดเจนว่า พวกเขาต้องฟังคำสั่งของทักษิณว่าจะกำหนดบทบาทอย่างไรในพรรคเมื่อจะเคลื่อนไหวในแต่ละประเด็น และให้ใครขึ้นมามีอำนาจในพรรค

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การกระทำของม็อบบนถนนที่มีการกระทำเป็นขบวนการนั้นมีจุดมุ่งหมายคือ การล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทักษิณได้ออกมาชี้แจงว่า

“ขณะนี้ก็มีคนปล่อยข่าวว่า พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จะถูกยุบ โดยอ้างว่าผมไปสนับสนุนขบวนการล้มเจ้าบ้าง ไปอ้างว่ามีเงินไหลมาจากต่างประเทศ มาสู่ขบวนการล้มเจ้าบ้าง สรุปแล้วก็จะพาดพิงผมเป็นคนทำ ผมเลยต้องขออนุญาตออกมาเล่าให้พี่น้องฟังว่า ถ้าใครมีหลักฐานว่ามีโอนเงินมาจากผม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโอนเงินเข้าสู่ขบวนการล้มเจ้า ผมจะให้รางวัลอย่างงาม เพราะไม่มีทางมี และผมไม่เคยโอนเงินมา ไม่ว่าเรื่องใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ลำพังทำมาหากินและไว้ใช้ในต่างประเทศก็หนักหนาอยู่แล้ว คงไม่คิดจะโอนเงินมาทำอะไร”

ทักษิณ ระบุว่า ขอยืนยันว่าข่าวทั้งหลายเป็นข่าวปล่อยที่เป็นเท็จอย่างสิ้นเชิง ส่วนเรื่องที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับการล้มเจ้านั้น ยิ่งเป็นเรื่องที่ตลก และไม่มีมูลแม้แต่นิดเดียว เพราะเป็นคนที่จบโรงเรียนเตรียมทหาร จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และได้ทุนเล่าเรียนจาก ก.พ.ตามความต้องการของกรมตำรวจไปศึกษาต่อทั้งปริญญาโท และปริญญาเอก ที่อเมริกา เพราะฉะนั้นโดยธรรมชาติของตน นอกเหนือจากระบบสถาบันที่ต้องดำรงอยู่ด้วยความจงรักภักดีแล้ว ยังเป็นเรื่องความกตัญญูรู้คุณที่เป็นจุดแข็งในชีวิต ทำให้ชีวิตมีความสำเร็จมาทุกวันนี้ เพราะมีความกตัญญูรู้คุณ ดังนั้น เรื่องที่กล่าวหาทั้งหมด ขอยืนยันว่าไม่มีมูล และอย่าหวังว่า จะมีคนหลงเชื่อตามคนที่ปล่อย ขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง

ดูเหมือนทักษิณจะกินปูนร้อนท้อง แต่ขบวนการล้มเจ้าที่ทักษิณพูดถึงนั้น เป็นใครไม่ได้นอกจากมีที่มาจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ม็อบที่เคลื่อนไหวอยู่บนถนนเวลานี้นั้นเป็นการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นก็คือ การล้มเจ้านั่นเอง เพียงแต่เขาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง

แม้ทักษิณจะปฏิเสธความเชื่อมโยงแต่ขบวนการเคลื่อนไหวบนถนนเชื่อมโยงกับหลายฝ่ายที่ให้การสนับสนุน ทั้งนักการเมือง นักวิชาการ และสื่อมวลชน ซึ่งเป็นสิ่งที่อำนาจรัฐจะต้องดำเนินการต่อไป เพราะคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันกับทุกองค์กรเมื่อมีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ก็ไม่อาจปล่อยปละละเลยได้

มีพรรคการเมือง 2 พรรคที่มีสมาชิกออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนม็อบอย่างเปิดเผยก็คือพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย วันนี้เรายังไม่เห็นทั้งสองพรรคออกมาเคลื่อนไหวหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยออกมา หากโยงกับคำพูดของนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ the bottom blues ที่โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “โควตา ส.ส. ที่ใช้ในการประกันตัว ต้องยกให้ก้าวไกล แต่ก้าวไกลก็ขี้เหนียว กลับกันเป็นเพื่อไทยที่สู้ไปกราบไป ที่คอยสนับสนุนเงินทุนบ้าง”

แม้แอมมี่จะไม่กล่าวออกมา เราก็เห็นชัดเจนว่าพรรคการเมืองไหน นักการเมืองที่ออกมาสนับสนุนนั้นเป็นใคร เช่นเดียวกันนักวิชาการและสื่อมวลชนที่เปิดตัวอย่างโจ่งแจ้งว่า สนับสนุนการชุมนุมของมวลชนกลุ่มนี้บนท้องถนน ก็น่าตั้งคำถามกับหน่วยงานของรัฐว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

รองศาสตราจารย์ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมายมหาชน และเคยเป็นที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ คณะที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ 2560 กล่าวต่อ “ประชาชาติธุรกิจ” วิเคราะห์จุดเสี่ยง “พรรคก้าวไกล-เพื่อไทย” ต้องเกี่ยวข้องม็อบแค่ไหนถึงจะถูกยุบพรรคว่า ต้องดูในข้อเท็จจริง ต้องรัดกุมพอสมควรที่บอกว่าพรรคการเมืองไป “ร่วม” ใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างฯ หรือไม่

การที่ ส.ส.เข้าไปสังเกตการณ์การชุมนุม-พรรคการเมืองส่งคนไปประกันตัว จะเข้าข่ายเป็นตัวการ “ร่วม” หรือไม่ “เจษฎ์” ยก 3 ตัวอย่าง

1. ถ้าพรรคการเมืองส่งบุคลากรของพรรคการเมืองไป บอกเลยว่าเป็นการสนับสนุนจากพรรค ก. พรรค อ. คนที่ไปในนามพรรคก็บอกเลยว่า ฉันเป็นคนของพรรค ก. พรรค อ. ฉันมาสนับสนุน เห็นด้วยกับพวกเธอ ก็สุ่มเสี่ยงเข้าข่าย

2. ถ้ามีเส้นทางการเงินสนับสนุน ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เข้าข่าย

3. คนที่ไป สามารถถือได้ว่าเป็นตัวแทนของพรรคการเมือง เช่น ไปกับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กรรมการบริหารพรรคจำนวนหนึ่ง ก็อาจถือได้ว่าเป็นการกระทำของพรรคการเมือง

“มีความเสี่ยง แต่ไม่ถึงขนาดว่าไปร่วมทันที ต้องดูที่การกระทำ ถ้าไปในฐานะผู้สังเกตการณ์ ไปดูจริงๆ ใครมาถาม มาขอคำปรึกษา ไม่เอาอะไรสักอย่าง ขอยืนอยู่เฉยๆ ก็ไม่เข้า แต่ถ้าไปเขียนคำปราศรัย ประมวลรวมๆ แล้วก็อาจมีปัญหาได้ รวมถึงการถ่ายรูปอาจจะไม่ได้เข้าข่าย แต่การถ่ายรูปเดินมาเดินไป เชียร์คนนั้นที คนนี้ที อยู่ตลอด ก็อาจกลายเป็นว่าสนับสนุน แต่ทำแบบทางอ้อมหรือทำแบบซ่อนเร้นหรือปิดไม่มิดก็ต้องระวัง”

คำถามก็คือเมื่อศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยพฤติกรรมของม็อบออกมาเช่นนี้แล้ว หน่วยงานของรัฐซึ่งเป็นผู้ถืออำนาจทางกฎหมายได้ใช้โอกาสนี้ในการหยุดยั้งขบวนการล้มล้างหรือยัง

สิ่งที่ฝ่ายอำนาจรัฐต้องดำเนินการต่อไปก็คือ ต้องเปิดโปงขบวนการที่อยู่ข้างหลังม็อบออกมาว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ใครเป็นท่อน้ำเลี้ยง แม้ว่าทักษิณจะปฏิเสธว่าไม่เคยโอนเงินมาจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนพวกล้มเจ้า แต่มีเครือข่ายของเขามากมายในประเทศไทยที่อาจเชื่อมโยงไปถึงได้ว่าเป็นแหล่งเงินทุนของม็อบเหล่านี้

ไม่เพียงแต่ท่อน้ำเลี้ยงเท่านั้น แต่นักวิชาการหลายคนที่เป็นพี่เลี้ยงข้างเวที คอยปกป้องม็อบและไปยื่นประกันตัว คนเหล่านี้ก็ย่อมจะเป็นส่วนหนึ่งของม็อบที่ต้องการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ใช่เป็นเพียงแนวร่วมเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่านักวิชาการกลุ่มนี้ลงแรงร่วมกับม็อบเพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายที่ต้องการด้วยซ้ำไป คำถามว่าอำนาจรัฐและกระบวนการทางกฎหมายจะจัดการกับนักวิชาการเหล่านี้อย่างไร

ต้องยอมรับว่า วันนี้ขบวนการที่ต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นกำลังเข้มแข็งและเหิมเกริม มีการเปิดตัวสนับสนุนเกื้อกูลกันอย่างเปิดเผยอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่เพียงแต่ม็อบบนถนนเท่านั้นแต่มีการเปิดหน้าอย่างชัดเจนทั้งพรรคการเมือง นักการเมือง นักวิชาการ และสื่อมวลชนเพื่อท้าทายอำนาจรัฐ แต่ก็ยังมองไม่เห็นเลยว่าฝ่ายรัฐนั้นจะดำเนินการอย่างไรราวกับขื่อแปของบ้านเมืองไร้ความหมาย

แม้ทักษิณจะปฏิเสธแล้วว่าเขาไม่ได้ให้การสนับสนุนเงินทุนต่อกลุ่มล้มเจ้า แต่เราก็ต้องยอมรับว่า กลุ่มล้มเจ้านั้นมีอยู่จริง และกระทำการเคลื่อนไหวเพื่อไปสู่เป้าหมายของพวกเขาอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่ากลุ่มนี้จะรับเงินมาจากใครก็ล้วนแล้วแต่มีความผิดทั้งสิ้น

หากกฎหมายยังคงศักดิ์สิทธิ์และอำนาจรัฐยังคงอยู่ ก็ไม่ควรปล่อยให้เครือข่ายที่หนุนหลังขบวนการล้มเจ้าลอยนวล

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น