xs
xsm
sm
md
lg

2 แนวรบกับไฟสงครามที่เริ่มปรากฏขึ้นรางๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Mahmoud Ahmadinejad อดีตประธานาธิบดีอิหร่าน พลเอกAleksey Reznikov รัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน
เปิดฉากสัปดาห์นี้...ถ้าจะว่ากันถึงเรื่องฮอตๆ ร้อนๆ หรือประเด็นที่พึงต้องจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาในช่วงระยะนี้ เห็นจะไม่มีอะไรเกินไปกว่า 2 เรื่อง 2 แนวรบ ที่กำลังเป็น “ปัญหา” ทั้งในระดับภูมิภาคและในระดับโลก นั่นก็คือฉากเหตุการณ์ใน“แนวรบยุโรปตะวันออก” และ “แนวรบตะวันออกกลาง”นั่นแหละทั่น!!!

โดยสำหรับแนวรบด้านยุโรปตะวันออกนั้น...ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือช่วงวันที่ 13 พ.ย. ระดับรัฐมนตรีกลาโหมของยูเครน “พลเอกAleksey Reznikov” ถึงกับต้องโผล่ไปพูดในรัฐสภา ไม่ใช่แค่แถลงข่าวกับสื่อมวลชนโดยปกติ ถึงขั้นว่า กองทัพหมีขาวกำลังเตรียม “บุกยูเครน”ในช่วงเดือนมกราคมปีหน้าเอาเลยก็ไม่แน่!!! ด้วยการอ้างถึงหน่วยทหารจำนวนถึง 41 กองพลของรัสเซีย หรือ 94,3000 คน ที่ได้ดาหน้ามาประชิดติดพันอยู่แถวๆ พรมแดนยูเครน-รัสเซีย ไม่ต่างไปจากอดีตนายทหารนอกราชการ หรืออดีตประธานเสนาธิการทหารยูเครน “พลเอกIhor Romanenko”ที่ออกมาวิเคราะห์เจาะลึกแบบน่าขนหัวลุกเอามากๆ ให้กับสำนักข่าวต่างประเทศแต่ละสำนัก ว่าไม่เพียงกองกำลังทหารรัสเซียบริเวณด้านตะวันออกของยูเครนและในแหลมไครเมียเท่านั้น ที่พึงต้องจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาเป็นอันขาด แต่ยังรวมไปถึงกองทหารของพันธมิตรรัสเซียอย่างเบลารุสที่อยู่ด้านเหนือของยูเครน และกำลังทหารที่ภักดีกับรัสเซียในแถบประเทศมอลโดวา หรือแถบ “Transnistria” ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของยูเครน อาจบุกเข้ามาสมทบอีกด้วยต่างหาก???

โดยการสร้างความขนหัวลุก ขนคอตั้ง ในลักษณะเช่นนี้...ได้รับการเอออวย หรือเออออ-ห่อหมกอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจากรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา ประธานเสนาธิการทหาร รวมถึงสื่อกระแสหลักในตะวันตก ที่พยายามโหมฟืน โหมไฟไปในแนวเดียวกัน ทั้งๆ ที่โฆษกเครมลิน อย่าง “นายDmitri Peskov” พยายามออกมาย้ำแล้ว-ย้ำอีก ว่าใครที่นึกๆ ที่จินตนาการไปในแนวนี้ น่าจะออกไปทาง “Hysteria” หรือ “บ้า...ไปแล้ว” อะไรประมาณนั้น ไม่ก็ถือเป็นความพยายามของทั้งยูเครนและสหรัฐฯ ที่พยายามยัดเยียดให้อดีตประเทศในเครือสหภาพโซเวียตประเทศนี้ เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิก “นาโต” ให้จงได้ เพื่อหวังอาศัยข้อกำหนดตาม “มาตรา 5” ของสนธิสัญญาร่วมป้องกันทางทหารของบรรดาประเทศในยุโรปตะวันตก เป็นตัวปกป้องและสกัดกั้นรัสเซีย รวมทั้งเพื่อขยายขอบเขตอิทธิพลของ “นาโต” เข้าไปประชิดติดพันกับพรมแดนรัสเซียยิ่งขึ้นไปอีก ชนิดสามารถนำบ้องข้าวหลามยักษ์ หรือจรวดใดๆ ก็ตามมาวางไว้ใต้จมูกรัสเซีย หรืออาศัย “ความกลัวรัสเซีย” ของชาวยุโรป เป็น “เครื่องมือ” ในการกดดันประเทศมหาอำนาจคู่แข่งของอเมริกาไปโดยตลอดนั่นเอง...

อย่างไรก็ตาม...สำหรับหมีขาวรัสเซียแล้ว น่าจะมี “ไพ่” ในมืออยู่อีกหลายต่อหลายใบ ไม่ใช่แต่เฉพาะการอาศัยกำลังทหารลูกเดียวเท่านั้น ในการปกป้องตัวเองและตอบโต้กับตะวันตกหรือคุณพ่ออเมริกา ไม่ว่าในระหว่างการพบปะเจรจาระหว่าง “ปูติน-ไบเดน” ที่กำลังใกล้จะมาถึง การอาศัยบทบาทด้านพลังงานที่ถูกกล่าวหาว่าคิดใช้ “พลังงานเป็นอาวุธ” ชนิดถ้าปิดท่อแก๊ส ไม่คิดจะส่งแก๊สธรรมชาติให้กับบรรดาชาติยุโรปขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาส “แข็งทื่อ” กันไปเป็นประเทศๆ ย่อมเป็นไปได้เมื่อนั้น แต่ก็นั่นแหละ...ขณะที่การส่งออกสินค้าต่างๆ ของรัสเซียไปยังยุโรปยังขายดิบ-ขายดีเป็นเท่น้ำ-เทท่า แม้จะถูก “แซงชั่น” จากคุณพ่ออเมริกาไปแล้วไม่รู้กี่ดอก-ต่อกี่ดอก รัสเซียจึงแทบไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้อง “บุกยูเครน” ให้เมื่อยมือ-เมื่อยตีน หรือให้ต้องเจอกับแรงต่อต้าน เจอการ “แซงชั่น” หนักยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพียงแค่หาทางทำให้อเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ไม่คิด “ละเมิดเส้นตาย” หรือไม่คิดจะเอาจรวดมาวางไว้ใต้จมูกรัสเซียก็พอแล้ว แนวโน้มที่จะเกิดการ “บุกยูเครน” เกิดการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาในแนวรบด้านนี้ จึงไม่ถึงกับน่าห่วง น่ากังวล มากมายสักเท่าไหร่...

แต่สำหรับ “แนวรบด้านตะวันออกกลาง” นี่สิ!!! อย่างที่เคยว่าเอาไว้แล้วว่า น่าจะ “ร้อนสุดๆ” กว่าแนวรบด้านอื่น เนื่องมาจากความไม่ลงรอย-ไม่ลงตัว ของแนวคิด-วิธีคิดระหว่างคุณพ่ออเมริกากับพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างคุณทวดอิสราเอล ที่มีต่อสิ่งที่เรียกว่า “ภัยคุกคามอิหร่าน” นั่นเอง หรืออย่างที่คอลัมนิสต์ “Jerusalem Post” “นายHerb Keinon”ได้ว่าเอาไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “US-Israel have the same goal, vastly different sense of urgency” หรือแม้ว่าสหรัฐฯ และอิสราเอลจะมี “เป้าหมาย” อันเดียวกัน ในการระงับยังยั้งโอกาสพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์อิหร่าน แต่ในแง่ของ “ความรู้สึก” ต่อความเร่งด่วน ฉุกเฉินแล้ว ชักเริ่มผิดแผกแตกต่างกัน ระหว่างฟ้ากับเหวอะไรประมาณนั้น จนคอลัมนิสต์รายนี้ถึงกับให้คำเรียก คำนิยาม ว่า...เป็นความแตกต่างระดับ “3 Ts” คือ T-Threat, T-Trauma และ T-Trigger เอาเลยถึงขั้นนั้น...

สำหรับ T แรก หรือ “T-Threat” คือการมอง “ภัยคุกคามอิหร่าน” ของอเมริกา...ที่อยู่ห่างไปจากภูมิภาคตะวันออกกลางไม่รู้จะกี่โยชน์ต่อกี่โยชน์ อาจแตกต่างไปจากอิสราเอลที่ต้องอยู่ใกล้กับปากประตูบ้านของอิหร่านแค่ไม่กี่ศอก กี่วาเท่านั้นเอง แถมยังถูก “ล้อมกรอบ” ด้วยบรรดา “กองกำลังตัวแทน” ของอิหร่าน ไม่ว่าพวก “ฮามาส” ในปาเลสไตน์ พวก “เฮซบอลเลาะห์” ในเลบานอน หรือกองกำลังอิหร่านที่ซุกซ่อนอยู่ในซีเรีย ไปจนถึงพวก “ฮูตี” ในเยเมน ฯลฯ ชนิดไม่ว่าเปิดประตู เปิดหน้าต่าง ก็เห็นแต่ “ศัตรู” ของอิสราเอลไปด้วยกันทั้งนั้น สิ่งที่เรียกว่า “ภัยคุกคามอิหร่าน” จึงเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่ากลัว น่าหนักใจ สำหรับบรรดาลูกหลานกษัตริย์ดาวิดและโซโลมอนยิ่งกว่าพวกอเมริกันชนหลายต่อหลายเท่า ยิ่งความเป็นศัตรูที่ว่า...ไปไกลถึงขั้นคิดจะ “ลบประเทศอิสราเอลออกจากแผนที่” เอาเลยถึงขั้นนั้น ไม่ว่าโดยคำประกาศของอดีตประธานาธิบดีอิหร่านยุคก่อนๆ อย่าง “นายMahmoud Ahmadinejad” หรือกระทั่งล่าสุด “พลเอกAbolfazl Shekarchi”ผู้บัญชาการทหารอิหร่านก็ยังออกมาพูดในลักษณะเดียวกัน ก่อนการเริ่มต้นการเจรจารอบที่ 7 ระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านแค่ไม่กี่วันนี่เอง อันถือเป็นการตอกย้ำ “ภัยคุกคามอิหร่าน”ต่อความรู้สึกของชาวอิสราเอลยิ่งขึ้นไปอีก...

โดยเฉพาะถ้าหากอิหร่านเกิดมีโอกาสครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมาได้จริงๆ ย่อมทำให้บรรดา “กองกำลังตัวแทนอิหร่าน”ในตะวันออกกลาง ยิ่งกรี๊ดๆ กร๊าดๆ ยิ่งมั่นอก-มั่นใจต่อการตั้งตนเป็น “ศัตรู”กับอิสราเอลยิ่งขึ้นไปเท่านั้น ส่วน “T-Trauma” หรือความเจ็บปวดรวดร้าว ภายในจิตใจของชาวอิสราเอล โดยเฉพาะในเรื่องการสังหารหมู่ชาวยิวหรือ “The Holocaust” เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น ย่อมเป็นอะไรที่หนักหนา-สาหัสซะยิ่งกว่าเรื่อง “ความเป็นประชาธิปไตย-ไม่ประชาธิปไตย” ที่คุณพ่ออเมริกาพยายามหยิบมาชี้แนะ ชี้นำใครต่อใคร ที่คิดว่าเสรีภาพ-เสมอภาค-ภราดรภาพ เป็นเรื่องจริง-เรื่องจัง ไม่ใช่แค่ “มายาภาพ”ที่หลอกรับประทานแต่เพียงเท่านั้น ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ที่ยังตกตะกอนนอนก้นอยู่ในความรู้สึกของลูกหลานชาวยิวเช่นนี้นี่เอง จึงทำให้อิสราเอลมิอาจปล่อยให้แต่ละสิ่ง-แต่ละอย่าง เป็นไปแบบที่คุณพ่ออเมริกาต้องการ หรือไม่อาจปล่อยให้เกิดการ “ซื้อเวลา” ต่อไปเรื่อยๆ อีกทั้งด้วย “แสนยานุภาพ”ของกองทัพอเมริกา ที่อาจเล่นงานอิหร่านได้ตราบเท่าวินาทีสุดท้าย ขณะที่อิสราเอลไม่อาจรอคอยให้เกิดลากยาวไปได้ถึงขั้นนั้น การหันมาพิจารณาความเป็นไปได้ของ T ที่สาม คือ “T-Trigger”หรือการเหนี่ยวไกจุดไฟนรกสุดขอบฟ้าขึ้นมาซะแต่เนิ่นๆ จึงย่อมอุบัติขึ้นมาได้เสมอๆ โดยเฉพาะถ้าผลการเจรจารอบที่ 7 ระหว่างอเมริกากับอิหร่านที่กรุงเวียนนา ส่งผลให้อเมริกาคิดหวนกลับไปสู่ข้อตกลง “JCPOA” และยกเลิกการแซงชั่นอิหร่าน ที่เคยสร้างความเสียหายให้ศัตรูของอิสราเอลปีละไม่รู้กี่พัน กี่หมื่นล้านดอลลาร์...

แม้ว่าการเจรจาที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...จะถูกเลื่อนออกไปอีกครั้ง ด้วยเหตุผลที่รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกาอ้างว่าเพราะฝ่ายอิหร่านไม่ได้ “เอาจริง-เอาจัง” กับเรื่องการจำกัดการยกระดับสมรรถนะนิวเคลียร์มากมายสักเท่าไหร่ แต่ในสายตาของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน “นายSaeed Khatibzadeh” กลับเห็นว่า...เป็นเพราะการแทรกแซงของอิสราเอลนั่นเอง หรือเพราะหน่วยข่าวกรองอิสราเอลได้หอบข้อมูลหลักฐาน กล่าวหาว่าอิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียม-235 ไปจนถึงระดับ 90 เปอร์เซ็นต์เรียบร้อยแล้ว ไม่ใช่แค่ 60 เปอร์เซ็นต์ตามข่าวคราว ดังนั้น...ถ้าการกลับมานั่งโต๊ะเจรจากันใหม่ช่วงสัปดาห์หน้า ยังส่งผลให้คุณพ่ออเมริกาคิดเดินไปตามแนวคิด-วิธีคิดของตัวเองอีกล่ะก็ อิสราเอลอาจไม่อยากรอคอย ไม่คิดรอเวลาใดๆ อีกต่อไปแล้ว ด้วยเม็ดเงินงบประมาณที่ทุ่มเทเอาไว้ถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์ให้กับแผนปฏิบัติการที่เรียกว่า “MAMBAM”หรือ “War-Between-Wars”โอกาสจะเกิดการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า” ในแนวรบตะวันออกกลางตามมาหลังจากนั้น จึงใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!




กำลังโหลดความคิดเห็น