“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ณ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“อังคาร กัลยาณพงศ์” ได้เผยความรู้สึกของหัวใจ ก่อนร่ายบทกวี “สยามานุสสติใหม่” ว่า
“เมื่อผมมาเห็น พ่อแม่พี่น้องผู้กล้าหาญรักชาติแล้วน้ำตาไหล จะระลึกถึงไปจนวันตาย”
บทกวี “สยามานุสสติใหม่” ของ “ศิลปินอังคารฯ” ได้เรียงร้อยถ้อยไว้ดังนี้..
๑ เมื่อแรกสูญเสีย “ศรีอยุธยา” น้ำตาเป็นเลือดเดือดดุจพูดได้ น้ำตาหลั่งสั่งเลือดจดจำไว้ ให้ “เอกราชชาติ” อยู่คู่วิญญาณ ฯ
๒ ชาติไทยยิ่งใหญ่ “อิสระเอกราช” เร่งสร้างชาติให้ประเสริฐวิเศษวิศาล สอนสยามแล้งชั่วร้ายอันธพาล เก่งกล้าหาญ “ศรีสวัสดิ์” มงคลชัย ฯ
บางตอนของบทกวี ชีวิตเสียสละให้ชาติไทยอันศักดิ์สิทธิ์ ได้บันทึกไว้ว่า..
๒ ประชาชนพี่น้องตาดำดำ ต้องรับเวรกรรมแม้วระยำโลกเหวย ระบอบทักษิณกินชาติลงเอย สยามเอ๋ยจะอยู่ยั้งยืนยงฤา ฯ
๓ เสีย “อยุธยา” ก็สูญเสียแล้ว จะเสีย “บางกอกแก้ว” ซ้ำสองหรือ เสียชาติให้ระบอบทักษิณก็คือ ถูกซื้อสูญเสียสิ้นวิญญาณไทย ฯ
๔ อัปยศอดสู ปู่ ย่า ตา ยาย จะซ่อนหน้าน้ำตาไว้หนไหน อัปยศอดสูอยู่ในดวงใจ ดุจทาสละอายไทยหวาดไหวอดีตนาน ฯ
บางตอนของบทกวี “มารแม้ว” สมานฉันท์ ได้สำแดงเอกแห่งอักษรไว้ดังนี้..
๑ เจ็ดชั่วโคตรแล้งแต่งกาพย์โคลงฉันท์ เชิญ ท.การันต์หลบถังขยะหาย เหลือ “ฉัน” ไร้ ท.การันต์เดียวดาย แปลไหว้“พ้นพระ” ว่ารับประทาน
๒ “รับประทาน” มารฉ้อราษฎร์บังหลวง ลวงโลกโกงชาติอย่างอำมหิตหาญ “คอร์รัปชั่น” ฉาวแดกกันแหลกลาญ ล้างผลาญทั้งชาติศาสนาสารพัน ฯ
บางตอนของบทกวี ทากษิณ คือ ทากดูดเลือด ได้ร่ายอักษรกวีบันทึกไว้ว่า..
๑ ทากษิณ คือ ทากดูดเลือด เดือดร้อนสิ้นแผ่นดินสยาม ทากระยำต่ำช้าเลวทราม หยามเกียรติยศของชาติไทย ฯ
๒ สร้างระบอบวงจรอุบาทว์ พิฆาตอำนาจนำใจสมัย คือประชาธิปไตย เหยียบชาติไทยทุกมวลชน ฯ
บางตอนของบทกวี ขายประเทศ ขายชาติ ขายเอกราช ได้บันทึกถึงความชั่วร้ายของ“ทากษิณ” ดังนี้..
๑ ฮิตเลอร์แห่งสยามใจดำอำมหิต ศึกล้มล้างชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แก้รัฐธรรมนูญอิสระเสรีวิบัติ แจ่มชัดจะเป็นประธานาธิบดี ฯ
๒ ตั้งหน้าล้างชาติ ศาสนา มหากษัตริย์ มุ่งให้วิบัติสิ่งเลิศประเสริฐศรี เอาแต่โคตรตนพรรคคนกาลี ลบล้างวิถีชีวิตวิญญาณไทย ฯ
บางตอนของบทกวี ระบอบทักษิณโกงกินสิ้นชาติ ได้ร่ายอักษรการโกงชาติไว้ว่า..
๑ ระบอบทักษิณคือมหันตปัญหา ปล้นฆ่าเอกราชชาติสยามแหลกสลาย ระบอบคอร์รัปชั่นอันสุดชั่วร้าย มุหมายสวาปามสิ้นแผ่นดินไทย ฯ
๒ หินชาติทมิฬทักษิณ คือ “ฮิตเลอร์” ละเมอหิวอำนาจฉกาจฉกรรจ์ยิ่งใหญ่ ฮิตเลอร์แห่งเอเซียสยดสยองใน ใจดำอำมหิตมหันตอันธพาล ฯ
บางตอนของบทกวี ทักษิณจะเน่าสิ้นเกียรติยศ ของความเป็น “มนุษย์”..
๑ ทักษิณจะเน่าสิ้นเกียรติยศ ออกไปให้หมดทั้งโขยง ออกไปทุกโคตรคนโกง นั่นโลงจงหลั่งเลือดตา ฯ
๒ อโหหนักแผ่นดินเอือมระอา หน้าหนาหน้าด้านดั่งหินผา สิงคโปร์รีบเฉ่งเงินหุ้นมา เก๋าเจี๊ยะหิวป่าช้าทรมาน ฯ
“ศิลปินอังคารฯ” ได้ปลุกจิตให้สำนึกถึง เกียรติยศแห่งชีวิตมนุษย์ จึงขอถือโอกาสนี้ มอบคืนบางตอนให้แก่ศิลปินเอกอุ ในผลงานจิตรกรรมและบทกวีนิพนธ์ “อังคาร กัลยาณพงศ์” ดังนี้..
๑ สว่างวิเศษแสงแห่งเกียรติยศมนุษย์ วาวรุ้งดุจดาวระยับระย้าสวรรค์ เกียรติยศแท้ค่าเอกเอนกอนันต์ นั้นสถิตย์วิเศษไว้ในวิญญาณ ฯ
๒ เกียรติยศอยู่กลางในมนุษย์แท้ ไม่พ่ายแพ้ทุกกาละเทศะสถาน แววเกียรติยศสถิตย์ไว้ในงาน แก่นสารประโยชน์ยิ่งมิ่งมงคล ฯ
นั่นเป็นบทกวีเพียงน้อยนิดในหนังสือ “มัฆวานรังสรรค์” ของยอดศิลปินชาติไทย “อังคาร กัลยาณพงศ์” ที่พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก ในเดือนตุลาคม พ.ศ.2551 ผู้พิมพ์-จำหน่าย โดย สำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์ บริษัท บุ๊ค ด็อท คอม จำกัด ซึ่ง “ศิลปินอังคารฯ” ได้ระบุชัดเจนว่า รายได้อันเกิดจากค่าลิขสิทธิ์ ผู้เขียนมอบให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ด้วยผลงานศิลปะชั้นเลิศ ของศิลปิน “อังคาร กัลยาณพงศ์” โดดเด่นมากด้วยศาสตร์และศิลป์ ที่มีลีลากวีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทำให้ “อังคาร กัลยาณพงศ์” บุรุษผู้เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๖๙ ที่ตำบลท่าวัง อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ศึกษาศิลปะที่โรงเรียนเพาะช่าง และคณะจิตรกรรม ประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากร
“ศิลปินอังคารฯ” เป็นทั้งจิตรกรและกวีเอก ที่มีผลงานศิลปะร่วมสมัยมากมายทั้งสองด้าน ออกสู่บรรณพิภพอย่างมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะได้สร้างบทกวีเปี่ยมคุณค่ามาแล้ว ๙ เล่ม ดังนี้
กวีนิพนธ์ ของ อังคาร กัลยาณพงศ์ (๒๕๐๗) ลำนำภูกระดึง (๒๕๑๒) บางบทจากสวนแก้ว (๒๕๑๕) บางกอกแก้วกำสรวล หรือ นิราศนครศรีธรรมราช (๒๕๒๑) ปณิธานกวี (๒๕๒๙) หยดน้ำค้างคือน้ำตาของเวลา (๒๕๓๐) กวีศรีอยุธยา (๒๕๔๒) อลังการ อังคาร กัลยาณพงศ์ (๒๕๕๑) และ มัฆวานรังสรรค์ (๒๕๕๑)
เกียรติยศสำหรับหนึ่งในศิลปินเอกของไทย “อังคาร กัลยาณพงศ์” ได้รับรางวัลกวีดีเด่นของ มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป (๒๕๑๕) ได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือ The S.E.A. Write Award (๒๕๒๙) และได้รับการประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติเป็น “ศิลปินแห่งชาติ” สาขาวรรณศิลป์ (๒๕๓๒)
“อังคาร กัลยาณพงศ์” เป็นหนึ่งในบุรุษ ผู้สร้างผลงานมากมายไว้ให้แก่ชาติ ทั้งด้านจิตรกรรม และร่ายมนต์อักษรแห่งบทกวีอันเลอเลิศ
“ผู้คน” ได้อ่าน-ได้รู้-ได้เห็นถึง “พลังศาสตร์ศิลป์” ที่ส่งผ่าน “อักษรสารแห่งบทกวี” ที่สร้างจินตนาการและแรงบันดาลใจ ให้ “ผู้คน” อยากเขียนกวีนิพนธ์ ได้ศึกษาลีลากวีสื่อสารผ่านเส้นสายลายอักษรอย่างมีเอกลักษณ์..
ขอให้บรมครู “อังคาร กัลยาณพงศ์” ผู้ล่วงลับ..ไปสู่ภพภูมิอันประเสริฐด้วยเทอญ..
ณ วันที่ “อ.สมเกียรติ์ พงษ์ไพบูลย์” หนึ่งในห้าแกนนำ “พธม.” ลาจากโลกไป ผมต้องนั่งเงียบๆ ทบทวนเรื่องราวของเพื่อนคนนี้ ก่อนจะหยิบหนังสือบทกวีของ “อังคาร กัลยาณพงศ์” ซึ่งผมชื่นชอบมาอ่านอีกครั้ง ทำให้ยิ่งชื่นชม ถึง “จิตวิญญาณแห่งอักษรกวี” ที่มีชีวิตชีวา เปี่ยมด้วยศิลปะ อันพรูพรั่งออกมาจาก “สมองรักชาติอันทรงคุณค่า” ของศิลปิน “อังคาร กัลยาณพงศ์” ที่ประเมินค่าเป็นเงินทองทรัพย์สินใดๆ มิได้เลย..
ผมไม่ได้สนิทสนมกับ “อังคาร กัลยาณพงศ์” แต่ดีใจกับหนังสือบทกวี “มัฆวานรังสรรค์” ที่เกิดในยุค“พธม.”ชุมนุมเคลื่อนไหว ต่อสู้ขับไล่รัฐบาลเลือกตั้ง “นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร” รวมทั้ง“รัฐบาลในเครือข่ายทักษิณ” ที่โกงชาติและล้มเจ้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำร้ายจิตใจประชาชนไทยส่วนใหญ่ ที่รักเคารพ“สถาบันพระมหากษัตริย์”
แม้“วีรชน พธม.”ผู้เสียสละชีวิตอย่างกล้าหาญ รวมทั้ง“อังคาร กัลยาณพงศ์-อ.สมเกียรติ์ต พงษ์ไพบูลย์”ได้จากไปสู่สุคติชั่วนิรันดรแล้ว..
ทว่า..จนทุกวันนี้ “ทักษิณ ชินวัตร”กับเครือข่าย ไม่เคยสำนึกผิดที่โกงชาติกับล้มเจ้า ยังคงมุ่งยื้อแย่งอำนาจรัฐทุกวิถีทาง ทั้งๆที่เคยเผาบ้านเมือง ใช้อาวุธสงคราม ฯลฯ หวังก่อ“การจลาจล” บานปลายสู่ “สงครามกลางเมือง” เพื่อให้“ต่างชาติ” เข้ามาแทรกแซง แต่แผนการชั่วร้ายในอดีตล้วนล้มเหลว..
แต่ “ขบวนการล้มเจ้า” ยังคงปฏิบัติการอย่างเลวทรามต่ำช้า หลอกลวง “ผู้คน” ที่ไม่รู้ และไม่เท่าทันเล่ห์ร้าย “กลุ่มนักการเมืองล้มเจ้า” และ “ต่างชาติบางกลุ่ม” ที่ชักใยอยู่เบื้องหลัง “กลุ่มม็อบล้มเจ้า” ที่ทำผิดกฎหมายของชาติบ้านเมือง จน “เยาวชน” ต้องติดคุกกันระนาว เพราะโกหก“จะปฏิรูป” แต่กระทำจริงมุ่ง “ปฏิวัติล้มเจ้า” อย่างชัดแจ้ง
“ทักษิณ-ตี๋ทอน” กับพลพรรค ยังบังอาจแอบหนุน “กลุ่มม็อบล้มเจ้า” มิหยุดยั้ง!
“กลุ่มสามปอ” ที่ยึดอำนาจรัฐนานเกือบ 8 ปี ยังไร้ปัญญาสยบขบวนการล้มเจ้าได้ดังควร..!!
สังคมไทยยังไม่สงบศานติ..ชาติกับประชาชนยังคงเดือนร้อนไม่สิ้นสุด..!!!