ผู้นำรัฐบาลไปแสดงวิสัยทัศน์อีกรอบ ครอบคลุมทุกมิติเนื้อหาในปัญหาของบ้านเมือง อ้างว่ารับรู้ปัญหาทุกอย่าง แต่ไม่บอกชัดแจนว่าจะแก้ปัญหาได้สำเร็จอย่างใด นอกจากขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยรวมแล้วท่าทีลีลาเหมือนเดิม
ประเด็นที่ต้องการสื่อสารในปาฐกถายาวเหยียด หัวข้อ “จับมือ รวมใจ พาไทยรอด” ในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 39 วันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเสนาบดีไป 2-3 รายร่วมงานด้วยนั้น ก็คือการบอกให้ชาวบ้านรับรู้ว่า “ลุงจะอยู่ต่อไปอีกแน่”
ไม่มีท่าทีว่าจะเหนื่อยล้า อ้างว่าเป็นภาระสำคัญต้องพาให้ชาติรอด ไม่มองตัวเองว่าที่ผ่านมากว่า 7 ปีนั้นตัวเองและคณะคือปัญหาของบ้านเมืองโดยแท้
ด้วยมาดเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น พูดเสียงดังฟังชัด ไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าตัวเองตระหนักและต้องรับผิดชอบปัญหาของบ้านเมือง ทั้งย้ำให้พ่อค้าสมาชิกหอการค้าต่างๆ ให้รู้ว่าตัวเองได้พยายามอย่างเต็มที่ และจะพยายามต่อไป
พ่อค้าได้ฟังแล้วจะซาบซึ้งเชื่อมั่นอย่างไรหรือไม่ มองว่าบ้านเมืองจะมีอนาคตสดใสอย่างไร ถ้าก๊วนกุมอำนาจหน้าเดิมนี้จะยังอยู่ต่อไป คงต้องไปสอบถามกันเอง
ฟังแล้วไม่มีอะไรใหม่ ที่ผ่านมามีแต่ข่าว “นายกฯ กำชับนั่น กำชับนี่ สั่งการเรื่องนั้น เรื่องนี้” โดยตลอด แต่มีเรื่องอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอัน แก้ปัญหาได้หรือไม่ ไม่ต้องสงสัย เพราะถ้ามีคนรับคำสั่งจัดการได้สำเร็จ บ้านเมืองคงไม่อยู่ในสภาพอย่างนี้
อย่างไรหรือ? ก็ปัญหาเดิมๆ ซ้ำเลวร้ายกว่าเดิม เป็นมาก่อน 7 ปี และทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ซ้ำมีแนวโน้มว่าจะเอาไม่อยู่ เพราะผู้กุมอำนาจบริหารบ้านเมืองไร้ความสามารถ มีแต่คำคุยโม้โอ้อวด วิสัยทัศน์ ความรู้ มีปัญหา
ก็เป็นได้แต่เพียง “หัวหน้ารัฐบาล” ไม่ถึงขั้นเป็น “ผู้นำประเทศ”
ลองมาฟังดูว่า ท่านหัวหน้ารัฐบาลได้กล่าวไว้อย่างไรบ้าง เรื่องปัญหาที่ค้างคาอยู่ทั้งเก่าและใหม่ เรื้อรัง เป็นไปตามฤดูกาล ทั้งปัญหาเฉพาะหน้า เอาเพียงเรื่องปลูกผักชี เอารถทหารไปขนสินค้า ก็สร้างความฮาชาวบ้านหัวเราะแทบกรามค้าง
“มาตรการในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมีหลายด้าน เรามีทั้งปัญหาสุขภาพ ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ และเรามีปัญหาที่มีมาโดยตลอดคือความยากจน ปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรม ปัญหาเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขัน...” ก็เป็นปัญหาเดิมทั้งนั้น ใช่หรือไม่
ทีนี้ ท่านหัวหน้ารัฐบาลอ้างว่า “ทั้งหมดได้บรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติเพื่อแก้ปัญหาให้ตรงประเด็นและจัดสรรงบประมาณในโครงการต่างๆ ให้ตรงเป้าหมาย แต่ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันก็ไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ จึงอยากฝากให้ทุกคนช่วยกันดูยุทธศาสตร์ชาติว่าทำงานกันโดยอย่างไร…” ตกลงใครเป็นปัญหา ใครจะแก้ปัญหา
ท่านยังร่ายยาวต่อ “ยืนยันไม่ได้เป็นเรื่องการยึดครองอำนาจหรืออะไรทั้งสิ้น ในเรื่อง 20 ปีโดยผมยังอยู่มันไม่ใช่ ทุกคนทุกวันตื่นขึ้นมารู้หรือไม่ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร วันนี้จะอยู่หรือจะตายไม่มีใครรู้ แต่ที่เรารู้คือเราจะวางอนาคตข้างหน้าอย่างไร...”
“...เป็นสิ่งที่ผมคิดใน 6 ยุทธศาสตร์ชาติ จึงมีแต่หัวข้อกำหนด ผมถามว่ายังมีอีกกี่เรื่องที่ต้องทำ มีอีกกี่แผนแม่บท และเรายังต้องมีการปฏิรูปด้วย อย่าลืมว่ามีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวข้องอีกหลายหน่วยงาน มีกฎระเบียบตรงไหนที่ต้องดำเนินการ ถ้าต่างคนต่างทำก็ยังเป็นอยู่แบบเดิม ผมไม่ต้องการให้การทำงานเป็นแบบไซโล แต่อยากให้ทุกกระทรวง ทุกหน่วยงานคุยกัน”
ทีนี้มาถึงบทสำคัญ “...แค่ผมสั่งให้ทหารปลูกผักชี พูดไม่ครบถึงผักชนิดอื่นก็โดนแล้ว ทหารเขาปลูกไว้กินใครจะซื้อก็ซื้อ ใครไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร จะได้ไม่ต้องไปซื้อของแพง ทหารปลูกไว้แจกด้วยซ้ำ เขาปลูกอยู่แล้วในค่ายทหาร ไม่ได้ว่าจะไปแข่งกับใคร ถ้าใครลำบากก็มาซื้อในที่ทหาร...”
“... เรื่องรถขนส่งก็เช่นกัน ถ้าเดือดร้อนขึ้นมาจริงๆ ขาดแคลนสินค้าขนส่งก็มาขอทหาร ผมก็ต้องช่วย และผมไม่ได้เปิดการขนส่งแข่งกับใครอย่าไปฟังเขาบิดเบือน ถ้ามันเดือดร้อนขึ้นมาไม่มีรถวิ่งเลยแล้วจะทำอย่างไร จะให้แบกกระสอบเดินกันหรือ พูดไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้น แต่บางทีก็ถูกบิดเบือนเยอะแยะไปหมด”
ตอนนี้พูดครั้งแรก กับพูดตอนนี้ ชาวบ้านที่มีสติปัญญาก็รู้ว่าความหมายที่คนพูดต้องการสื่อสารนั้นต่างกัน ครั้งแรกนั้นเป็นย้อนแบบถือดี พูดไปโดยไม่รู้ว่าจะมีคนอยากหัวเราะในความไม่เดียงสาในการรับรู้และแก้ไขปัญหา
จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ทุกวันนี้มีแต่ปัญหารุมเร้า แต่ผู้นำรัฐบาลคิดว่าตัวเองเก่งอยู่คนเดียว ปากก็ว่ารับฟังความคิดเห็นของคนอื่น มีเสียงร่ำลือว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรี ตัวเองร่ายยาวอยู่คนเดียว ถ้าใครพูดแย้งหรือเห็นต่าง รับรองซวยแน่
หนทางที่อยู่รอดสำหรับเสนาบดีที่อยู่เป็น ก็ต้องหุบปากเก็บลิ้น ถ้าจะมีคำพูดก็มีเพียง “เห็นด้วยครับท่าน” “ผมว่าดี เหมาะสมครับท่าน” โดยรวม ต้องมีศิลปะในการเชลียร์ขั้นเทพ จากนั้นจะไปนินทาลับหลังไม่ได้ ไม่มีทางรอดจากการไม่ถูกรับรู้
อ้อ! มีอีกเรื่อง ล่าสุดจากความเป็นนักตีกินชุบมือเปิบ ก็มีข่าวว่าอยากจะไปตีกินกับโครงการรถไฟความเร็วสูงของลาว โครงการสร้างราง 3 กม. ภายในประเทศยังไม่คืบหน้าไปไหน นี่จะไปเชื่อมต่อรางกับเขาที่หนองคาย ง่ายๆ สบายๆ
บอกแล้วว่าตราบใดที่ก๊วนนี้ยังอยู่ บ้านเมืองจะยังดักดานเรื้อรังอย่างนี้!