xs
xsm
sm
md
lg

การเมืองไม่ใช่ทางออกของทุกข์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



สภาพของบ้านเมืองทุกวันนี้เป็นอย่างไร คนไทยอยู่ดีมีสุขกันอยู่หรือ กิจกรรมการเมืองดูเหมือนจะคึกคัก เป็นเพราะจะมีการเลือกตั้งทั่วไปอีกไม่นานจากนี้ หรือว่าเป็นเพียงลีลาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาเศรษฐกิจ และการระบาดของโควิด-19

นั่นเป็นเพียงประเด็นต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของชาวบ้าน แต่ในความเป็นจริง ชาวบ้านอยากรู้ว่าอนาคตของประเทศนี้จะเป็นอย่างไร รัฐบาลมีแนวทางนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากการตายซากได้หรือไม่ มีความเป็นไปได้หรือไม่

ทุกวันนี้คนไทยลำบาก ขึ้นอยู่กับระดับของรายได้ คนมีฐานะก็ลำบากน้อย แต่ก็มีความเสี่ยงกับการระบาดของโควิด-19 เท่ากัน ถ้าใช้ชีวิตตามปกติ ในสภาพที่เปิดประเทศและการทำมาหากินไปเหมือนก่อนการระบาด นักเลือกตั้งยังอยู่เย็นเป็นสุข

แต่มีความเท่าเทียมกันอีกประการหนึ่งคือ ต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงเท่ากัน ไม่มีทางเลือก เป็นปัญหาหลักของประชาชนทุกสาขาอาชีพ ราคาน้ำมันแพงเป็นตัวกระตุ้นอัตราเงินเฟ้อ สินค้าหลายรายการแพงขึ้น เงินในกระเป๋ามีค่าน้อยลง ทั้งยังหายาก

สินค้าราคาแพงเป็นเพราะค่าขนส่งแพง ต้นทุนทุกชนิดสูงขึ้น และเป็นความขาดแคลนของสินค้าเกษตรเพราะยังมีน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ เช่นภาคกลาง

คนไทยต้องจ่ายเงินซื้อน้ำมันและพลังงานประเภทอื่นๆ แพงมากกว่าเพื่อนบ้านที่มีพลังงานเช่นน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซ้ำร้ายเราต้องขึ้นอยู่กับราคาในสิงคโปร์ หรือที่เรียกว่า Singapore Posted Prices เป็นอย่างนี้มาหลายสิบปี

เหมือนเป็นทาสของรูปแบบโครงสร้างราคา ไม่ยอมดิ้นรนเพื่อเป็นอิสระ ประเภทของน้ำมันก็มีหลากหลาย พ่อค้าแอลกอฮอล์ก็มั่งคั่งจากกำไรงาม

ก่อนไทยมีการขุดพบน้ำมันดิบ “เพชร” ในกำแพงเพชร และก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยและบนบก การอ้างราคาสิงคโปร์ดูจะมีเหตุผลอยู่บ้างเพราะสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการกลั่นน้ำมันในภูมิภาคนี้ เป็นแหล่งซื้อขาย ขนส่งน้ำมันสำเร็จรูปด้วย

สิงคโปร์ไม่มีการผลิตน้ำมันแม้แต่หยดเดียว แต่ไทยก็ยอมรับ ทำให้สงสัยว่าทำไมรัฐบาลทุกยุคถึงยังต้องอ้างราคาสิงคโปร์ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลทุกยุคไม่สนใจไยดี ทำให้สงสัยว่ามีผลประโยชน์เร้นลับ

ถ้าผู้กุมอำนาจรัฐแต่ละยุคไม่มีผลประโยชน์ส่วนตน ทำไมจึงไม่ดิ้นรนตั้งราคาตามศักยภาพและการผลิตที่เป็นอยู่ ผู้ผลิตภายใต้สัมปทานและผู้ค้าถูกมองว่ามีอิทธิพลเหนือรัฐบาล ประชาชนถูกทอดทิ้ง ทั้งๆ ที่ทุกรัฐบาลอ้างว่ารักประชาชน

มายุคนี้ก็เช่นกัน การปกป้องผลประโยชน์อย่างหนักทำให้ไม่สามารถลดภาษีน้ำมันเพื่อช่วยเหลือภาคขนส่งได้ ปัญหาหลักก็คือสภาวะ “ถังแตก” เรื้อรัง ไม่ลดภาษีเพื่อบรรเทาความลำบากของประชาชน ไม่ยอมขาดรายได้ เพราะไม่มีรายได้อย่างอื่น

ยอมกู้เงินอุ้มราคาน้ำมัน เพิ่มภาระหนี้สินให้ประชาชนไปใช้คืนในวันหน้า

จะโทษผู้ค้าน้ำมันก็ไม่ได้ ถ้ารัฐบาลไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย หรือถ้าอยากช่วยเหลืออย่างจริงจังต้องกำหนดนโยบายแห่งชาติด้านพลังงาน ไม่ส่งออกทั้งน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูปหรือพลังงานทุกชนิดที่ประเทศผลิตไม่เพียงพอสำหรับการใช้ในประเทศ

เป็นความพิสดารหรือความอัปยศกันแน่ที่การส่งออกน้ำมันดิบและก๊าซโซลีนธรรมชาติ Natural gasoline ที่เป็นผลพลอยได้ของการผลิตก๊าซ ถูกอ้างว่าเป็นความจำเป็นด้วยเหตุผลพิลึก อ้างว่าดีเกินไป โรงกลั่นในประเทศกลั่นไม่ได้ ฯลฯ

รัฐบาลทุกยุค ไม่กล้าเผชิญกับการถกเถียงอย่างจริงจังเพื่อหาทางออก ซ้ำร้ายนอกจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การผลิตไฟฟ้าก็อยู่ในกำมือของกลุ่มทุนใหญ่

แรงกดดันกำลังก่อตัวเพิ่มขึ้นในภาคการขนส่ง ผู้ประกอบการรถบรรทุกพยายามใช้มาตรการต่างๆ เพื่อให้รัฐบาลลดราคาดีเซล 5 บาทต่อลิตรเพียง 1 ปี เพื่อให้ลืมตาอ้าปากได้บ้าง แต่ก็ถูกปฏิเสธซ้ำซาก นั่นเป็นเพราะกลัวว่าจะขาดรายได้

การใช้ดีเซลไม่ใช่เพียงภาคการขนส่ง โครงสร้างราคาน้ำมันที่บิดเบี้ยวทำให้ราคาดีเซลต่ำกว่าความเป็นจริง ทำให้รถกระบะและรถประเภทอื่นๆ กระบะดัดแปลง รถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ใช้เป็นรถส่วนตัวหันมาใช้ดีเซล ทำให้ความต้องการเพิ่มขึ้น

รัฐบาลบริหารประเทศภายใต้ภาวะจำยอม ผู้กุมอำนาจทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อไปให้นานที่สุด ทั้งๆ ที่ไม่มีแผนกอบกู้ฟื้นฟูอย่างจริงจัง การเปิดประเทศเพื่อหวังรายได้จากการท่องเที่ยวก็ต้องทำในภาวะความเสี่ยงต่อการระบาดของโควิด

ความขัดแย้งในกลุ่มผู้กุมอำนาจที่อยู่ในความสนใจของชาวบ้านถูกมองว่าเป็นการคุมเชิง เล่นเกมชิงอำนาจ โดยไม่ใส่ใจต่อความทุกข์ยากของประชาชน ในจังหวัดที่มีน้ำท่วม การเยี่ยมเยียนลงพื้นที่ทำเป็นเพียงผักชีโรยหน้า ทำครั้งสองครั้งก็เลิก

ชาวบ้านในภาคอีสานและภาคกลาง เช่นอยุธยา ยังจมน้ำอยู่ต่อไป ความเสียหายในพื้นที่การเกษตรจะทำให้ขาดรายได้ เพิ่มปัญหาหนี้สิน ขาดกำลังซื้อ

ชาวนากำลังมีทุกข์หนักจากราคาข้าวเปลือกตกต่ำ พ่อค้าอ้างว่ายังมีข้าวจากฤดูก่อนอยู่เต็มโกดัง ไม่สามารถซื้อเพิ่มได้ การส่งออกทำได้เพียงกว่า 3 ล้านตัน รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบก็คุยโม้ว่าจะทวงแชมป์ส่งออกคืน

ในความเป็นจริง การส่งออกข้าวปีนี้ไทยตามหลังอินเดียและเวียดนามอย่างที่ไม่มีทางจะแซงได้ ยิ่งมีปัญหาการขาดแคลนเรือ ตู้คอนเทนเนอร์ ค่าระวางเรือแพงด้วยแล้ว ความฝันที่จะส่งออกเกิน 5 ล้านตัน น่าจะเป็นเพียงความฝัน

ดูสภาพแล้ววังเวง การเมืองก็ไม่มีอนาคต นักเลือกตั้งที่ลอยหน้าลอยตาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ไม่ใช่ทางออกปัญหาของบ้านเมืองแน่ๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น