xs
xsm
sm
md
lg

จะเลือกตั้งอย่างไรประชาธิปไตยจะก้าวหน้า?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สามารถ มังสัง


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
ในขณะนี้ข่าวการยุบสภาฯ และจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปได้ปรากฏทางสื่อบ่อยขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นได้ ทั้งนี้อนุมานจากปรากฏการณ์ทางการเมืองดังต่อไปนี้

1. การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ดำเนินการปลดเลขาฯ และเหรัญญิกของพรรคพลังประชารัฐออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยกระทรวงแรงงาน โดยไม่บอกกล่าวให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคทราบล่วงหน้า ได้ทำให้เกิดรอยร้าวขึ้นในพรรคพลังประชารัฐในเชิงลึก และเชื่อได้ว่ารอยร้าวนี้รอวันแตกแน่นอน

ดังนั้น นับจากนี้เสียงสนับสนุนรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่แน่นแฟ้นเหมือนเดิม จึงทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในสภาฯ เป็นไปได้ยาก และทุกครั้งที่รัฐบาลเสนอกฎหมายสำคัญจะสุ่มเสี่ยงต่อการแพ้โหวต โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับตรวจเงิน ถ้าไม่ผ่านสภาฯ ก็จะทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีทางเลือกเพียงสองทางคือ ลาออกกับยุบสภาฯ แต่ในสองทางเลือกนี้คงจะยุบสภาฯ มากกว่า

2. ในระยะนี้ได้มีนักการเมืองระดับแกนนำ ทั้งจากขั้วฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แม้กระทั่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเคยบอกว่าตนเองไม่ได้เป็นนักการเมือง ก็ลงพบปะประชาชนถี่ขึ้น ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้

3. ได้มีข่าวการตั้งพรรคใหม่เกิดขึ้นเพื่อรอการเลือกตั้ง โดยเฉพาะปลัดมหาดไทยซึ่งเพิ่งเกษียณอายุราชการเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง ก็มีข่าวว่าจะตั้งพรรคการเมืองด้วยเช่นกัน

จากปรากฏการณ์ 3 ประการข้างต้น บ่งบอกค่อนข้างชัดเจนว่า รัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คงจะอยู่ไม่ครบเทอมแน่นอน และจะต้องลงจากตำแหน่งด้วยการยุบสภาฯ ค่อนข้างแน่นอน

ถ้าการอนุมานข้างต้นถูกต้อง ก็แปลว่า คนไทยมีโอกาสเลือก ส.ส.กันอีกครั้งเพื่อเข้าไปทำหน้าที่สำคัญ 2 ประการคือ

1. ด้านนิติบัญญัติคือ การออกกฎหมายเพื่อเป็นเครื่องมือในการปกครองประเทศ และทำหน้าที่คอยปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ และประชาชนโดยรวม

2. ด้านบริหาร โดยการจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากในสภาฯ เพื่อทำหน้าที่บริหารประเทศให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนในทุกด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งส่งผลโดยตรงแก่ประเทศ และประชาชน

ด้วยเหตุที่ ส.ส.มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการบริหารประเทศแทนปวงชนในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น ประชาชนจะต้องเลือกคนดี คนเก่ง มีความรู้ มีความสามารถ และมีคุณธรรมกำกับการใช้ความรู้ ความสามารถเข้าไปทำหน้าที่แทนตนเอง จึงทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า จะเลือกอย่างไรจึงจะได้คนดี และมีความสามารถ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้เขียนคิดว่าถ้าประชาชนมีสิทธิในการเลือก ทุกคนมีความตั้งใจจริง คงจะทำได้ไม่ยาก เพียงเปิดหูฟังการเสียง เปิดตาดูพฤติกรรมที่แสดงออกที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับสิ่งที่เขาพูดว่าสอดคล้องกันไหม โดยหลักที่ว่าพูดเหมือนทำ ทำเหมือนพูด อย่าเลือกคนที่พูดอย่างทำอย่าง หรือพูดอย่างเดียวไม่ทำ พร้อมกันนี้ให้ดูพฤติกรรมองค์กรของพรรคว่าที่ผ่านมาเป็นอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้ดูพฤติกรรมแกนนำและกลุ่มทุนของพรรคว่าส่งผลกระทบทางบวกหรือลบต่อการเมืองโดยรวม และสอดคล้องกับความเป็นประชาธิปไตยหรือเป็นเผด็จการสภาฯ ภายใต้การบงการของนายทุน

ที่สำคัญที่สุดอย่าเลือกเพราะเห็นแก่อามิสเล็กน้อยที่เขามอบให้ เพื่อแลกกับการลงคะแนนให้ เพราะถ้าทำเช่นนั้น ก็จะได้รัฐบาลที่เข้ามาถอนทุนโดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ซึ่งเท่ากับสนับสนุนคนโกงนั่นเอง และในขณะเดียวกัน อย่าเลือกคนที่พูดอย่างเดียวแต่ไม่ทำ ให้ยึดหลักนักปราชญ์จีนที่ว่า “Only Talk Harms the Country While Hard Work Maker if Flourish” ซึ่งแปลโดยใจความว่า เอาแต่พูดอย่างเดียว ทำให้ประเทศหายนะ แต่การทำงานหนัก ทำให้ประเทศก้าวหน้าสู่ความสำเร็จ


กำลังโหลดความคิดเห็น