xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำกบดานหนีวิกฤต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



คงแทบไม่มีผู้นำรัฐบาลไหนในโลกที่ใช้วิธีกบดานหนีวิกฤต ขณะที่ประชาชนทั้งแผ่นดินเผชิญความเสี่ยงภัยสารพัด ในกรณีบ้านเรา ยังไม่มีการประเมินแน่ชัดว่าผลกระทบต่อชีวิตคนระหว่างการระบาดของโควิด-19 และภัยเศรษฐกิจซบเซาถดถอย อะไรมากกว่า

แต่ทั้งสองวิกฤต มีความเชื่อมโยงกันอย่างแยกไม่ออก พร้อมจะซ้ำเติมอีกวิกฤตหนึ่งตลอดเวลา ทั้งยังไม่มีหนทางออกชัดเจนว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้อย่างไร ซ้ำร้ายต่อให้วิกฤตหนึ่งบรรเทาลงได้ ก็ยังเหลือวิกฤตอื่นๆ รอรับการแก้ไข

เพียงแต่ว่าคณะรัฐบาลผู้บริหารบ้านเมืองชุดปัจจุบันไร้สติปัญญา ความสามารถ และทรัพยากรที่จะจัดการได้อย่างน่าเชื่อถือ อุปสรรคสำคัญคือการทุจริตคอร์รัปชันเรื้อรัง เพราะขณะที่บ้านเมืองมีวิกฤตรุนแรง กลุ่มกุมอำนาจฉวยโอกาสสร้างความมั่งคั่งกว่าเดิม

รวมความแล้ว วิกฤตหนักที่สุดของประเทศคือกลุ่มกุมอำนาจปัจจุบัน นอกจากสร้างปัญหาแล้ว ยังปิดกั้นหนทางให้ประชาชนมีทางเลือกได้ผู้มีความรู้ ความสามารถเข้ามาแก้ไขปัญหาเพราะมีการผูกขาด รวบอำนาจ อยู่ยาวนานเริ่มตั้งแต่เขียนรัฐธรรมนูญ

เป็นการล็อกตาย ไร้หนทางแก้ไข ขณะที่ผู้กุมอำนาจผูกขาดย่ำยีบ้านเมือง สร้างทุกข์ให้ประชาชนด้วยท่าทีผยอง ยโสโอหัง ขาดจิตสำนึกในการแยกแยะผิดชอบชั่วดี

ปัญหาโควิด-19 วิกฤตเศรษฐกิจตายซากเรื้อรัง โครงสร้างสังคม จริยธรรม กระบวนการยุติธรรมเสื่อมโทรมผุกร่อน ไร้ความน่าเชื่อถือ ระบบนิติรัฐไร้ความหมาย ทำให้คณะผู้กุมอำนาจอยู่ในลักษณะของ “รัฐบาลเป็ดง่อย” ใกล้จะเป็น “รัฐล้มเหลว” ทุกวัน

ที่น่าอนาถก็คือ หัวหน้าคณะรัฐมนตรียังทำตัวเป็นนินจาไร้ฝีมือ อาศัยความดื้อด้านทนกบดานหนีวิกฤตอยู่ในบ้านพักอยู่ค่ายทหาร ไม่โผล่หน้าออกมาว่าราชการงานเมือง เว้นแต่มีกิจกรรมไม่ต้องใช้สติปัญญามากมายเช่น การไปเยี่ยมผู้ป่วยหาคะแนน

เป็นการตีกินแบบไม่ต้องลงทุนอะไร เพียงแต่ให้เป็นข่าวว่าตัวเองยังอยู่ แม้จะกบดานใช้วิธีติดต่อกับคณะรัฐมนตรี และข้าราชการบางครั้งผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ช่วงหายไปนานที่สุดก็ร่วมเดือน ชาวบ้านรู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องมีผู้นำก็ได้

โผล่หน้าออกมาในรายการอีเวนท์ตีกินคะแนน ชาวบ้านถาม “ยังอยู่อีกหรือ”

แต่หัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็ไม่รู้สึกอาย ยังตีฝีปากเจื้อยแจ้วแนวเฉไฉไขสือดื้อด้านว่าเป็นห่วงประชาชน รู้สึกเสียใจที่มีคนเสียชีวิต ผู้ติดเชื้อรวมแล้วมากกว่า 1 ล้านคน ยอดคนเสียชีวิตใกล้จะถึง 1 หมื่นรายอีกไม่กี่วัน ก็ยังไม่รู้สึกว่าถึงเวลาต้องรู้สึกอายได้แล้ว

ม็อบเยาวชนฮึกเหิมหาเรื่องปะทะกับเจ้าหน้าที่ทุกวัน เป็นส่วนหนึ่งของข้ออ้างว่าต้องการไปประท้วงหน้าบ้านหัวหน้าคณะรัฐมนตรีที่อยู่ในค่ายทหาร ตำรวจต้องเหน็ดเหนื่อยปกป้องผู้นำกบดานทุกวัน เผชิญกับประทัดยักษ์ ลูกเหล็ก พลุไฟ เสี่ยงอันตราย

ตัวการให้เกิดประท้วงไม่รู้สึกเดือดร้อน เป็นสุขอยู่ในค่ายทหาร ประชาชนชาวแฟลตดินแดงและสัญจรบริเวณใกล้เคียงต้องทนกับสภาพเหมือนมิคสัญญีทุกเย็น จนกระทั่งถึงเวลาเคอร์ฟิว เมื่อม็อบแยกย้ายกลับบ้าน ดมพิษแก๊สน้ำตาทุกค่ำ

ชาวแฟลตดินแดงไม่มีทางเลือก เมื่อหัวหน้าคณะรัฐมนตรีไม่ทุกข์ร้อน กบดานอ้างเวิร์คฟอร์มโฮมเป็นเหตุบังหน้า จนสร้างความสงสัยว่าเมื่อไม่ต้องไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาล หมกตัวกบดานอยู่ในค่ายทหารหนีปัญหา น่าจะย้ายไปอยู่ที่ค่ายทหารอื่นๆ บ้าง

ผู้นำห้าวเป้ง พูดจากระโชกโฮกฮากเป็นมะนาวไม่มีน้ำ ไร้สำนึกคารวะต่อประชาชนเจ้าของประเทศ กลับต้องมาซุกตัวหนีม็อบเอาตัวรอด

เมื่อเลือกได้ ก็จะช่วยกำจัดเหตุที่ม็อบต้องมาสิ้นสุดการชุมนุมด้วยการปะทะกับตำรวจทุกเย็นย่านดินแดงและบริเวณใกล้เคียง เพื่อช่วยชาวดินแดง อาจสลับที่กบดานในค่ายทหาร เช่น ค่ายอดิศร สระบุรี ค่ายนวมินทราชินี ค่ายสระแก้ว กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายลพบุรี

อยู่ที่ไหนก็บริหารบ้านเมืองผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ได้ไม่ใช่เรอะ เพราะไม่ต้องไปทำเนียบฯ หรือไปงานสำคัญอยู่แล้ว งานอีเวนท์ตีกินคะแนน หาเวลาส่งเสียงเจื้อยแจ้วออดอ้อนพวกติ่ง แม่ยกพ่อยก ผ่านโฆษกรัฐบาล หรือคณะทำโฆษณาชวนเชื่อชุดใหม่ก็ได้

อยู่ไปเพื่อซื้อเวลา หวังว่าได้วัคซีนมากมาฉีดให้ชาวบ้านได้ในปีหน้า จำนวนผู้ติดเชื้ออาจลดลง อาจจะอ้างขออยู่ต่อก็ได้ แต่นั่นยังเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ เพราะกว่าจะได้มาทั้งวัคซีนและระบบที่มีประสิทธิภาพ คนติดเชื้ออาจสูงกว่า 2 ล้านรายแล้วก็เป็นได้

การใช้เวลาเป็นตัวช่วยหาทางออกให้ตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความล้มเหลวในการบริหารบ้านเมืองตลอด 7 ปีกว่าได้ทำให้ปัญหาและวิกฤตเรื้อรังยากต่อการแก้ไข จำเป็นต้องใช้คณะบุคคลมีความรู้ ความสามารถ สติปัญญา ใจซื่อมือสะอาดจัดการ

คณะปัจจุบัน ได้สร้างปัญหามากมายจนบ้านเมืองใกล้เป็นรัฐล้มเหลว ทั้งไร้จิตสำนึกรับผิดชอบ อยู่ไปแต่ละวันได้สร้างหายนะ ความสิ้นหวังให้ชาวบ้าน ท่ามกลางเสียงสาปแช่งด่าของประชาชน หนักอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ชาติไทย

การระบาดอย่างหนัก ยอดรายวันติดอันดับท็อป 10 ในโลกบางวัน ยิ่งทำให้วิกฤตเศรษฐกิจสาหัสหนักกว่าเดิมด้วยมาตรการลองผิดลองถูก ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนปิดตัว หยุดทำงาน เสียหายหลายแสนล้าน คนหลายแสนคนตกงาน ขาดรายได้ หนี้สินพอกพูน

ยุครัฐบาลนี้มีคนฆ่าตัวตายหนีทุกข์ หนีปัญหาชีวิตมากที่สุด แต่หัวหน้าคณะรัฐมนตรีก็ไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบ ต้องอาย ทั้งยังอ้างว่าไม่ท้อ ขออยู่ต่อเพื่อแก้ปัญหาที่คณะตัวเองได้สร้างสะสมมานานกว่า 7 ปีเพราะไร้ความรู้ สติปัญญา

ประชาชนมีทั้งหนี้ครัวเรือนติดอันดับ 1 ของโลก รัฐบาลกู้เก่ง ให้เงินไปมากกว่า 20 ล้านล้านในช่วงเสวยสุขในอำนาจจากการรัฐประหาร โดยบ้านเมืองไม่มีดีขึ้น สภาเศรษฐกิจเป็นบ๊วย ครองอันดับโหล่ในอาเซียน ทั้งๆ ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2


กำลังโหลดความคิดเห็น