วันนี้...สงสัยคงต้องแวะไปดูแถวๆ ยุโรปเค้าสักหน่อย!!! เพราะได้ข่าวแว่วๆ ว่า นับจากนี้เป็นต้นไป โอกาสที่ใครต่อใครจะได้เห็น “รั้วกั้น” หรือ “กำแพง” ผลุบๆ โผล่ๆ ขึ้นมาในประเทศต่างๆ ทั่วทั้งยุโรป แบบเดียวกับประเภท “กำแพงทรัมป์” อะไรประมาณนั้น ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ อันเนื่องมาจากแนวโน้มแห่งการไหลบ่า ไหลทะลัก ของบรรดาผู้อพยพหลบลี้หนีภัยชาวอัฟกานิสถาน หลังการเข้ายึดครองประเทศของพวกนักรบ “ตอลิบาน” และการหนียะย่าย พ่ายจะแจของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก แบบชนิดใส่เกียร์หมา เกียร์สุนัข กันไปเป็นแถบๆ...นั่นเอง...
คืออันที่จริง...บรรดาชาวยุโรป เขาเคยถึงขั้น “ผงะ” กับคลื่นแห่งการไหลบ่า การอพยพของพวกผู้อพยพหลบลี้หนีภัย ในช่วงเมื่อสักสี่ซ้าห้าปีที่แล้ว หรือช่วงประมาณปี ค.ศ. 2015 ที่เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น บรรดาผู้คนจากตะวันออกกลาง ไม่ว่าที่แตกกระสานซ่านเซ็นจากประเทศซีเรีย อันเนื่องมาจากการสอดแทรก การส.ใส่เกือก ของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตกที่ทำให้เกิด “สงครามกลางเมือง” เล่นเอาผู้คนต้องเผ่นหนีจากบ้านเกิด-เมืองนอนของตัวเองแบบชนิดจ้าละหวั่น หรือกระเจิดกระเจิงมาจากประเทศเยเมน อันเนื่องมาจากพันธมิตรคุณพ่ออเมริกาอย่างซาอุดีอาระเบีย บุกเข้าไปถล่มบ้าน ถล่มเมือง โดยมีบรรดาประเทศในยุโรปจำนวนไม่น้อยให้ความช่วยเหลืออีกนั่นแหละ ไปจนถึงประเทศลิบง ลิเบีย ที่มีชะตากรรมแทบไม่ได้ต่างไปจากกัน ฯลฯ เลยทำให้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น จำนวนผู้อพยพหลบภัยจากตะวันออกกลางที่พยายามดิ้นรนกระเสือกกระสนเข้ามาในแผ่นดินยุโรป มีจำนวนถึง 1.3 ล้านคน เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
บ้างก็ใช้วิธีลอยเรือเท้งเต้งอยู่กลางทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อหาทางขึ้นฝั่งในประเทศยุโรปประเทศใดประเทศหนึ่งให้จงได้ บ้างก็ใช้วิธีเดินเท้าไปทางบก ข้ามดินแดนตุรกีแล้วค่อยลัดๆ เลาะๆ เข้ามาสู่ยุโรป แม้จะเต็มไปด้วยภยันตราย ต้องเสี่ยงภัย เสี่ยงโชค แถมยังถูกรังเกียจเดียดฉันท์ ถูกกีดกั้น กีดกัน ซะอีกด้วยต่างหาก แต่ก็ยังอุตส่าห์ทะลักเข้ามาได้นับเป็นล้านๆ คนส่งผลให้บรรดาชาวยุโรป โดยเฉพาะพวก “นักการเมือง” ประเภทขวาจัด หรือชาตินิยมจัด อะไรทั้งหลาย หยิบเอามาใช้เป็น “ประเด็นทางการเมือง” ในการต่อต้าน คัดค้าน เล่นงานรัฐบาลหรือใครก็ตาม ที่ยังพอหลงเหลือความรู้สึกในด้านความเป็นมนุษย์ หรือในด้าน “มนุษยธรรม” จนคะแนนนิยมทางการเมืองหายวับไปกับตากันเป็นจำนวนไม่น้อย เช่นผู้นำเยอรมนีอย่าง “นางอังเกลา แมร์เคิล” เป็นต้น ที่จะเป็นเพราะรู้สึก สำนึกถึง “บาปกรรม” ที่บรรดาประเทศตะวันตกและอเมริกา กระทำต่อบรรดาประเทศเหล่านี้ หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่ แต่การเปิดรับผู้อพยพจากตะวันออกกลางคราวนั้น ก็เล่นเอาถูกด่า ถูกประณาม ถูกวิพากษ์ วิจารณ์ ชนิดเละเป็นขี้ เป็นโจ๊ก ไปพอสมควร...
ด้วยเหตุนี้...เมื่อ “บาปกรรม” ที่อุบัติขึ้นมาในอัฟกานิสถานเมื่อ 20 ปีที่แล้ว มันเริ่มส่งผล เริ่มก่อให้เกิดหนี้เวร-หนี้กรรม เกิดบรรดาผู้ที่คิดอพยพหลบลี้หนีภัยจากบ้านเกิด-เมืองนอนของตัวเอง ด้วยเหตุเพราะความกลัว ความหวาดระแวงสงสัยต่อบรรดาพวกนักรบ “ตอลิบาน” ที่เข้ามาครอบครองประเทศ ซึ่งก็ออกจะเป็นอะไรที่น่าขนลุก ขนพองอยู่พอสมควรเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อหวนกลับนึกถึงการปกครอง ดูแล บ้านเมืองเมื่อครั้งอดีต และแม้แต่ทุกวันนี้...ก็เริ่มมีข่าวล่า-ข่าวลือ ออกมามั่งแล้ว ว่าเริ่มเกิดการไล่ล่า พร่าผลาญ ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคนเหล่านี้ การกดขี่สิทธิสตรี ไปจนถึงขั้นจับมา “เผา” เอาเลยก็มี จริง-ไม่จริง...คงต้องไปสืบสาว เอาความ จากนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรี อย่าง “นางNajla Ayoubi” ที่ออกมาให้ข่าวกับ “Sky News” เมื่อวัน-สองวันนี้กันเอาเองก็แล้วกัน...
แต่เอาเป็นว่า...ผู้ที่อพยพหลบหนีออกมาได้แล้ว ก็มีจำนวนประมาณ 28,000 คน แต่ที่ยังรอๆ ยังจับเจ่าอยู่แถวๆ สนามบิน “Hamid Karzai International Airport” ยังมีจำนวนไม่น้อยกว่า 50,000-60,000 คน บางรายถึงกับมุดเข้าไปใต้ล้อเครื่องบิน บางรายกระโดดเกาะเครื่องเอาดื้อๆ เลยต้องตกมาตาย ต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง อย่างน่าเวทนาและน่าสลดใจเอามากๆ อย่างเช่น “Zaki Anwari” นักฟุตบอลเยาวชนทีมชาติอัฟกันที่อายุแค่ 17 ปีเท่านั้นเอง และนั่นยังไม่รวมไปถึง ถ้าหากบรรดาผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับ “ตอลิบาน” ที่เริ่มหันไปตั้งหลักอยู่แถวๆ พื้นที่ภาคเหนือ และกำลังร้องขอความช่วยเหลือด้านการเงิน-การทอง อาวุธยุทโธปกรณ์จากอเมริกาและตะวันตก เกิดการปะทะ ขัดแย้งกันไปถึงขั้นก่อให้เกิด “สงครามกลางเมือง” ขึ้นมาอีกครั้ง จำนวน “คลื่นผู้อพยพ” จากอัฟกานิสถาน ก็อาจบานปลาย ขยายตัว ปาเข้าไปเป็นล้านๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ประเทศในยุโรป อย่างประเทศกรีซ โดยรัฐมนตรีกระทรวงปกป้องสิทธิพลเมือง “นายMichalis Chrisochoidis” จึงได้ออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดังฟังชัด ว่าจะเริ่มต้นโครงการสร้าง “กำแพง” ความยาวประมาณ 40 กิโลเมตร บริเวณชายแดนตุรกีเอาไว้ก่อนล่วงหน้า “เพราะเราไม่อาจรอคอยว่าสถานการณ์อนาคต(อัฟกานิสถาน)จะเป็นไปในแง่บวก ดังนั้น...เราคงต้องเร่งทำให้ชายแดนของเราเกิดความปลอดภัยและรุกล้ำไม่ได้” ส่วนอีกประเทศอย่างลิธัวเนียนั้น แม้ไม่ได้กลัวผู้อพยพหลบลี้หนีภัยจากอัฟกานิสถานโดยตรง แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมารัฐสภาลิธัวเนีย ก็ได้ตัดสินใจลงมติให้สร้างกำแพง หรือรั้วกั้นไว้แถวๆ ชายแดนประเทศเบลารุส เพื่อป้องกันผู้อพยพหลบภัยที่เป็นชาวยุโรปด้วยกันเอง แบบเดียวกับที่ประเทศฮังการี เคยคิดสร้างกำแพงเอาไว้แถวๆ ชายแดนโครเอเชียเมื่อปี ค.ศ. 2015 และแถวๆ ชายแดนเซอร์เบียเมื่อปี ค.ศ. 2017 อะไรทำนองนั้น หรือพูดง่ายๆ ว่า...ความรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์ หรือความรู้สึกในด้าน “มนุษยธรรม” ของบรรดาชาวยุโรปทุกวันนี้ น่าจะออกอาการสาละวันเตี้ยลง-เตี้ยลง ไปตามลำดับ ยิ่งโดยเฉพาะถ้าหากต้องมีอัน “ชดใช้กรรม” จากกรณีอัฟกานิสถานด้วยแล้ว...
เยอรมนีที่เคยพยายามใช้หนี้กรรม ในยุคผู้นำอย่าง “นางอังเกลา แมร์เคิล” แต่สำหรับคราวนี้...ผู้ที่คาดว่าจะขึ้นมาเป็นผู้นำรายใหม่ อย่าง “นายArmin Laschet” ก็ได้ออกมายืนยันเอาไว้แล้วว่า... “ความผิดพลาดจากครั้งเปิดรับผู้อพยพจากซีเรีย จะต้องไม่เกิดขึ้นต่อไปอีก” ส่วนฝรั่งเศสที่ใกล้จะเลือกตั้งในฤดูใบไม้ผลิปีหน้า ขณะที่คู่แข่งทางการเมืองประเภทขวาจัด อย่าง “นางมารีน เลอ แปง” ออกมากระตุ้นบรรดาชาวฝรั่งเศส ให้ตระเตรียมระมัดระวังคลื่นผู้อพยพจากอัฟกานิสถาน ผู้นำคนปัจจุบัน อย่างประธานาธิบดี “เอ็มมานูเอล มาครง” ก็เลยได้แต่อ้อมๆ แอ้มๆ เอาไว้ประมาณว่า... “โดยยุโรปเพียงลำพัง ย่อมไม่อาจแบกรับผลพวงจากสถานการณ์ในอัฟกานิสถานได้มากมายสักเท่าไหร่” เช่นเดียวกับอิตาลี ผู้ที่กำลังมีคะแนนนิยมทางการเมืองสูงยิ่งขึ้นทุกที อย่าง “นายMatteo Salvini” แห่งพรรค “Northern League Party” ก็ได้สรุปเอาไว้แบบดื้อๆ ทื่อๆ ว่า “อิตาลีไม่อาจต้อนรับผู้อพยพนับเป็นแสนๆ คนได้ เราอาจรับได้แค่เพียงไม่กี่โหลเท่านั้น” ส่วนรองนายกรัฐมนตรีโปแลนด์ “นายPiotr Glinski” ก็ได้ออกมาแสดงความภาคภูมิใจไม่น้อย ด้วยคำพูดที่ว่า... “โปแลนด์ได้ปกป้องตัวเองจากคลื่นผู้อพยพเมื่อปี ค.ศ. 2015 อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเราคงต้องปกป้องตัวเองในรูปนี้ต่อไป...”
ขณะที่อังกฤษ...พันธมิตรผู้เคียงบ่า-เคียงไหล่ ผู้ร่วมสร้างเวร-สร้างกรรมกับคุณพ่ออเมริกามาในแทบทุกเรื่อง ทุกกรณี แม้ว่านายกรัฐมนตรี “บอริส จอห์นสัน” จะออกมาป่าวประกาศว่าพร้อมผู้อพยพหลบภัยจากอัฟกานิสถาน ประมาณ 5,000 คน ภายในสิ้นปีนี้ แต่ก็มิวายถูกองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่าง “A Union Jack-bedazzled” ออกมาดุด่า ว่ากล่าวแบบเสียๆ หายๆ พร้อมทั้งเริ่มรณรงค์สร้างความร่วมมือจากชาวผู้ดีอังกฤษ ด้วยการเสนอคำขวัญแบบเดียวกับประเภท “American First” ของ “ทรัมป์บ้า” นั่นเอง คือ “HELP ARE OWN FIRST” หรือสรุปง่ายๆ ว่า...ยุโรปแทบทั้งยุโรปที่ต่างก็นิยมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนไปด้วยกันทั้งสิ้น แต่กลับแทบไม่ได้คิด “ชดใช้กรรม” ซึ่งประเทศตัวเองร่วมก่อ ร่วมสร้างขึ้นมา หรือแทบไม่อยากสนใจต่อสิ่งที่เรียก “สิทธิแห่งความเป็นมนุษย์” เอาเลยแม้แต่นิด...