xs
xsm
sm
md
lg

ผู้เฒ่าโจ...กับ“ความเสื่อม”ครั้งประวัติศาสตร์ของอเมริกา!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โจ ไบเดน
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องลองไปหาทางประเมิน “ความเสื่อม”ของคุณพ่ออเมริกา จากการเสียหมา เสียสุนัข ในกรณีการถอนทหารออกจากอัฟกานิสถาน ที่ทำให้กรุงคาบูล “แตกดังโพละ” ภายในเวลาไม่ถึง 9 วัน ไม่ใช่ 90 วัน ตามที่หน่วยข่าวกรองอเมริกันได้เคยประเมินเอาไว้ก่อนล่วงหน้า และทำให้การลงทุน ลงแรง “ยัดเยียดประชาธิปไตย” มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในช่วงระยะ 20 ปี ของอเมริกาและพันธมิตรตะวันตก ต้อง “แห้วกระป๋อง” อย่างเห็นได้โดยชัดเจน หรือทำให้คุณค่า มูลค่า “ความเป็นอเมริกา” ออกจะตกต่ำ เสื่อมโทรม ทรุดโทรม ยิ่งกว่าครั้ง “ไซ่ง่อน”แตกเอาเลยก็ว่าได้...

คือโดยประเด็นดังกล่าว...ไม่เพียงทำให้เกิดการ “ด่ากันไป-ด่ากันมา”ภายในสังคมอเมริกัน ชนิดเล่นเอา “คะแนนนิยม” ทางการเมืองของ “ผู้เฒ่าโจ” ออกอาการ “รูดมหาราช” ตกต่ำสุดๆ อย่างแทบไม่เคยมีมาก่อน และอาจส่งผลให้การเลือกตั้งกลางเทอมของอเมริกาในปีหน้า ต้องพลิกคว่ำ-พลิกหงาย พรรครัฐบาลอย่างเดโมแครต อาจสูญเสียที่นั่งในสภาสูง สภาล่าง ก่อให้เกิด “ปัญหา” ต่อความพยายามฟื้นฟู บูรณะเศรษฐกิจมูลค่านับล้านล้านดอลลาร์ การหาทางทำให้ “อเมริกากลับมายิ่งใหญ่” เช่นเดิม หรือ “การแข่งขันแบบสุดเหวี่ยง”สุดสวิงริงโก้กับมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย ฯลฯ อย่างชนิดมิอาจปฏิเสธ แถมยังก่อให้เกิดความหวาดเสียว สยดสยอง ต่อบรรดา “พันธมิตรอเมริกา” ในทั่วทุกซีกโลก หรือทั่วทุก “แนวรบ” อีกด้วยต่างหาก ที่อาจถูก “ถีบทิ้ง”หรือ “ถีบหัวเรือส่ง” เหมือนอย่างอัฟกานิสถานขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...

กระทั่งนักเขียน-นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ อย่าง “นายPaul A Nuttall”อดีตสมาชิกรัฐสภายุโรป ถึงกับต้องไปหยิบเอาจดหมายของอดีตหัวหน้าผู้ก่อการร้าย อย่าง “อุซามะห์ บิน ลาเดน”แห่งองค์กร “อัลกออิดะห์” เมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ. 2010 ที่เขียนไปถึงบรรดาผู้สนับสนุน ให้หาทางร่วมมือวางแผนลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี “บารัค โอบามา” เมื่อครั้งคิดเดินทางมาเยือนปากีสถานและอัฟกานิสถานให้จงได้ พร้อมทั้งเหตุผลและคำอธิบายประมาณว่า ถ้าหาก “โอบามา”เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ลงไปเมื่อไหร่ โอกาสที่อเมริกาภายใต้การบริหาร จัดการของรองประธานาธิบดี “โจ ไบเดน”ขณะนั้น...ย่อมมีสิทธิ์เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ มาใช้เป็นมาตรฐานอ้างอิงถึงความเสื่อมโทรม ทรุดโทรม โดยเฉพาะความ “ซึมเซา”ของอเมริกาภายใต้การควบคุม ดูแลของ “ผู้เฒ่าโจ”ทุกวันนี้เอาเลยถึงขั้นนั้น...

แต่นั่นก็อาจเป็นเพียงแค่การเหน็บๆ แนมๆ ไปตาม “รสนิยม” หรือ “อารมณ์-ความรู้สึก”ของปุถุชนธรรมดาโดยทั่วไป การหันไปมองฉากสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของ “แนวรบ”ด้านต่างๆ ว่ามันกำลังเป็นไปในรูปไหน แบบไหน น่าจะเข้าท่ากว่า โดยต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า...ไม่ว่าจะเป็น “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือ “แนวรบตะวันออกกลาง” ไปจนถึง “แนวรบในทะเลจีนใต้” ณ ช่วงขณะนี้ ล้วนแล้วแต่ “ส่งสัญญาณ”ไปใน “แง่ลบ”ต่อคุณพ่ออเมริกาไปด้วยกันทั้งสิ้น เริ่มเกิดความเคลื่อนไหวที่ออกไปในเชิง “ท้าทาย” “รุกคืบ” หรือ “ล้อมกรอบ” บทบาทของมหาอำนาจอย่างอเมริกา อย่างชนิด “ไปไม่เป็น” เอาเลยก็ไม่แน่!!!

ในด้าน “แนวรบยุโรปตะวันออก” นั้น...ไม่เพียงแต่ความพยายามหาทางสกัดกั้น บทบาทของมหาอำนาจคู่แข่งอย่างรัสเซียโดยเฉพาะในเรื่อง “พลังงาน”ด้วยการออกแรงคัดค้านโครงการอภิมหาท่อส่งแก๊ส “Nod Stream 2”มาโดยตลอด แทบไม่ได้ประสบความสำเร็จใดๆ เลย แม้ล่าสุด...จะเดินหน้า “แซงชั่น” บริษัทธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว อย่างเอาเป็น-เอาตายเพียงใดก็ตาม แต่ภายใต้ความร่วมมือระหว่างเยอรมนีและรัสเซีย โอกาสที่จะหยุดยั้ง หรือเตะตัดขารัสเซียในเรื่องนี้ แทบมองไม่เห็นเอาเลยแม้แต่น้อย การเดินทางไปเยือนรัสเซียครั้งล่าสุดของผู้นำเยอรมนี อย่าง “อังเกลา แมร์เคิล”เมื่อช่วงวันศุกร์ (20 ส.ค.) ที่ผ่านมา หรือเป็นการเดินทางไปเยือนครั้งสุดท้ายก่อนที่จะลงจากตำแหน่งในอีก 1 เดือนข้างหน้า ถือเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ที่แน่นเหนียวเอามากๆ ระหว่างเยอรมนีที่ถือเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของรัสเซียรองจากคุณพี่จีน แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะยังมี “ความเห็นที่แตกต่าง”กันในบางเรื่อง บางกรณี ตามคำพูด คำให้สัมภาษณ์ของผู้นำเยอรมนี แต่การติดต่อหารือกันอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะในประเด็นร้อนๆ อย่างกรณีลิเบีย เบลารุส ยูเครน ฯลฯ ย่อมทำให้โอกาสที่จะ “จุดชนวน”ใดๆ ในแนวรบด้านนี้แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ยิ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาผู้บริหารระดับสูงขององค์กรความร่วมมือทางทหารอย่าง “นาโต”ได้ออกมาปฏิเสธ ต่อการรับเอา “ยูเครน” เข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของนาโต ก็ยิ่งทำให้ “ไฟสงคราม”ของแนวรบด้านนี้ แทบมอดสนิทไปแล้วก็ว่าได้...

ส่วน “แนวรบตะวันออกกลาง” นั้น...ยิ่งเป็นอะไรที่น่าเกลียด น่ากลัว ไม่ว่าต่อคุณพ่ออเมริกา หรือ “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” อย่างคุณทวดอิสราเอล หนักยิ่งเข้าไปทุกที การป่าวประกาศ ที่อาจเรียกว่า “การท้าทาย”ของผู้นำขบวนการเฮซบอลเลาะห์อย่าง “นายHassan Nasrallah”ว่าด้วยเรื่องเรือขนน้ำมันและความช่วยเหลือต่างๆ นานาของ “อิหร่าน” จะแล่นเข้ามาเทียบท่าเลบานอน ในช่วงวันพฤหัสฯ (19 ส.ค.) ที่ผ่านมา โดยไม่คิดสนใจต่อการ “แซงชั่น” ของอเมริกาต่ออิหร่านเอาเลยแม้แต่น้อย และไม่สนใจต่อความพยายามลอบโจมตีเรืออิหร่านของอิสราเอลคราวแล้ว-คราวเล่า ก็แทบไม่ต่างอะไรไปจากการกระตุกหนวดเสือ หรือขนตูดเสือ เอาเลยก็ว่าได้ อีกทั้งปฏิบัติการโจมตีกองกำลังอิหร่าน เฮซบอลเลาะห์ ของกองทัพอากาศอิสราเอลในพื้นที่ประเทศซีเรียทุกวันนี้ คงต้องยอมรับว่า...นับวันยิ่งเป็นอะไรที่ยากส์ส์ส์ ลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด...ถ้าว่ากันตามคำพูด คำจา คำแถลงของรองผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการเพื่อการประนีประนอมในซีเรีย ซึ่งเป็นชาวรัสเซีย คือ “นายVadim Kulit” การยิงจรวดจำนวน 24 ลูกของเครื่องบินโจมตีอิสราเอลเข้าไปในเมืองดามัสกัสและเมืองฮอมส์ ในซีเรีย ถูก “ระบบป้องกันภัยทางอากาศ”ที่รัสเซียติดตั้งและยกระดับให้กับซีเรีย กวาดจับและสกัดกั้นไปได้ถึง 22 ลูก ขณะที่ “ระบบป้องกันภัยทางอากาศ” ของอเมริกัน ที่พยายามปกป้อง คุ้มครอง ฐานทัพและสถานทูตอเมริกันในอิรัก กลับไม่ค่อยจะ “เวิร์ก”มากมายสักเท่าไหร่ ถูกจรวดและเครื่องบินโดรนของกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ถล่มระเบิดใส่หัวคราวแล้ว คราวเล่าจนอาจถึงขั้นต้อง “ถอนทหาร”อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ออกจากอิรักตามกำหนด หรือก่อนกำหนดการเอาเลยก็ไม่แน่!!!

สำหรับ “แนวรบในทะเลจีนใต้” ยิ่งแล้วใหญ่!!!...อันเนื่องมาจากอาการ “พืดผิด-พืดถืก”(พูดผิด-พูดถูก) ของ “ผู้เฒ่าโจ” เองที่อาจรู้สึก “เสียหน้า” หรือเสียหมา เสียสุนัข อันเนื่องมาจากการถอนทหารจากอัฟกานิสถานคราวนี้ ดังนั้น...เมื่อเจอกับคำถามของ “ผู้สื่อข่าว” ว่าสหรัฐฯ จะให้ “ความมั่นใจ” ต่อบรรดาพันธมิตรในทั่วทุกซีกโลกได้อย่างไร??? จะด้วยเหตุเพราะยังไม่ได้ฉีดสเตียรอยด์ หรือฉีดไปแล้วหรือไม่ก็แล้วแต่ ผู้นำอเมริกันเลยถึงกับประกาศว่า...อเมริกายังคงยึดมั่นในข้อตกลงตาม “มาตรา 5” ของ “นาโต” คือพร้อมที่จะตอบโต้ต่อใครก็ตามที่คิดจะบุกรุก หรือใช้กำลังทหารต่อพันธมิตรอเมริกา ไม่ว่าญี่ปุ่น เกาหลีใต้ แล้วแถมเผลอไปรวมเอา “ไต้หวัน” เข้าไปด้วย ทั้งๆ ที่เกาะเล็กๆ แห่งนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนาโตด้วยเลย แถมยังไม่ได้ถือเป็น “ประเทศเอกราช”แต่อย่างใด โดยเฉพาะถ้าว่ากันตามยุทธศาสตร์แบบคลุมๆ เครือๆ (Strategic Ambiguity) ที่อเมริกายึดถือมาโดยตลอด และนั่นเอง...ที่ทำให้สื่อทางการของจีนเลยต้องออกมา “จิกหัวด่า”ผู้นำอเมริกันรายนี้ แบบตรงไป-ตรงมา คือระดับถือเป็นการ “ถ่มถุย (Spitting)...ด้วยถ้อยคำที่ว่างเปล่าและสุดแสนจะสะเพร่า”เอาเลยถึงขั้นนั้น และก็แน่นอนนั่นแหละว่า ความพยายามหันมาแสดงอำนาจ แสดงพลังของอเมริกาในแนวรบด้านนี้ หลังจากหนียะย่าย พ่ายจะแจในแนวรบด้านอื่นๆ ย่อมเป็นอะไรที่ออกจะเบาโหวงๆ เหวงๆ ยิ่งขึ้นไปอีก...

สรุปรวมความแล้ว...ด้วย “ความเสื่อม” ของจักรวรรดิอเมริกา ที่เห็นได้โดยชัดเจนจากเหตุการณ์คราวนี้ ทำให้รัฐบาลและกองทัพอเมริกันที่ได้ชื่อว่า “เครื่องจักรแห่งการสังหาร”เหลือ “ทางเลือก”อยู่เพียงแค่ 2 ทางด้วยกัน คือถ้าหากไม่คิดจะยอมรับสภาพแห่งการ “เหี่ยวปลาย”ลงไปเอง ไม่ต่างไปจากการล่มสลายของจักรวรรดิอังกฤษในอดีต อาจต้องหันไปดิ้นรนแบบสุดขีด ด้วยการแสดงพลังอำนาจ การลดความเสียหน้า เสียหมา เสียสุนัข การจุดไฟ จุดชนวน ในแนวรบด้านใด-ด้านหนึ่ง ขึ้นมาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ อันมีแต่จะนำไปสู่ความฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย ยิ่งขึ้นไปอีก นั่นแล...




กำลังโหลดความคิดเห็น