ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องลดความเคร่งเครียด ซีเรียส ลงมามั่ง!!! เพราะตั้งแต่ต้นสัปดาห์ต้องลากไป-ลากมา ด้วยเรื่องราวของพวก “ตอลิบาน” ในอัฟกานิสถาน ก็น่าจะทำให้ใครต่อใครขนหัวลุก-ขนคอตั้งกันไปพอสมควร โดยเฉพาะบรรดาพวก “ติ่งอเมริกา” ทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้...เลยคงต้องขออนุญาตไปหยิบเอาเรื่องที่อาจออกไปทางรื่นเริง บันเทิง เรื่องที่อาจช่วยให้เกิดความ “ออกัสซั่ม” สำหรับบรรดาพวกนักประชาธิปไตย นักสิทธิมนุษยชนทั้งปวง โดยจะถึงขั้น “พลั่กๆๆๆ” มากบ้าง น้อยบ้าง หรือไม่ อย่างไร ก็ลองไปคิดๆ กันเอาเองก็แล้วกัน...
คือว่ากันว่า...ช่วงประมาณปลายปีนี้ หรือประมาณเดือนธันวาคม ระหว่างวันที่ 9 และวันที่ 10 ประเทศมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลก และผู้นำประชาธิปไตยระดับโลก อย่างคุณพ่ออเมริกา เขาจะได้ฤกษ์ ได้เวลา คิดจะจัดงานใหญ่ งานช้าง ขึ้นมารองรับ “รสนิยม” หรือความปรารถนา ความต้องการ ของบรรดา “นักประชาธิปไตย” ทั้งหลาย ในระดับทั่วทั้งโลก หรือที่เรียกๆ กันว่า “การประชุมสุดยอดทางประชาธิปไตย” (Summit for Democracy) อะไรประมาณนั้น นี่ถ้าว่ากันตามคำแถลงอย่างเป็นทางการของโฆษกทำเนียบขาว ที่ได้ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เอาไว้ตั้งแต่วันอังคารที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา เพียงแต่อาจต้องจัดกันแบบ “เสมือนจริง” หรือแบบวิดีโอคอนเฟอรงซ์ คอนเฟอเรนซ์ อะไรทำนองนั้น อันอาจเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา หรือสายพันธุ์ใดๆ ก็แล้วแต่ ที่ยังไม่คิดจะ “เหี่ยวปลาย” ลงไปสักที และทั้งไม่สนใจซะด้วยว่า ใครเป็นประชาธิปไตย ใครเป็นเผด็จการ เพียงขอให้ขึ้นชื่อว่า “มวลมนุษยชาติ” ซะอย่าง!!! ท่านก็พร้อมจะ “แ-ก” จะรับประทาน กินปอด กินตับ ได้ทุกเมื่อ...
แต่ก็ด้วยเหตุสิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” อะไรต่อมิอะไรนี่แหละ...ที่ผู้นำอเมริการายใหม่ อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ท่านออกจะหมายมั่นปั้นมือมาโดยตลอด ว่ามันอาจนำมาใช้เป็น “เครื่องมือ” ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และอาจถือเป็นสิ่งเดียวก็ว่าได้ ในการต่อสู้และเอาชนะมวลมนุษยชาติด้วยกันเอง โดยเฉพาะในบางกลุ่ม บางราย บางประเภท ที่ยังคงหมกมุ่น มัวเมา อยู่กับความเป็น “เผด็จการ” หรือความเป็น “อำนาจนิยม” ไม่ว่าในแบบคอมมิวนิสต์ทั้งแท่ง ทั้งด้าม อย่างคุณพี่จีน หรือแบบประชาธิปไตยมาเฟีย อย่างคุณน้ารัสเซีย ก็แล้วแต่ ที่ถูกถือเป็น “คู่แข่ง” ของอเมริกาในทุกๆ ด้าน และจะต้องแข่งกันแบบสุดเหวี่ยง สุดสวิงริงโก้ หรือ “extreme competition” ชนิดแทบไม่ต่างอะไรไปจาก “ศัตรูคู่ปรปักษ์” เอาเลยถึงขั้นนั้น...
ไม่ว่าจะในเวทีการประชุมความมั่นคงที่เยอรมัน หรือการประชุม “MSC” (Munich Security Conference) หรือในการพูดจาปราศรัยกับอเมริกันชนโดยตรงก็แล้วแต่ “ผู้เฒ่าโจ” ผู้ที่ฉีด หรือยังไม่ได้ฉีดสเตียรอยด์รายนี้ ท่านค่อนข้างเชื่อของท่านเอาจริงๆ นั่นแหละว่า สิ่งที่เรียกว่า “ประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานหรือตามแบบฉบับตะวันตกนั้น ถ้าหากนำมา “ปัดฝุ่น” หรือนำมา “ใส่ตะกร้าล้างน้ำ” กันใหม่ ไม่ว่าจะด้วยกรรมวิธี “The Great Reset” ตามแนวทางของประธาน “World Economic Forum” หรือด้วยกรรมวิธี “Build Back Better” ตามแนวทางการหาเสียงของตัวท่านเองก็แล้วแต่ ย่อมสามารถนำมาใช้เล่นงานคุณพี่จีนและคุณน้ารัสเซีย ไม่ว่าจะโดยการกดดัน ปิดล้อม ต่อต้าน หรือกระทั่งถึงขั้นต้องเผชิญหน้ากันในวินาทีสุดท้ายได้เสมอๆ...
ดังนั้น...งานนี้ จึงต้องถือเป็นงานใหญ่ งานช้าง ในอีกรูปหนึ่งของคุณพ่ออเมริกา ที่เตรียมจะเชิญบรรดา “ผู้นำโลก” ในระดับต่างๆ ไม่ว่าโลกเหนือ โลกใต้ โลกพัฒนาแล้ว หรือกำลังพัฒนา ฯลฯ เข้ามาร่วมพูดคุยปรึกษาหารือกันในเวทีดังกล่าว รวมไปถึงบรรดามวลสมาชิกประชาสังคมจากสถาบันและองค์กรต่างๆ ตลอดไปจนบรรดาผู้ที่เคยช่วยเหลือและบริจาคให้กับความเป็นสังคมเปิด สังคมเสรี หรือสังคมประชาธิปไตยทั้งหลาย รวมไปถึงบรรดาตัวแทนภาคเอกชนในระดับทั่วทั้งโลก โดยจะกินความไปถึง “ทอน-บุตร-ช่อ-เพนกวิน-และอานนท์ มโนเบลไพรซ์” ฯลฯ ด้วยหรือไม่? อย่างไร? นั่นคงต้องรอรับประทาน “ชีสเค้ก” กันอีกที...
โดยการประชุมคราวนี้...จะเปิดโอกาสให้ฝ่ายต่างๆ ได้มีโอกาสเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ กันอย่างเต็มที่ เต็มสูบ และอย่างตรงไป-ตรงมา ไม่ว่าสิ่งที่ถือเป็นความสำเร็จ หรือถึงสิ่งที่เป็นอุปสรรคและท้าทาย ต่อการขับเคลื่อนความเป็นประชาธิปไตยทั้งหลาย รวมไปถึงแนวคิดในการพัฒนา ยกระดับ การปรับปรุงความเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่ ให้สดใส ซาบซ่า ให้วิเศษวิโสแบบชนิดผัวกิน-เมียหาย-แม่ยายทา-พ่อตาฟื้น แบบเดิมๆ หรือแบบเท่าที่เคยเป็นมาให้จงได้ และเพื่อกระชับความเป็นพันธมิตรของนักประชาธิปไตยทั่วทั้งโลก โดยมุ่งหมายไปสู่หลักการพื้นฐานประมาณ 3 ประการ คือ 1. การป้องกันและต่อต้านบรรดาพวก “อำนาจนิยม” ในแต่ละรูป แต่ละแบบ 2. การสร้าง “ธรรมาภิบาล” หรือการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน ที่มักแฝงมากับความเป็นประชาธิปไตยเสมอๆ และ 3. การเชิดชูและให้ความเคารพอย่างเคร่งครัดต่อ “สิทธิมนุษยชน”....
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ...การตระเตรียมงานใหญ่ งานช้าง ในคราวนี้ มันอาจเกิดขึ้นก่อนหน้าที่ “กรุงคาบูล” ในอัฟกานิสถานจะแตกดังโพละขึ้นมาซะดื้อๆ!!! เพราะก่อนหน้านั้นไม่นาน...นักประชาธิปไตยชรา อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ท่านยังออกมาแสดงความมั่นอก มั่นใจ ต่อบรรดาทหารในกองทัพอัฟกานิสถานจำนวนถึง 300,000 คน มากกว่าพวก “มุสลิมหัวรุนแรง” อย่างพวก “ตอลิบาน” ที่มีกำลังพลเพียงแค่ 75,000 คนเท่านั้นเอง ว่าน่าจะสามารถต่อต้าน ยื้อไป-ยื้อมา กับพวก “ตอลิบาน” ได้อย่างน้อยก็ไม่น่าจะเร็วไปกว่า 90 วัน ตามการประเมินของ “หน่วยข่าวกรอง” อเมริกันด้วยกันเอง อีกทั้งการลงทุน ลงแรง กระทำการ “ยัดเยียดประชาธิปไตย” ให้กับประเทศนี้มาโดยตลอด 20 กว่าปี เสียเงิน-เสียทองไปไม่น้อยกว่า 1-2 ล้านล้านดอลลาร์ เรียกว่า...มากกว่างบประมาณประเทศไทยนับเป็นสิบๆ ปีเอาเลยด้วยซ้ำ มันน่าจะช่วยป้องกัน “อำนาจนิยม” สร้าง “ธรรมาภิบาล” และก่อให้เกิดความเคารพต่อ “สิทธิมนุษยชน” มากบ้าง-น้อยบ้างไปตามสภาพ...
ใครจะไปคิดว่า...เพียงแค่ไม่ถึง 9 วันเท่านั้นเอง พวกมุสลิมหัวรุนแรงที่ต้องการนำเอา “กฎหมายอิสลาม” มาเป็นระบบและระบอบการปกครอง แทนที่จะหันไปเป็น “ประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานหรือตามแบบฉบับตะวันตก ดันบุกเข้ายึดกรุงคาบูลและยึดประเทศอัฟกานิสถานแทบทั้งประเทศ เอาไว้ในมือได้ง่ายซะยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก!!! ส่งผลให้ไม่เพียงแต่ “คะแนนนิยม” ของผู้นำอเมริการายใหม่ อย่าง “ผู้เฒ่าโจ” ออกอาการหัวทิ่ม หัวตำ ตกต่ำแบบชนิดทะรูดทะราด ความหวัง ความฝันที่จะหาทางทำให้เกิดรายการ “Take America Back Again” และทำให้ประธานาธิบดีอเมริกัน มีสถานะแห่งความเป็น “ผู้นำแห่งโลกเสรี” ได้แบบเดิมๆ อันถือเป็นแก่นสาระสำคัญในการคิดจัดประชุม “Summit for Democracy” ขึ้นมาในปลายปีนี้ มันเลยออกไปทาง “ซึมๆ เซาๆ” หรือปราศจากสเตียรอยด์ที่จะช่วยในการกระตุ้น ช่วยสร้างเรี่ยว สร้างแรงใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
มิหนำซ้ำ...ภายใต้ความซึมเซา ตกต่ำ ไม่ว่าของประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “ผู้เฒ่าโจ” หรือของความเป็น “ประชาธิปไตย” ตามมาตรฐานตะวันตก ที่อุตส่าห์ร่วมสร้าง ร่วมผลักดันนับเป็นสิบๆ ปี ไปจนถึง 20 ปี แต่สุดท้าย...ดันออกอาการเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊กไปด้วยกันทั้งสิ้น แถมยังดันถูกนำไปเยาะเย้ย เสียดสี โดยพวก “อำนาจนิยม” ในเมืองจีน อย่างชนิดน่าเจ็บปวดรวดร้าวเอามากๆ ดังคำ “ทวีต” ที่ว่า... “เมื่อวานนี้-ไซ่ง่อน, วันนี้-อัฟกานิสถาน, พรุ่งนี้-ไต้หวัน” อะไรทำนองนั้น คือไม่ว่าอยากเป็น “ประชาธิปไตย” ในลักษณะใดก็ตาม แต่ถ้าหากคิดจะถือเอาคุณพ่ออเมริกาเป็นแม่แบบ หรือแบบอย่าง หรือคิดคบหาสมาคมเป็นพันธมิตรใกล้ชิดกับมหาอำนาจสูงสุดรายนี้ด้วยแล้ว โอกาส “ตาย...กับ...ตาย” หรือ “ไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ทั้งนั้น ทั้งนี้ โดยมีไซ่ง่อน อัฟกานิสถาน และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมายเป็นหลักฐานและข้อพิสูจน์ แบบชนิดเถียงยังไงก็เถียงไม่ออก...