"โสภณ องค์การณ์"
รัฐบาลคณะ 3 ลุงได้รับสถานภาพ “เป็ดง่อย” อย่างสมบูรณ์ มีอำนาจสารพัด แต่ไม่สามารถจัดการวิกฤติที่ทำลายโครงสร้างประเทศได้ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ปัญหาความยากจน การบังคับใช้กฎหมาย เสี่ยงต่อการเป็น “รัฐล้มเหลว” ในอีกไม่นาน
ระบบ “ซิงเกิล คอมมานด์” การรวบยอดอำนาจมาไว้ที่ตัวเองโดยลุงหัวหน้ารัฐบาล เป็นทั้งหัวหน้าศูนย์บริหารจัดการโควิด-19 และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นการใช้อำนาจไม่ต่างจากระบบประธานาธิบดีแบบสหรัฐอเมริกา แต่ไม่สามารถจัดการอะไรได้สำเร็จ
ซ้ำร้าย ความล้มเหลวซ้ำซาก การขาดความน่าเชื่อถือ ทำให้คณะ 3 ลุง ถูกมองว่ากำลังนำพาบ้านเมืองไปสู่วิกฤติร้ายแรงด้านชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดการต่อต้าน การลุกฮือของประชาชนที่ทนไม่ได้กับความล้มเหลวต่อเนื่อง
ทุกวันนี้มีการประท้วงขับไล่ผู้นำรัฐบาลแทบจะเป็นกิจกรรมรายวัน การปะทะกันด้วยกำลังบนท้องถนน สร้างปัญหาให้ผู้ใช้รถใช้ถนน ชุมชนดินแดง ซึ่งกลายเป็นสมรภูมิระหว่างกลุ่มม็อบใช้กำลังปะทะกับเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ
ตำรวจรับหน้าที่ปกป้องคุ้มครองหัวหน้ารัฐบาลที่กบดานในค่ายทหาร อ้างว่าทำงานอยู่ที่บ้านหนีเชื้อโรคโควิด-19 ขณะที่ประชาชนทั่วประเทศดิ้นรนเสี่ยงการติดเชื้อ ต้องทำมาหากินในสภาพที่ยังทำได้ ภายไต้ขอบเขตจำกัดเพราะมาตรการควบคุมเข้ม
หัวหน้ารัฐบาลกบดานในค่ายทหารไม่มีวันได้รับรู้ทุกข์ยากของประชาชนที่ไม่มีจะกินเพราะตกงาน ขาดรายได้ มีรายจ่าย ยิ่งถ้ามีภาระหนี้สิน ชะตากรรมยิ่งลำบากหนัก
ความเป็นจริงก็คือ คณะ 3 ลุงเป็นนายพลเอก อดีตผู้บัญชาการทหารบก คุมทั้งกระทรวงกลาโหม มหาดไทย แต่กลับเก็บตัวเงียบอยู่ในบ้าน ค่ายทหาร ปล่อยให้ตำรวจรับหน้าม็อบทุกวัน จึงมีคำถามถึงสภาวะผู้นำและความกล้าหาญในการเผชิญวิกฤติ
บริหารประเทศด้วยกฎหมายพิเศษ ให้อำนาจทุกอย่าง มีทั้งกฎหมายควบคุมฝูงชน การประท้วง ทั้งๆ ที่ทางออกมีชัดเจนคือการลาออกจากตำแหน่งผู้นำ เพราะการบริหารยาวนาน 7 ปี มีปัญหาความล้มเหลว ความเสถียรภาพและความมั่นคงของชาติ
ประเทศอยู่ในสภาพง่อนแง่น เศรษฐกิจถดถอย เลวร้ายที่สุดในกลุ่มเพื่อนบ้านอาเซียนในด้านหนี้สินประเทศ หนี้ครัวเรือน ความลำบากในการดำรงชีวิต ประชาชนขาดความหวัง มองไม่เห็นอนาคต ภาคธุรกิจหมดใจ สิ้นความศรัทธาเชื่อมั่น
ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนตัวตามสภาวะเศรษฐกิจถดถอย เค้าลางของความไม่มีกินในกลุ่มประชาชนรายได้น้อย ด้อยโอกาสเริ่มปรากฏชัดในหลายสาชาอาชีพ ส่วนหนึ่งเพราะมาตรการคุมเข้มเพื่อยับยั้งการระบาดของโควิด-19 แต่ไม่บรรลุเป้าตามที่ต้องการ
เราได้เห็นปัญหาในประเทศอื่นด้านความล้มเหลวในการบริหารทำให้เกิดวิกฤติรุนแรง ทั้งหนี้สิ้นเกินตัวจนประเทศใกล้ล้มละลาย การจัดการทรัพยากรผิดรูปแบบ การทุจริตคอร์รัปชั่นเรื้อรัง การใช้อำนาจในทางมิชอบ รวบรัดหวงแหนอำนาจ
วิกฤติเช่นนี้เกิดให้เห็นทุกวันนี้ในอาร์เจนตินา เวเนซุเอลา และเลบานอน!
การลาออกเป็นทางเลือกสำหรับรัฐบาลที่ล้มเหลวในการบริหารงาน เพื่อเปิดทางให้ผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาจัดการกอบกู้วิกฤติให้บ้านเมืองอยู่รอด การดันทุรังซังกะตายอยู่ต่อเพื่อรักษาอำนาจ เป็นผลพวงของการเสพติดอำนาจ มีแต่จะเกิดหายนะ
ความโหยหาอำนาจ ต้องการควบคุม ปิดหูปิดตาประชาชน โดยการออกกฎหมายพิเศษ แต่ถูกบีบให้จำยอมยกเลิกไปในวันที่ 9 ที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างของความพยายามที่จะรักษาอำนาจ และปิดกั้นการรับรู้ การมีส่วนร่วมของประชาชน ใช้อำนาจในทางที่ผิด
ความพยายามที่จะออกกฎหมายมาคุ้มครองปกป้องการกระทำความผิดในการจัดการปัญหาการระบาดของโควิด-19 โดยจะใช้ พรก. อ้างว่าปกป้องบุคลากรทางการแพทย์นั้นทำท่าจะไม่สำเร็จ ถูกคัดค้านเป็นวงกว้าง แม้กระทั่งแพทย์ก็ไม่เห็นด้วย
นั่นเป็นเพราะมีคนรู้ทันว่ามีพวกทุรชนปนอยู่ในกลุ่มผู้จะได้รับประโยชน์จากนิรโทษกรรมย้อนหลัง นั่นคือพวกจัดซื้อจัดหาวัคซีน อุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม มีประเด็นสงสัยในความโปร่งใส น่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่น การแสวงหาผลประโยชน์
นักการเมือง ผู้บริหารงานอย่างผิดพลาดในนโยบายระเบียบต่างๆ จนเกิดความเสียหายร้ายแรงต่อทรัพย์สิน ชีวิต และสุขภาพของประชาชน จึงไม่อยากเป็นผู้ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจึงหาทางออกโดยการแอบอยู่ข้างหลังแพทย์และบุคลากรการแพทย์
เป็นการกระทำที่น่าละอาย ส่อพิรุธว่าการจัดการที่ผ่านมาเป็นความผิดพลาด ไม่เช่นนั้นตัวเลขผู้ติดเชื้อจะไม่ทะยานจาก 2 หมื่นกว่ารายในเดือนเมษายนจนใกล้จะถึง 1 ล้านรายอย่างทุกวันนี้ จะยังไม่หยุดจนกว่าจะมีผู้มีความรู้ความสามารถเข้ามาจัดการ
ว่ากันอย่างง่ายๆ คณะ 3 ลุงสิ้นสภาพ และความน่าเชื่อถือไปนานแล้ว ทุกวันนี้ ไม่เหลือความน่าไว้วางใจในการจัดการบ้านเมือง ด้วยข้อพิสูจน์ง่ายๆ ถ้ามีฝีมือเก่งฉกาจแล้ว บ้านเมืองคงไม่อยู่ในสภาวะน่าอนาถ ใกล้เป็นรัฐล้มเหลวอย่างเช่นทุกวันนี้
ความล้มเหลวในการจัดหาวัคซีนที่ดี ทันกับเวลา จึงเป็นตัวฟ้องให้เห็นชัด!
การยอมรับความล้มเหลวของตัวเองอย่างชายชาติทหารตามคำอ้าง คือการเปิดทางให้ประชาชนมีทางเลือก เป็นหนทางที่ทำให้หยุดวิกฤติ เมื่อตัวเองและคณะ 3 ลุงถูกมองว่าเป็นปัญหาของชาติ การหลงละเมอว่าเป็นผู้กอบกู้วิกฤติ เท่ากับเดินหลงทาง
การชุมนุมประท้วง เริ่มมีการถ้อยคำ “ทรราชย์” อีกไม่นานคำนี้น่าจะเริ่มคุ้นชินหูประชาชน เพียงแต่ว่าผู้ยังกุมอำนาจจะไม่ยอมรับความเป็นจริง หลงเชื่อว่ายังเป็นที่นิยมในกลุ่มติ่งและพวกหลอกตัวเองว่าอยู่ในโลกสวย ขณะที่เพื่อนร่วมแผ่นดินทุกข์ร้อนกันทั่ว
การลาออกของคณะ 3 ลุง เป็นหนทางเดียวที่ไม่ให้บ้านเมืองเข้าสู่หายนะ เพราะภาคธุรกิจซึ่งเป็นฐานสำคัญด้านเศรษฐกิจของประเทศ เริ่มสิ้นความอดทนแล้ว