ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ในสายตาชาวโลก

"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"

ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เดินหน้าเข้าสู่เดือนที่สองอย่างมั่นใจ ถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม จนนำไปสู่มาตรการปิดเกาะ 14 วัน แต่นั่นก็เป็นมาตรการควบคุมการระบาดที่เกิดขึ้นจากคนในพื้นที่อย่างเข้มข้น ตรงจุด และทันการ ไม่กระทบต่อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์แต่อย่างใด

ภูเก็ตสามารถผ่าน 7 วันอันตราย ช่วงสัปดาห์สุดท้ายปลายเดือนกรกฎาคม ที่พบผู้ติดเชื้อแบบก้าวกระโดด โดยในสัปดาห์แรกของเดือนกรกฎาคม มีผู้ติดเชื้อที่เป็นคนในเกาะรวม 37 คนต่อสัปดาห์ มาถึงสัปดาห์ที่สองเพิ่มเป็น 41 คนต่อสัปดาห์ ส่วนสัปดาห์ที่ 3 ขยับขึ้นมา 67 คนต่อสัปดาห์ และขึ้นสูงสุดสุดในสัปดาห์สุดท้าย 237 คนต่อสัปดาห์ รวมทั้งเดือน 382 คน จนเกรงว่า รัฐบาลอาจจะสั่งระงับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ เนื่องจากพบผู้ติดเชื้อเกิน 90 คนต่อสัปดาห์ มากกว่าเกณฑ์ที่เป็นเงื่อนไขการเปิดเกาะรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ฝ่ายสาธารณสุขเห็นว่า สถานการณ์ไม่รุนแรง และจำนวนผู้ติดเชื้อรวมยังไม่สร้างความกดดันในเรื่องการใช้เตียงไอซียู ผู้ป่วยหนัก วอร์ดแยกโรคจนเกือบถึงขั้นวิกฤตเหมือนเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายน ซึ่งตอนนั้น ยอดรวมผู้ป่วย 4 สัปดาห์ขึ้นไปถึง 445 คน

นอกจากนั้น ในช่วงเดือนก.ค.นี้ เริ่มเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากรของภูเก็ตที่ได้รับวัคซีนซิโนแวคครบสองเข็ม ในระดับ 60-70% ขึ้นอยู่กับอ้างอิงฐานประชากรไหน ทำให้ผู้ติดเชื้อโควิดในเดือนกรกฎาคม เป็นกลุ่มสีเขียว คือ มีอาการเล็กน้อย และสีเหลือง อย่างละประมาณเกือบ 50% มีคนในกลุ่มสีแดงเพียง 16 คน หรือ 4% เท่านั้น

จำนวนผู้ติดเชื้อในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้ามาตามโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มีน้อยมาก คือ 30 คน จากนักท่องเที่ยว 15,000 คน หรือ 0.2% เท่านั้น อีกทั้งกว่าครึ่งหนึ่งตรวจพบวันแรกที่มาถึง นักท่องเที่ยวยังไม่ได้ออกจากห้องพักเลย จึงไม่มีโอกาสไปแพร่เชื้อในชุมชน อีกส่วนหนึ่งพบในผู้สัมผัสใกล้ชิดที่ถูกกักตัวก่อนหน้าที่จะได้ออกไปเที่ยว และส่วนน้อยเพียง 10 คนที่พบในการตรวจครั้งที่สองและสาม ซึ่งจากการสอบสวนโรค ก็ไม่มีคนในท้องถิ่นรับเชื้อไปจนนำไปแพร่เชื้อต่อ

นายโฮกวนปิง นักธุรกิจสิงคโปร์ เจ้าของเครือข่ายโรงแรมหรู แบรนด์บันยันทรี ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกบนที่ดินเหมืองดีบุกเก่า ที่หาดบางเทา ภูเก็ต เมื่อ 25 ปีที่แล้ว และขยายเครือข่ายไปใน 28 ประเทศทั่วโลก พูดถึงภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ว่า ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ไม่ได้มีความสำคัญหรือความหมายต่อประเทศไทยเท่านั้น แต่กำลังถูกจับตามองจากทั่วโลก

“คนทั้งโลกกำลังจับตามองภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์อยู่ ออสเตรเลียอาจลองนำแซนด์บ็อกซ์ไปใช้กับเกาะทาสมาเนีย เกาะบาหลีกำลังจะเป็นอีกแซนด์บ็อกซ์หนึ่งสำหรับอินโดนีเซีย รวมทั้งเกาะฟูก๊วกของเวียดนาม

ความสนใจของโลกต่อภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ไม่ได้เพื่อจะดูว่า จะมีผลต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของภูเก็ตหรือของประเทศไทยอย่างไรเท่านั้น แต่ยังเห็นว่า จะเป็นวิธีที่ใช้ได้จริง ที่นำไปใช้กับส่วนอื่นๆ ของเอเชียที่จะทยอยเปิดขึ้นได้อีก คนในภูเก็ตควรต้องตระหนักว่าพวกเขามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในภารกิจนี้”

โฮ ยังพูดถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในภูเก็ต ซึ่งยังน้อยมากว่า
“ผู้ที่วิจารณ์ในช่วงเริ่มแรกว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต่ำมาก แต่เราทุกคนที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของภูเก็ต กลับมีความยินดีมากกับตัวเลขที่ดูเหมือนน้อย เพราะตั้งแต่เริ่มการระบาดของโควิด-19 ผ่านไป 18 เดือนที่ทำให้ภูเก็ตมีอาการใกล้จะโคม่าแล้ว ในที่สุดองคาพยพทั้งหลายก็เริ่มค่อยๆ กลับมาเรียนรู้ฟื้นตัวใหม่อีกครั้ง เพื่อเตรียมทุกอย่างให้พร้อมใช้งาน และมันต้องใช้เวลา ดังนั้นการเริ่มต้นอย่างช้าๆ จึงเป็นสิ่งที่ดีมากสำหรับภูเก็ต ตัวเลขการติดเชื้อในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับคนที่เข้ามาท่องเที่ยวจึงเป็นผลในทางบวกสำหรับภูเก็ต”

5 อันดับนักท่องเที่ยวในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้แก่ ไทย สหรัฐฯ อังกฤษ อิสราเอล เยอรมนี และฝรั่งเศส เฉลี่ยอายุ 34-45 ปี อยู่เฉลี่ย 11 คืน ใช้จ่าย 50,000 บาทต่อคน สร้างรายได้ประมาณ 810 ล้านบาทจาก 15,000 คน

พื้นที่ยอดนิยมในภูเก็ต ได้แก่ ป่าตอง 39% เชิงทะเล 14% กะตะกะรน 12% ราไวย์ 6% มีโรงแรมที่เข้าข่ายมาตรฐานในการป้องกันโควิด (SHA) เปิดทำการ 380 โรงแรมจาก 720 โรงแรม แต่มีเพียง 314 โรงแรมที่มีผู้เข้าพัก Occupancy rate เฉลี่ย 10-15%

นางออร์นา ซากิฟ อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย ซึ่งได้เข้าเยี่ยมคารวะผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในโอกาสเดินทางมาเยือนจังหวัดภูเก็ต ภายใต้โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ได้กล่าวชื่นชมความคิดริเริ่ม “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ในประเทศไทย ว่า ชาวอิสราเอลชื่นชอบจังหวัดภูเก็ตมากจริงๆ แล้วอิสราเอลเป็นประเทศที่เล็กมากมีประชากรแค่ 8 ล้านคน แต่นักท่องเที่ยวอิสราเอลมาเยือนเป็นลำดับที่ 3 ของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ มีสายการบินประจำชาติของอิสราเอล บินเข้าภูเก็ต 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี แสดงถึงว่าชาวอิสราเอลหรือรัฐบาลให้ความมั่นใจกับภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์มากๆ

ก่อนหน้านี้ สายการบินอิสราเอลไม่เคยบินมาภูเก็ต เพิ่งบินมาภูเก็ตในช่วงนี้ น่าจะเป็นเพราะภูเก็ตซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลก เป็นที่เดียวในเอเชียที่เปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม และมีผลตรวจโควิดเป็นลบ เป็นทางเลือกเดียวที่มีอยู่ ซึ่งจะเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของภูเก็ตในยามที่ประเทศไทยยังเผชิญกับปัญหาโควิด-19 อยู่ได้เป็นอย่างดี