xs
xsm
sm
md
lg

อย่าแค่รักประยุทธ์จนข้ามความผิดพลาดที่เขาทำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ


มีข่าวปล่อยออกมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะลาออกจากตำแหน่ง แล้วจะมีนายกรัฐมนตรีพระราชทาน จนกระทั่งมีการปั่นแฮชแท็กไม่เอานายกพระราชทานในโลกโซเชียลมีเดีย ทั้งที่ดูแล้วโอกาสจะเป็นอย่างนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย น่าจะเป็นเรื่องของพวกปล่อยออกมาเองแล้วย้อนกลับไปหลอนคนปล่อยข่าวเองเสียมากกว่า

เพราะข่าวแบบนี้คงไม่ถูกปล่อยออกมาจากฝ่ายที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์แน่ แต่มาจากฝ่ายตรงข้ามนั่นแหละ จึงเหมือนหลอกผีคนอื่นแต่ตัวเองกลัวเสียเอง

แต่ก็ไม่ได้หมายความสถานภาพตอนนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์จะสุขสบายนะ เพราะสถานการณ์โควิดที่กำลังหนักหน่วงในขณะนี้กำลังเป็นบททดสอบความสามารถของนายกรัฐมนตรีผู้นี้ที่คนส่วนใหญ่เริ่มตั้งคำถามและกังขาว่าจะมีศักยภาพพอที่จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้หรือไม่

เพราะดูเหมือนว่าทางออกเดียวที่หลายประเทศรอดพ้นจากสถานการณ์โควิดได้ก็คือการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด แต่จนถึงตอนนี้ดูเหมือนความหวังนั้นจะเลือนรางมาก เพราะวัคซีนที่เราหวังไว้อย่างแอสตร้าเซนเนก้านั้นไม่สามารถส่งมอบให้เราได้มากพอ รวมถึงวัคซีนที่เป็นตัวช่วยอย่างซิโนแวคก็ถูกโจมตีจนกระทั่งหลายคนไม่ยอมฉีดวัคซีนจีน

ดูเหมือนตอนนี้คนที่สนับสนุนรัฐบาลก็เริ่มบ่นกันเสียงดังแล้วถึงความพ่ายแพ้ในสงครามการทำข้อมูลข่าวสารของรัฐบาล จนคนกันเองหันมาตำหนิรัฐบาลด้วยตัวเองกันมากขึ้น

และผสมกับความจริงที่ว่า รัฐบาลมีความผิดพลาดตั้งแต่ต้นในการสั่งจองวัคซีน เพราะมั่นใจว่าในช่วงปีก่อนที่เขาเริ่มจองวัคซีนกันนั้นไทยเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่คุมโควิดได้จนเกิดการประมาท รวมถึงระบบราชการของเราที่ไม่เอื้ออำนวยในการจัดซื้อจัดจ้าง จนกระทั่งต้องให้ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนออกมาขอโทษประชาชน ทั้งที่จริงแล้วคนเขาอยากเห็นคำขอโทษจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลเสียมากกว่า

ดังนั้นไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เลยว่าภายในสิ้นปีนี้เราจะสามารถฉีดวัคซีนได้เกิน 50%ของจำนวนประชากร และกำลังจับตาดูว่ายอดติดเชื้อจะเพิ่มขึ้นไปจนถึงวันละ 3 หมื่นคนอย่างที่มีการคาดการณ์ออกมาหรือไม่

แต่แม้ว่ารัฐบาลอาจจะกำลังถูกสั่นไหวด้วยสถานการณ์โควิด ในทางความมั่นคงทางการเมืองก็ยังมองไม่เห็นเลยว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นจากตำแหน่ง ทั้งวิธีการในระบบตามรัฐธรรมนูญและวิธีการนอกรัฐธรรมนูญก็ตาม ทั้งการโค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์ด้วยมือในสภาและอีกทางนอกรัฐธรรมนูญก็คงจะเป็นการรัฐประหารโดยทหารเข้ามายึดอำนาจ

มือในสภาตอนนี้นั้นยังไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้นได้นอกจากพรรคร่วมรัฐบาลจะลาออกหรือไปยกมือให้ฝ่ายค้านในการเปิดอภิปรายนายกรัฐมนตรีที่กำลังจะมีขึ้นในสภา แต่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลไหนที่จะส่งสัญญาณไปทางนั้นเลย และพรรคร่วมรัฐบาลก็คงจะรู้ว่า ตราบที่รัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลยังบังคับใช้ภายใน 5 ปีไม่มีทางเลยที่จะตีจาก พล.อ.ประยุทธ์ไปได้ ยอมทนอยู่กันแบบหวานอมขมกลืนกันไปดีกว่า

ถ้าจะมีนายกรัฐมนตรีคนนอกมาจากความเชื่อหรือข่าวที่ปล่อยกันสิ่งสำคัญก็คือต้องทำตามรัฐธรรมนูญ แน่นอนล่ะแม้ว่า รัฐธรรมนูญจะเปิดทางให้คนนอกบัญชีของพรรคการเมืองมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่ต้องให้เสียงข้างมากในรัฐสภาเห็นด้วยถึงสองในสาม ก็ดูจะเป็นช่องทางที่ไม่ง่ายเลย

และหากว่าจะมีนายกฯ พระราชทาน เราต้องย้อนกลับไปดูในอดีตว่า กรณีเช่นนี้จะเกิดขึ้นได้ต้องมีสถานการณ์ที่พิเศษจริงๆ และยิ่งไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ตอนนี้ที่มีการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่บนท้องถนน

การรัฐประหารยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะรัฐบาลชุดนี้กับกองทัพนั้นเป็นส่วนหนึ่งส่วนเดียวกัน และสถานการณ์ทางการเมืองและบรรยากาศการเมืองแบบนี้ก็คงมีแต่คนที่ไม่มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะทำการรัฐประหาร และถึงจะรัฐประหารสำเร็จก็ไม่ใช่ว่าจะปกครองบ้านเมืองได้จะต้องถูกต่อต้านอย่างรุนแรงแน่นอน

การเคลื่อนไหวของม็อบคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้นมาจากการยุบพรรคอนาคตใหม่นั้น ก็เริ่มเห็นทิศทางที่สะเปะสะปะไม่เป็นเอกภาพ กลายเป็นความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนจะก่อความวุ่นวายและสร้างภาระให้กับประชาชนด้วยกันมากกว่า เพราะคนเขาหวั่นไหวว่า การชุมนุมหรือออกมาเรียกร้องนั้นจะยิ่งทำให้เกิดโรคระบาดที่รุนแรงขึ้น รวมทั้งเนื้อหาในการชุมนุมก็ไม่ได้ส่งสารที่เป็นเหตุเป็นผลที่ทำให้รับฟังได้ออกมาเลย

แถมแกนนำส่วนใหญ่ก็ติดเงื่อนไขศาลที่เขาเอาเชือกคล้องคอไว้ รอวันที่จะกระตุกเชือกเมื่อไหร่เท่านั้นเอง

ม็อบของกลุ่มสามัคคีประชาชนไทยไม่ทนก็แผ่วไปแล้วเพราะจตุพรกลับเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ม็อบของนกเขาก็เห็นอยู่แล้วว่าไม่สามารถระดมมวลชนได้เลย ดังนั้นม็อบไม่สามารถที่จะสร้างความหวั่นไหวให้กับรัฐบาลได้ และกลายเป็นการสร้างความหวาดวิตกให้กับคนทั่วไปด้วยซ้ำไปเพราะเขาเห็นว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะออกมาชุมนุมทางการเมือง

เมื่อฟังแบบนี้แล้วดูเหมือนว่า รัฐบาลจะลอยนวลแม้ว่าจะไม่สามารถแก้ปัญหาโควิดได้ แต่ก็ไม่มีใครมาสั่นคลอนเสถียรภาพทางการเมืองได้ มันก็มีคำถามเหมือนกันนะครับว่า แล้วประชาชนจะฝากความหวังไว้กับใคร เราจะผ่านพ้นสถานการณ์นี้ไปได้อย่างไร

ใครจะส่งเสียงเตือนรัฐบาลที่เสียงดังพอที่จะทำให้รัฐบาลรับฟังได้ว่า ประชาชนและประเทศกำลังอยู่ในสถานการณ์วิกฤตที่ต้องการความรู้ความสามารถจากผู้บริหารประเทศเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ แต่เท่าที่ดูอยู่ตอนนี้เรามองไม่เห็นทางออกนั้นจากศักยภาพของผู้นำของเราในตอนนี้เลย

จะมีอัศวินม้าขาวที่ไหนออกมาช่วยประเทศชาติของเรา หรืออย่างน้อยก็ออกมาเป็นมือไม้ที่ช่วยรัฐบาลชุดนี้คิดหาทางออกจากวิกฤตให้ได้

ทุกวันนี้เราเห็นคนมีชื่อเสียงในวงการต่างๆ ออกมาส่งเสียงที่เรียกกันว่า call out เพื่อเรียกร้องสิ่งที่ต้องการจากรัฐบาล แต่ดูเหมือนว่า เสียงเหล่านั้นมีกลิ่นอายของรสนิยมทางการเมืองอยู่มีความแอบแฝงที่จะเรียกร้องเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ตัวเองต้องการ หรือเรียกร้องเพราะไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ ทำให้รัฐบาลมองว่าเสียงเหล่านั้นเป็นเสียงของคนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะมองว่าคนที่ไม่ชอบรัฐบาลก็หาเรื่องวิจารณ์หรือตำหนิเป็นธรรมดา

รัฐบาลเชื่อมั่นว่า อย่างไรเสียก็ยังมีประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ยังสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ เพราะเขากลัวระบอบทักษิณและกลัวฝ่ายที่ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ คนเหล่านี้จึงไม่มีทางเลือกอื่นที่จะต้องสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ไปโดยปริยาย

แล้วความรู้สึกของคนที่สนับสนุนรัฐบาลประยุทธ์ก็มีความคิดเช่นนี้จริงๆ แม้รัฐบาลทำผิดพลาดและมองเห็นอยู่ด้วยสายตาก็พยายามหาทางออกและช่วยกันอธิบายเพื่อกลบเกลื่อนความผิดพลาดของรัฐบาล จนรัฐบาลเองก็ไม่สนใจที่จะแก้ไขความผิดพลาดของตัวเอง

ดูตัวอย่างง่ายๆ วันนี้รัฐบาลหรือพล.อ.ประยุทธ์กล้าที่จะออกมาพูดกับประชาชนไหมว่า เราจะรอดจากวิกฤตครั้งนี้ เราจะมีทางออกอย่างไร ประชาชนส่วนใหญ่จะได้ฉีดวัคซีนอย่างที่รัฐบาลเคยรับปากไว้ไหม แล้วเราจะเอาวัคซีนมาจากไหนที่ทำให้คนเชื่อมั่นได้ว่า จะสามารถปกป้องให้รอดจากการติดเชื้อโควิดได้

ผมคิดว่า วันนี้คนที่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ต้องคิดใหม่เสียแล้วว่า การเป็นผนังทองแดงให้รัฐบาลนี้พึ่งพิงนั้นอาจจะไม่ใช่ทางออกและทางรอดของประเทศชาติ เราจะรักและปกป้องรัฐบาลชุดนี้ดังไข่ในหินไม่ได้แล้ว แต่ถ้าเราจะรักและปกป้องรัฐบาลชุดนี้ เราต้องทำตัวเมื่อแม่ที่รักลูกหรือครูที่รักลูกศิษย์ ด้วยการออกมาวิจารณ์และส่งเสียงท้วงติงต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลชุดนี้ แทนการออกมาช่วยแก้ตัวแบบที่เคยทำกันมา

เพื่อให้รัฐบาลชุดนี้ได้ตระหนักถึงหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่ประชาชนที่เป็นเพียงเครื่องมือในการสนับสนุนให้รัฐบาลอยู่ในอำนาจเพียงอย่างเดียว แต่สามารถวิจารณ์และติติงรัฐบาลที่เราสนับสนุนได้ และหากว่ารัฐบาลไม่มีสติปัญญาพอที่จะแก้ไขวิกฤตของประเทศชาติได้เราก็ไม่ควรอุ้มชูสนับสนุนอีกต่อไป

คนที่สนับสนุนรัฐบาลชุดนี้นี่แหละที่ต้องออกมา call outและช่วยกันส่งเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ยินถึงความเดือดร้อนของประชาชน

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น