ยามสงครามมีคนส่วนน้อยกลุ่มหนึ่งที่พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างความร่ำรวยบนความอัตคัดขาดแคลนปัจจัย 4 สิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตของมนุษย์ เราเรียกคนพวกนี้ว่า เศรษฐีสงคราม
ช่วงแรกๆ ของสงครามโควิด-19 เมื่อต้นปีที่แล้ว หน้ากากอนามัยขาดแคลนหนัก เพราะไม่มีใครรู้ว่า โควิดจะระบาดรุนแรง ราคาหน้ากากพุ่งสูงขึ้นหลายสิบเท่า คนขายหน้ากากที่มีสินค้าจำนวนมากอยู่ในมือ ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ
หนึ่งปีครึ่งผ่านไป การระบาดระลอกใหม่ในวันนี้รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ยอดคนติดเชื้อรายวันพุ่งทะลุหมื่น คนตายเกินร้อย ยังไม่เห็นวี่แววว่า สถานการณ์จะคลี่คลายเบาบางลงเมื่อไร ในขณะที่ทั่วโลกยังขาดแคลนวัคซีนต้านโควิดเป็นจำนวนมาก วัคซีนเป็นของหายาก เพราะกำลังการผลิตมีน้อยกว่าความต้องการมากมายหลายเท่า
สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ข่าวนายแพทย์บุญ วนาสิน เจ้าของเครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จะเซ็นสัญญาซื้อวัคซีน mRNA 20 ล้านโดส ที่ถูกปล่อยผ่านสื่อไทยเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ทำให้ราคาหุ้นธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ปรับตัวสูงขึ้นและทำให้มูลค่าหุ้นตามราคาตลาดหรือมาร์เกตแคปของโรงพยาบาลธนบุรีเพิ่มขึ้น 1,500 ล้านบาท ภายในเวลา 2-3 วันที่ข่าวนี้ถูกปั่นโดยสื่อไทยบางสำนัก ที่ไม่แน่ใจว่า พาซื่อ หรือคบคิดกับหมอบุญ วนาสิน
มาร์เกตแคปที่สูงขึ้น ทำให้กิจการเครือธนบุรีมีมูลค่ามากขึ้น ผู้ถือหุ้นโดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่ หากไม่ได้ขายหุ้นเอากำไรเป็นเม็ดเงินทันที ก็จะมี “ความมั่งคั่ง” หรือรวยขึ้น จากราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้น แม้จะเป็นความร่ำรวยที่ยังเป็นเพียงตัวเลขก็ตาม แต่สามารถนำไปต่อยอด สร้างประโยชน์ในมิติการจัดการด้านการเงินได้ เช่น ทำให้หุ้นมีความน่าสนใจในการลงทุน ทำให้สินทรัพย์ใหญ่ขึ้น หรือถ้าใช้หุ้นค้ำประกันเงินกู้ ก็จะกู้ได้มากขึ้น เป็นต้น
ก่อนหน้านี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน เป็นต้นมา นางจารุวรรณ วนาสิน ภรรยาหมอบุญ และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ได้ทยอยซื้อหุ้น THG รวมทั้งสิ้น 350,000 หุ้น ในราคาเฉลี่ย 29 บาทกว่าๆ หลังจากที่หมอบุญปล่อยข่าวผ่านสื่อว่า จะเซ็นสัญญาซื้อวัคซีน mRNA 20 ล้านโดส หุ้น THG ก็ปรับตัวสูงขึ้นทะลุ 30 บาท สูงสุดไปถึง 34 บาท และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปิดตลาดที่ 32 บาท
ถ้าขายหุ้นออกไป ก็จะได้กำไร 1 ล้านบาทเศษภายในเวลาไม่กี่วัน แม้จะเป็นเงินน้อยมาก เมื่อเทียบกับความร่ำรวยของหมอบุญ แต่คนรวยมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งคือ ชอบหาเงินเล็กๆ น้อยๆ ก็เอา ถ้าได้กำไร อย่างไรก็ตาม ไม่น่าจะมีการขายหุ้นจำนวนดังกล่าวออกมาในระยะเวลาอันใกล้นี้ เพราะถ้ามีการซื้อและขายในเวลาไล่เลี่ยกัน จะเข้าข่ายปั่นหุ้น และซื้อขายหุ้นโดยใช้ข้อมูลภายใน
หมอบุญนั้น เห็นช่องทางทำกำไรจากการค้าวัคซีนต้านโควิด เหมือนเศรษฐีสงคราม ที่เห็นโอกาสทำมาค้าขายในยามข้าวยากหมากแพง เขาพยายามเรียกร้องให้ รัฐบาลอนุญาตให้เอกชนนำเข้าวัคซีนทางเลือกมาฉีดให้กับประชาชน โดยคิดค่าวัคซีนและค่าฉีด ถึงแม้จะรู้ดีว่า ผู้ผลิตวัคซีนทุกยี่ห้อไม่เจรจากับเอกชน เจรจากับหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบอำนาจเท่านั้น แต่หมอบุญก็ยังใช้วิธีสร้างข่าวโจมตีรัฐบาลว่า ปิดกั้น กีดกันเอกชนไม่ให้นำเข้าวัคซีน รวมทั้งการกล่าวหาองค์การเภสัชกรรมซึ่งเป็นผู้ประสานงานการนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา ว่า คิดส่วนต่างหากำไร จนลูกสาวต้องออกแถลงการณ์ขอโทษองค์การเภสัชกรรมอย่างเป็นทางการไปแล้วครั้งหนึ่ง ก็ยังกล่าวหาองค์การเภสัชกรรมซ้ำ จนแจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท
องค์การเภสัชกรรมคิดราคาวัคซีนโมเดอร์นาจาก รพ.เอกชนโดสละ 1,100 บาท รพ.เอกชนคิดจากประชาชนโดสละ 1,650 บาท ส่วนต่างโดสละ 550 บาท รพ.เอกชน ได้รับการจัดสรร 3.9 ล้านโดส คิดเป็นส่วนต่างหรือกำไรสูงถึง 2,145 ล้านบาท แต่มี รพ. ที่ได้รับการจัดสรรผ่านสมาคมโรงพยาบาลเอกชน 277 แห่ง โดย 199 แห่งจองมาไม่เยอะ ได้รับการจัดสรรเท่ากันแห่งละ 10,000 โดส ที่เหลืออีก 2 ล้านกว่าโดส โรงพยาบาลที่จองมามากแบ่งกันตามสัดส่วน
การนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นาผ่านองค์การเภสัชกรรม และนำมาจัดสรรให้กับโรงพยาบาลเอกชน เป็นบทบาทของสมาคมโรงพยาบาลเอกชนที่มี นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ เจ้าของโรงพยาบาลเครือเกษมราษฎร์ เป็นนายกสมาคม ในขณะที่การเคลื่อนไหว เรียกร้อง กดดัน ปั่นข่าวของหมอบุญ เพื่อให้เครือ รพ.ธนบุรีของตนรายเดียว ได้นำเข้าวัคซีน 20 ล้านโดส ซึ่งถ้าเป็นความจริง จะฟันกำไรสูงถึง 10,000 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่แล้ว เครือธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป มีรายได้รวม 7,446 ล้านบาท กำไรสุทธิแค่ 62.43 ล้านบาท ส่วนไตรมาสแรกของปีนี้ขาดทุน 214.95 ล้านบาท
วัคซีน mRNA คนไทยต้องการมาก หมอบุญก็ต้องการมากเหมือนกัน แม้จะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ เป็นความต้องการที่ทำให้หมอบุญสามารถทำให้ตัวเองเชื่อ และทำให้สื่อมวลชนหลายรายหลงเชื่อตามว่า จะมีการเซ็นสัญญากับผู้ผลิตซึ่งไม่ได้ระบุนาม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ว่า ทั้งไฟเซอร์ และโมเดอร์นา จะแถลงว่าไม่เป็นความจริง โดยออกชื่อหมอบุญด้วย แต่หมอบุญก็ยังดันทุรังปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ