ผู้จัดการรายวัน360 - “กกร.” ปรับคาดการณ์จีดีพีปี 64 ลดลงเหลือ 0.5-1.5% เพิ่มเป้าส่งออกโต 8-10% หลังประเมินโควิด-19 ระลอกใหม่ในไทยรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ หวั่นเปิดท่องเที่ยวไม่ได้ตามแผนหลังแผนกระจายวัคซีนยังไม่ถึงไหน ประเมินจีดีพีเลวร้ายสุดอาจโต0% และเสี่ยงติดลบได้ “ส.อ.ท.” จี้เพิ่มวงเงินค้ำประกันบสย.ให้ SME เป็น 70% ย้ำหากจะล็อกดาวน์เพิ่มควรหารือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ด้านสภาหอฯเล็งถก “40CEO พลัส” ประเมินเปิดประเทศ 120 วันก่อนเดินหน้าหารือ”สุพัฒนพงษ์” 9ก.ค.อุ้ม SME
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ที่ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า กกร.ได้พิจารณาปรับประมาณการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ปี 2654 ลดลงจากเดิมเติบโต 0.5-2% เมื่อเทียบกับปี 2563 เป็น 0.0% -1.5% แต่ปรับเพิ่มการส่งออกจากเดิม 5-7% เป็น 8-10% และคงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 1-1.2% ทั้งนี้เนื่องจากยังคงกังวลถึงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในไทยระลอกใหม่ที่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า
“กกร.ครั้งนี้เราเชิญทางสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ(สรท.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เข้าร่วมหารือด้วยซึ่งทุกฝ่ายกังวลการระบาดโควิด-19รอบใหม่ที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าที่จะกระทบกับการท่องเที่ยวตลอดไตรมาส 3 และอาจกระทบแผนเปิดประเทศได้โดยจุดยืนภาคธุรกิจยังเห็นว่าการเร่งฉีดวัคซีนและจัดหาให้เพียงพอเป็นสิ่งที่รัฐควรดำเนินการโดยเร็วและควรมีจุดยืนที่ชัดเจนวัคซีนทางเลือกเข็มที่ 3เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติระยะยาว ส่วนมาตรการที่รัฐอาจจะนำไปสู่การล็อกดาวน์มากขึ้นนั้นขอให้ชัดเจนก่อนเพราะยังไม่อยากแสดงความเห็นเพื่อป้องกันความสับสนที่วันนี้ก็มีมากพอแล้ว”นายผยงกล่าว
พร้อมกันนี้ยังเสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เพิ่มวงเงินค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ของธนาคาร และจัดกลุ่มลูกหนี้ที่เป็น NPL ที่ได้รับผลกกระทบจากโควิด-19 แยกจากลูกหนี้ NPL ทั่วไป รวมไปถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในปีที่ 1-3 เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือดร้อนที่สุด เพื่อช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ให้ ช่วยเหลือ SME ภายใต้โครงการ Faster Payment ของส.อ.ท. ได้รับการชำระเงินค่าสินค้าได้เร็วขึ้นภายใน 30 วัน ซึ่งจะดำเนินการขยายไปยัง SET100 และภาคส่วนอื่นๆ ต่อไป เพิ่มจากเดิมที่ได้ดำเนินการ MOU ไปแล้ว 163 แห่ง เป็นต้น
ส.อ.ท.จี้รัฐเร่งจัดหาวัคซีนทุกทาง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.เห็นว่ารัฐควรจะเร่งจัดหาวัคซีนให้มากที่สุดจะเป็นยี่ห้อใดก็ได้คือไม่ใช่วัคซีนทางเลือกแต่เป็นวัคซีนทุกทางแม้ว่าส่งออกของไทยมีทิศทางจะเติบโตได้ดีตามทิศทางศก.โลกแต่ก็ยังกังวลเพราะการระบาดโควิด-19กระจายไปยังโรงงานขณะที่การฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะโรงงานในเขตปริมณฑลจึงต้องการให้รัฐเร่งจัดสรรวัคซีนให้กับภาคอุตสาหกรรมด้วย อย่างไรก็กรณีที่มีข่าวว่ารัฐอาจจะเพิ่มมาตรการเป็นล็อกดาวน์นั้นจำเป็นที่รัฐควรจะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านเพื่อให้การล็อกดาวน์นั้นเกิดผลที่ดีและรัฐเองจะต้องมีมาตรการช่วยเหลือควบคู่ไปด้วย
“ ส.อ.ท.เตรียมเสนอคลังเพื่อให้พิจารณาให้บสย.ค้ำประกันSMEเพิ่มขึ้นเป็น 70% เพื่อให้ฝ่าวิกฤติโควิดไปได้ เพราะตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่ และเราก็ยังกังวลกรณีที่ปี 65 ไทยจะเป็นเจ้าภาพประชุม APEC 2022 ถ้าเรายังฉีดวัคซีนไม่พร้อมก็อาจเสียโอกาสได้ ส่วนกรณีหากถามว่าจีพีดีมีโอกาสติดลบไหมก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะคุมโควิด-19 ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากคุมไม่ได้และต้องนำไปสุ่การล็อกดาวน์ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมก็มีโอกาสแต่วันนี้ยังประเมินได้ยากโดยเราประเมินไว้ขณะนี้เลวร้ายสุดคือ 0% ”นายสุพันธุ์กล่าว
หอการค้าถก 40CEOพลัสวันนี้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเร็วที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วันซึ่งทางสภาหอการค้าฯเตรียมหารือพบปะกับ 40 CEO และรองประธานส.อ.ท.หรือ 40 CEO พลัส ในวันที่ 8 ก.ค.นี้เพื่อสรุปถึงมาตรการต่างๆที่จะเตรียมรองรับ และวันที่ 9 ก.ค.จะหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่จะเร่งสรุปมาตรการฟื้นฟู SME
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยและประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยหลังทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.)ที่ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า กกร.ได้พิจารณาปรับประมาณการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ปี 2654 ลดลงจากเดิมเติบโต 0.5-2% เมื่อเทียบกับปี 2563 เป็น 0.0% -1.5% แต่ปรับเพิ่มการส่งออกจากเดิม 5-7% เป็น 8-10% และคงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ในกรอบ 1-1.2% ทั้งนี้เนื่องจากยังคงกังวลถึงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในไทยระลอกใหม่ที่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า
“กกร.ครั้งนี้เราเชิญทางสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือ(สรท.) สภาธุรกิจตลาดทุนไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย เข้าร่วมหารือด้วยซึ่งทุกฝ่ายกังวลการระบาดโควิด-19รอบใหม่ที่รุนแรงขึ้นโดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้าที่จะกระทบกับการท่องเที่ยวตลอดไตรมาส 3 และอาจกระทบแผนเปิดประเทศได้โดยจุดยืนภาคธุรกิจยังเห็นว่าการเร่งฉีดวัคซีนและจัดหาให้เพียงพอเป็นสิ่งที่รัฐควรดำเนินการโดยเร็วและควรมีจุดยืนที่ชัดเจนวัคซีนทางเลือกเข็มที่ 3เพื่อสร้างความเชื่อมั่นนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติระยะยาว ส่วนมาตรการที่รัฐอาจจะนำไปสู่การล็อกดาวน์มากขึ้นนั้นขอให้ชัดเจนก่อนเพราะยังไม่อยากแสดงความเห็นเพื่อป้องกันความสับสนที่วันนี้ก็มีมากพอแล้ว”นายผยงกล่าว
พร้อมกันนี้ยังเสนอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) เพิ่มวงเงินค้ำประกันให้แก่ลูกหนี้ของธนาคาร และจัดกลุ่มลูกหนี้ที่เป็น NPL ที่ได้รับผลกกระทบจากโควิด-19 แยกจากลูกหนี้ NPL ทั่วไป รวมไปถึงการยกเว้นค่าธรรมเนียมค้ำประกันในปีที่ 1-3 เนื่องจากอยู่ในช่วงเดือดร้อนที่สุด เพื่อช่วยลดภาระให้ผู้ประกอบการ นอกจากนี้ให้ ช่วยเหลือ SME ภายใต้โครงการ Faster Payment ของส.อ.ท. ได้รับการชำระเงินค่าสินค้าได้เร็วขึ้นภายใน 30 วัน ซึ่งจะดำเนินการขยายไปยัง SET100 และภาคส่วนอื่นๆ ต่อไป เพิ่มจากเดิมที่ได้ดำเนินการ MOU ไปแล้ว 163 แห่ง เป็นต้น
ส.อ.ท.จี้รัฐเร่งจัดหาวัคซีนทุกทาง
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.เห็นว่ารัฐควรจะเร่งจัดหาวัคซีนให้มากที่สุดจะเป็นยี่ห้อใดก็ได้คือไม่ใช่วัคซีนทางเลือกแต่เป็นวัคซีนทุกทางแม้ว่าส่งออกของไทยมีทิศทางจะเติบโตได้ดีตามทิศทางศก.โลกแต่ก็ยังกังวลเพราะการระบาดโควิด-19กระจายไปยังโรงงานขณะที่การฉีดวัคซีนยังไม่ทั่วถึงโดยเฉพาะโรงงานในเขตปริมณฑลจึงต้องการให้รัฐเร่งจัดสรรวัคซีนให้กับภาคอุตสาหกรรมด้วย อย่างไรก็กรณีที่มีข่าวว่ารัฐอาจจะเพิ่มมาตรการเป็นล็อกดาวน์นั้นจำเป็นที่รัฐควรจะหารือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้านเพื่อให้การล็อกดาวน์นั้นเกิดผลที่ดีและรัฐเองจะต้องมีมาตรการช่วยเหลือควบคู่ไปด้วย
“ ส.อ.ท.เตรียมเสนอคลังเพื่อให้พิจารณาให้บสย.ค้ำประกันSMEเพิ่มขึ้นเป็น 70% เพื่อให้ฝ่าวิกฤติโควิดไปได้ เพราะตอนนี้ค่อนข้างย่ำแย่ และเราก็ยังกังวลกรณีที่ปี 65 ไทยจะเป็นเจ้าภาพประชุม APEC 2022 ถ้าเรายังฉีดวัคซีนไม่พร้อมก็อาจเสียโอกาสได้ ส่วนกรณีหากถามว่าจีพีดีมีโอกาสติดลบไหมก็ขึ้นอยู่กับว่ารัฐจะคุมโควิด-19 ได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งหากคุมไม่ได้และต้องนำไปสุ่การล็อกดาวน์ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมก็มีโอกาสแต่วันนี้ยังประเมินได้ยากโดยเราประเมินไว้ขณะนี้เลวร้ายสุดคือ 0% ”นายสุพันธุ์กล่าว
หอการค้าถก 40CEOพลัสวันนี้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า รัฐต้องเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเร็วที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วันซึ่งทางสภาหอการค้าฯเตรียมหารือพบปะกับ 40 CEO และรองประธานส.อ.ท.หรือ 40 CEO พลัส ในวันที่ 8 ก.ค.นี้เพื่อสรุปถึงมาตรการต่างๆที่จะเตรียมรองรับ และวันที่ 9 ก.ค.จะหารือกับนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ที่จะเร่งสรุปมาตรการฟื้นฟู SME