ผู้จัดการรายวัน360-เปิดแผนขับเคลื่อนส่งออกครึ่งปีหลัง 64 ฟื้นเศรษฐกิจไทย “จุรินทร์”สั่งลุยกิจกรรมออนไลน์เต็มสูบ ทั้งจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริง จัดและเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Mirror Mirror เจรจาธุรกิจออนไลน์ เร่งเจาะตลาดใหม่ ฟื้นตลาดเดิม เร่งส่งออกสินค้า 3 กลุ่มเติบโตดีและสินค้าที่เป็นเมกะเทรนด์โลก โชว์ผลงานครึ่งปีแรก เซลส์แมนจับคู่ค้าขายแล้ว 125 ล้าน จัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ทำยอด 5,937 ล้าน ยี่ปั๊วออนไลน์ 290 ล้าน
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับนโยบายขับเคลื่อนการส่งออกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้เตรียมแผนผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริงและไฮบริด การจัดงานแสดงสินค้าและการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศในรูปแบบ Mirror Mirror การเจรจาการค้าออนไลน์ (Online Business Matching - OBM) รวมถึงการจัดกิจกรรมในรูปแบบออฟไลน์ในบางประเทศที่เป็นเป้าหมายการส่งออก การมุ่งขยายตลาดใหม่ที่เป็นตลาดเป้าหมาย การผลักดันส่งออกสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และสินค้าที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก
ทั้งนี้ การจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริงและไฮบริด ได้ดำเนินการในส่วนของงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแล้ว กำลังจะจัดงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX Virtual Trade Show และ THAIFEX Anuga Asia 2021 ในรูปแบบ Hybrid ณ อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 29 ก.ย.–3 ต.ค.2564 และงาน THAILOG LOGISTIX Virtual Exhibition และจะจัดงานในรูปแบบ Mirror Mirror โดยจะจัดงาน TOP Thai Brands , Thailand Week , Mini Thailand Week รวม 15 งาน ที่กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เมียนมา อินเดีย และบังคลาเทศ และเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในต่างประเทศ ในรูปแบบ Mirror-Mirror เช่น งานดิจิทัลคอนเทนต์ ที่สิงคโปร์และเกาหลีใต้ ชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ลาสเวกัส และดูไบ และสินค้าอาหารที่ออสเตรเลีย หนานหนิง และเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น
ส่วนการจัดกิจกรรมเจรจาการค้าออนไลน์ กำหนดจัด 6 ครั้ง ได้แก่ คอนเทนต์ Y วันที่ 29-30 มิ.ย.2564 อาหารสัตว์เลี้ยง วันที่ 3-5 ส.ค.2564 สินค้าอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา วันที่ 3 ส.ค.2564 ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง วันที่ 26-27 ส.ค.2564 ชิ้นส่วน อะไหล่ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ วันที่ 7-9 ก.ย.2564 และเครื่องมือแพทย์ เดือนก.ย.2564 และจะจัดในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ร่วมกับผู้นำเข้า ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต และแพลตฟอร์มชั้นนำในประเทศเป้าหมาย เช่น งาน Thai Fruits Golden Months ในเมืองต่างๆ ของจีน
สำหรับแผนการขยายการส่งออกเป็นรายตลาด กรมฯ จะเน้นการรักษาตลาดเดิม เช่น สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเพิ่มตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย มองโกเลีย (ประตูสู่กลุ่มประเทศยูเรเซีย) อินเดีย และแอฟริกาใต้ รวมทั้งฟื้นตลาดเก่าที่เสียไปให้กลับมา เช่น อิรัก และซาอุดิอาราเบีย
ทางด้านสินค้า จะเร่งผลักดันส่งออกสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกในช่วงโควิด-19 ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าทำงานที่บ้าน และสินค้าป้องกันการติดเชื้อ และผลักดันสินค้าที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก ได้แก่ สินค้าไลฟ์สไตล์ที่พัฒนามาจากของเหลือใช้ สินค้าอาหาร เกษตรแปรรูป สินค้าที่ไม่ใช่อาหารที่ได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม อาหารอนาคต เช่น อาหารฟังก์ชัน อาหารนวัตกรรมใหม่ อาหารทางการแพทย์ และอาหารอินทรีย์ อาหารฮาลาล สมุนไพร เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าที่รองรับตลาดโลกฟื้นตัว เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรกลการเกษตร สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง และธุรกิจบริการมูลค่าสูง ได้แก่ ดิจิทัลคอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์ เกมส์ แอนิเมชัน คาแรคเตอร์) ธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 กรมฯ มีผลงานที่ดำเนินการประสบความสำเร็จแล้ว เช่น การเชื่อมโยงการทำงานระหว่างเซลส์แมนประเทศกับเซลส์แมนจังหวัด ขายสินค้าเกษตรและชุมชนได้กว่า 125 ล้านบาท จัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ รวม 37 ครั้ง สร้างยอดขาย 5,937.85 ล้านบาท และโครงการยี่ปั๊วออนไลน์ คอนเทค คาดการณ์ยอดสั่งซื้อเพื่อนำไปขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ 290.28 ล้านบาท
นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้รับนโยบายขับเคลื่อนการส่งออกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ โดยได้เตรียมแผนผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 โดยจะเน้นการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริงและไฮบริด การจัดงานแสดงสินค้าและการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศในรูปแบบ Mirror Mirror การเจรจาการค้าออนไลน์ (Online Business Matching - OBM) รวมถึงการจัดกิจกรรมในรูปแบบออฟไลน์ในบางประเทศที่เป็นเป้าหมายการส่งออก การมุ่งขยายตลาดใหม่ที่เป็นตลาดเป้าหมาย การผลักดันส่งออกสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกในช่วงสถานการณ์โควิด-19 และสินค้าที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก
ทั้งนี้ การจัดงานแสดงสินค้าเสมือนจริงและไฮบริด ได้ดำเนินการในส่วนของงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับแล้ว กำลังจะจัดงานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX Virtual Trade Show และ THAIFEX Anuga Asia 2021 ในรูปแบบ Hybrid ณ อิมแพค เมืองทองธานี วันที่ 29 ก.ย.–3 ต.ค.2564 และงาน THAILOG LOGISTIX Virtual Exhibition และจะจัดงานในรูปแบบ Mirror Mirror โดยจะจัดงาน TOP Thai Brands , Thailand Week , Mini Thailand Week รวม 15 งาน ที่กัมพูชา ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เมียนมา อินเดีย และบังคลาเทศ และเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในต่างประเทศ ในรูปแบบ Mirror-Mirror เช่น งานดิจิทัลคอนเทนต์ ที่สิงคโปร์และเกาหลีใต้ ชิ้นส่วนยานยนต์ ที่ลาสเวกัส และดูไบ และสินค้าอาหารที่ออสเตรเลีย หนานหนิง และเซี่ยงไฮ้ เป็นต้น
ส่วนการจัดกิจกรรมเจรจาการค้าออนไลน์ กำหนดจัด 6 ครั้ง ได้แก่ คอนเทนต์ Y วันที่ 29-30 มิ.ย.2564 อาหารสัตว์เลี้ยง วันที่ 3-5 ส.ค.2564 สินค้าอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องมือแพทย์ ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม สินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แอฟริกา และลาตินอเมริกา วันที่ 3 ส.ค.2564 ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง วันที่ 26-27 ส.ค.2564 ชิ้นส่วน อะไหล่ และอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ วันที่ 7-9 ก.ย.2564 และเครื่องมือแพทย์ เดือนก.ย.2564 และจะจัดในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์ร่วมกับผู้นำเข้า ห้างสรรพสินค้า ซุปเปอร์มาเก็ต และแพลตฟอร์มชั้นนำในประเทศเป้าหมาย เช่น งาน Thai Fruits Golden Months ในเมืองต่างๆ ของจีน
สำหรับแผนการขยายการส่งออกเป็นรายตลาด กรมฯ จะเน้นการรักษาตลาดเดิม เช่น สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และเพิ่มตลาดใหม่ เช่น รัสเซีย มองโกเลีย (ประตูสู่กลุ่มประเทศยูเรเซีย) อินเดีย และแอฟริกาใต้ รวมทั้งฟื้นตลาดเก่าที่เสียไปให้กลับมา เช่น อิรัก และซาอุดิอาราเบีย
ทางด้านสินค้า จะเร่งผลักดันส่งออกสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาดโลกในช่วงโควิด-19 ได้แก่ สินค้าเกษตรและอาหาร สินค้าทำงานที่บ้าน และสินค้าป้องกันการติดเชื้อ และผลักดันสินค้าที่เป็นเมกะเทรนด์ของโลก ได้แก่ สินค้าไลฟ์สไตล์ที่พัฒนามาจากของเหลือใช้ สินค้าอาหาร เกษตรแปรรูป สินค้าที่ไม่ใช่อาหารที่ได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม อาหารอนาคต เช่น อาหารฟังก์ชัน อาหารนวัตกรรมใหม่ อาหารทางการแพทย์ และอาหารอินทรีย์ อาหารฮาลาล สมุนไพร เครื่องสำอาง รวมถึงสินค้าที่รองรับตลาดโลกฟื้นตัว เช่น ชิ้นส่วนอุปกรณ์และส่วนประกอบยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ วัสดุก่อสร้าง เครื่องจักรกลการเกษตร สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง และธุรกิจบริการมูลค่าสูง ได้แก่ ดิจิทัลคอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์ เกมส์ แอนิเมชัน คาแรคเตอร์) ธุรกิจบริการเพื่อสุขภาพ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 กรมฯ มีผลงานที่ดำเนินการประสบความสำเร็จแล้ว เช่น การเชื่อมโยงการทำงานระหว่างเซลส์แมนประเทศกับเซลส์แมนจังหวัด ขายสินค้าเกษตรและชุมชนได้กว่า 125 ล้านบาท จัดเจรจาธุรกิจออนไลน์ รวม 37 ครั้ง สร้างยอดขาย 5,937.85 ล้านบาท และโครงการยี่ปั๊วออนไลน์ คอนเทค คาดการณ์ยอดสั่งซื้อเพื่อนำไปขายในแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ 290.28 ล้านบาท