โอเค! ไม่ล็อกดาวน์ ก็ไม่ล็อกดาวน์ เป็นแค่การยกระดับการควบคุม 10 พื้นที่สีแดง ที่มีการระบาดอย่างหนัก พร้อมมีคำขอห้ามเดินทาง มาตรการต่างๆ ย้อนไปสู่แบบเดิมที่ห้ามนั่งทานอาหารในร้าน ให้ซื้อกลับบ้าน ทั้งๆ ที่เปิดได้ไม่นาน ต้องรอเจ๊งอีกรอบ
คนทำร้านอาหารมองไปทางไหน เห็นแต่ภาวะวิบัติอยู่ทุกทิศ เพราะไม่ได้เป็นต้นตอของการระบาด สาเหตุอยู่ที่แคมป์คนงาน และโรงงานต่างๆ มาตรการเข้มเริ่มมีผลวันจันทร์ที่ 28 แต่ผู้นำประเทศทำเป็นไม่รู้ว่าคนงานถลกก้นเปิดไปตั้งแต่วันศุกร์
เหลือเชื่อว่าเป็นนายทหารที่ผ่านหลักสูตรเสนาธิการ และหลักสูตรสารพัดมาแล้ว กลับมาวางแผนได้แค่นี้ เป็นแบบคำโบราณว่า “กว่าถั่วสุก งาก็ไหม้” ผลที่ตามมาคือการกระจายพาหะไปทั่วประเทศ เหมือนช่วงสงกรานต์ไม่มีผิด
แถมมีนักการทหารใหญ่บอกทำนองว่า “ดี ไปป่วยต่างจังหวัด มีเตียงรับแน่!” มีสมองคิดได้อย่างนี้ ต่อให้มี 100 ปราสาทพระวิหาร ฮุนเซนเอาไปหมดไม่เหลือ
เห็นการระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ร้ายต่างๆ ที่กำลังคุกคามความอยู่รอดของประชาชนทุกวันนี้ ถ้ามองย้อนกลับไป ใครจะคาดว่าประเทศไทยอยู่ในสภาวะน่าอนาถอย่างนี้ ยิ่งคำนึงถึงคุณภาพคณะทหารผู้นำบ้านเมือง บอกได้ว่าหายนะมาแน่
จากช่วงก่อนสงกรานต์ เมื่อคลัสเตอร์ทองหล่อแผลงฤทธิ์ ท่านผู้นำประกาศด้วยความห้าวหาญทระนงว่า “อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด” แล้วทุกวันนี้เป็นอย่างไร ชาวบ้านติดเชื้อกว่า 2 แสนราย ยอดรวมคนตายเกือบ 2 พันคน และยังจะมีอีกเยอะ
หายนะเกิดขึ้นแล้วจริง โดยไม่มีหน้าไหนออกมารับผิดชอบ แทบทุกวันมีแต่ลีลาจำอวดสลับฉากเปลี่ยนม่าน โชว์มาดเข้มชู 2 นิ้ว “นะจ๊ะ นะจ๊ะ” ยิ่งกว่าตลกด้าน
ช่างไม่รู้กาลเทศะ คนเดือดร้อนกลัวติดเชื้อ กลัวตายทั่วประเทศ ท่านผู้นำจำอวดยังมีอารมณ์เล่นบทตลกด้าน แบบคนไม่รู้สึกถึงภาวะวิกฤตที่บ้านเมืองเผชิญอยู่ และยังไม่มีหนทางออก นอกจากหาทางเล่นแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอดไปแต่ละวัน
โรงพยาบาลไม่มีเตียง ห้องไอซียู รับผู้ป่วยรายใหม่ จำนวนคนป่วยแท้จริงแต่ละวันไม่มีใครประเมินได้ เพราะไม่มีการตรวจหาเชื้ออย่างจริงจัง ตัวเลขจริงแต่ละวันอาจจะหลายพัน หรือกว่าหมื่นราย ก็มีความเป็นไปได้ เพราะมีแต่ข่าวคนติดเชื้อ
ระบบสาธารณสุขของประเทศไทย ที่เคยภูมิใจว่าไม่เป็นรองใคร กำลังอยู่ในสภาวะใกล้จนตรอก ไม่สามารถรับกับจำนวนผู้ป่วยซึ่งมีมากกว่าตัวเลขคนที่รับการรักษาจนหายแล้ว มาตรการครึ่งบกครึ่งน้ำ มีแต่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทุกวัน
ถ้าเป็นอย่างนี้อีกไม่นาน คนไทยอาจจะเห็นจำนวนผู้ป่วย 2 คนนอนบนเตียงเดียวกันเหมือนในอินเดีย คนป่วยนอนตามระเบียง ทางเดินในห้องพยาบาล ดังที่ได้เกิดขึ้นในอิตาลี อังกฤษ ซึ่งสุดท้าย เลือกว่าจะรักษาใคร และจำใจปล่อยให้ใครตาย
แพทย์และบุคลากรรับผิดชอบด้านการรักษาพยาบาลเหนื่อยสายตัวแทบขาด ทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายทุกลมหายใจเข้าออก ไม่มีโอกาสได้ไปเจอครอบครัว ผู้นำการเมืองยังสนุกกับการลองผิดลองถูกกับความล้มเหลวซ้ำซาก
ขยันอย่างเดียวคือสั่งวัคซีนคุณภาพต่ำ ราคาแพงกว่าอย่างอื่น 5 เท่า ระดมเอาเข้ามาให้มาก เหมือนจะให้รู้ว่ายามวิกฤตอย่างนี้ ยังมีคนหารายได้เป็นกอบเป็นกำ
แพทย์อิงการเมืองไม่กล้าแสดงความเห็นอย่างมืออาชีพ แพทย์ที่ห่วงใยชาวบ้านไม่ได้รับความใส่ใจจากผู้บริหารบ้านเมือง ผู้นำจำอวดยังอวดรู้ทุกเรื่องในการประชุม ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นแย้ง อัตตาและการเมืองอยู่เหนือเหตุผล
นี่คือสถานการณ์ในประเทศ ซึ่งอาจเป็นแห่งเดียวในโลกซึ่งนำเอาการทหารและการเมืองมานำหน้าการต่อสู้กับโรคระบาด ซึ่งยังไม่มีประเทศใดชนะได้เด็ดขาด
เหลือเชื่อ แต่ก็เป็นไปแล้ว นายทหารมาคุมทิศทางการรณรงค์กับโรคระบาด ทั้งๆ ที่ไม่ใช่แพทย์ทหาร ผู้นำจำอวดห่วงแต่เก้าอี้ของตัวเองและก๊วนร่วมชะตากรรม ใช้การเมืองและนโยบายประชานิยมเอาใจชาวบ้าน ผลาญงบประมาณแบบไร้ค่า
วันก่อนมาแถลงข่าวเรื่องคอขาดบาดตาย ยังเล่นบทจำอวดตลกด้าน ไม่สำเหนียกว่าบ้านเมืองอยู่ในวิกฤตเพราะความล้มเหลว ความไร้ประสิทธิภาพของตัวเองและคณะ ทั้งยังมีหน้ามาบอกชาวบ้านว่าเป็นทุกข์ห่วงใยประชาชน
เป็นผู้นำประเทศก่อนวิกฤต จนเกิดวิกฤต ก็ยังทำงานหยุดวันเสาร์-อาทิตย์ ซ้ำร้ายวันเสาร์ยังสนุกสนานเบิกบานกับการออกรอบกับก๊วนกอล์ฟ เพื่อนฝูงคนรู้ใจแบบปิดสนามเล่น จ่ายเงินหรือเปล่าไม่มีใครรู้ ไม่รู้สึกอินังขังขอบ เดือดเนื้อร้อนใจ
แถลงข่าวมีทั้งแพทย์ ลูกขุนพลอยพยักเป็นตัวประกอบฉาก เล่นลิ้นหัวร่อคิกคัก ยิ่งกว่าคณะตลก ต่อปากต่อคำกับผู้สื่อข่าว ถามย้ำ 3-4 ครั้ง “เข้าใจมั้ย...” ทั้งๆ ที่ตัวเองนั่นแหละน่าจะเป็นคนไม่เข้าใจในสถานการณ์ ยังมีหน้ามาถาม “เชื่อผู้นำมั้ย”
ผลงานตลอด 7 ปีของคณะ 3 ลุงที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เป็นหลักฐานเห็นชัดว่า บ้านเมืองเผชิญวิกฤตร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ผสมโรงซ้ำเติมด้วยโรคระบาดร้ายแรง ความเสียหายมหาศาล คนเป็นหนี้ทั้งแผ่นดิน
เป็นหนี้สินท่วมล้นพ้นตัว ยังไม่มีรายได้หาเงินมาใช้หนี้อีกต่างหาก! มีแต่ความล้มเหลวระดับคณะ 3 ลุงเท่านั้น ที่สร้างความวิบัติให้บ้านเมืองอย่างนี้ได้
สภาวะอย่างนี้มีสัญญาณชัดอย่างเดียว ตราบใดที่คณะ 3 ลุงยังอยู่ กุมชะตากรรมและทิศทางของประเทศ บ้านเมืองไม่มีวันจะดีขึ้น จะอยู่แบบติดหล่ม จมปลัก ดักดาน คอร์รัปชัน ชั่วนิรันดร์กาล ต้องถูกประเทศเพื่อนบ้านแซงหน้า ทิ้งไว้ข้างหลัง
คนไทยต้องพึ่งตัวเองให้รอดจากหายนะที่ผู้นำจำอวดจะพามาหาอีกไม่นาน!