ศาลชลบุรีมีคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกา คดี “ลุงวิศวะ” ยิงวัยรุ่นดับเมื่อ ก.พ.60 แก้ข้อหาจาก “ฆ่าโดยเจตนา” เป็น “ป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ” ลดโทษจำคุก 5 ปี ลดให้อีกเหลือ 3 ปี 4 เดือน รอลงอาญา 3 ปี พ่วงอบรม-คุมความประพฤติ
วานนี้ (17 มิ.ย.) ศาลจังหวัดชลบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 3544/2561 หรือ “คดีลุงวิศวะยิงเด็กนักเรียน ม.4” ที่พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี และ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย โจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากกรณีที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง นายนวพล หรือ ปอนด์ ผึ่งผาย อายุ 17 ปี ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.60 ที่บริเวณแยกครกใหญ่ ต.อ่างศิลา อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนานั้น จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกันตัว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง จำคุก 15 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 4 พันบาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2 พันบาท รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 10 ปี ปรับ 2 พันบาท ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 3.4 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
ต่อมาโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยยื่นฎีกา ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกา เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดชลบุรี แต่จำเลยและทนายฝ่ายจำเลยไม่ได้เดินทางมาตามนัด จึงสั่งยึดริบประกันจำนวน 8.74 แสนบาท พร้อมออกหมายจับ นายสุเทพ โดยกำหนดภายใน 1 เดือนหากจับกุมตัวได้ก็จะคุมตัวมาฟังคำพิพากษา แต่หากยังตามจับกุมตัวไม่ได้ ก็จะอ่านคำพิพากษาลับหลัง ในวันที่ 17 มิ.ย.นั้น
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย อันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2 พันบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่งโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาฎีกาลับหลังจำเลย เนื่องจากนายสุเทพไม่มาฟังฎีกา ตั้งแต่นัดฟังฎีกาครั้งแรก
วานนี้ (17 มิ.ย.) ศาลจังหวัดชลบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอาญาหมายเลขแดง ที่ 3544/2561 หรือ “คดีลุงวิศวะยิงเด็กนักเรียน ม.4” ที่พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี และ น.ส.มณีพร ผึ่งผาย โจทก์และโจทก์ร่วม ยื่นฟ้องนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควรและโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จากกรณีที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง นายนวพล หรือ ปอนด์ ผึ่งผาย อายุ 17 ปี ถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 4 ก.พ.60 ที่บริเวณแยกครกใหญ่ ต.อ่างศิลา อ.เมืองฯ จ.ชลบุรี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ ส่วนความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนานั้น จำเลยให้การต่อสู้อ้างเหตุป้องกันตัว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯและฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง จำคุก 15 ปี ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 10 ปี ฐานพาอาวุธปืน ปรับ 4 พันบาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับ 2 พันบาท รวมจำคุกจำเลยเป็นเวลา 10 ปี ปรับ 2 พันบาท ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 3.4 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี
ต่อมาโจทก์และจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยยื่นฎีกา ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกา เมื่อวันที่ 12 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ที่ศาลจังหวัดชลบุรี แต่จำเลยและทนายฝ่ายจำเลยไม่ได้เดินทางมาตามนัด จึงสั่งยึดริบประกันจำนวน 8.74 แสนบาท พร้อมออกหมายจับ นายสุเทพ โดยกำหนดภายใน 1 เดือนหากจับกุมตัวได้ก็จะคุมตัวมาฟังคำพิพากษา แต่หากยังตามจับกุมตัวไม่ได้ ก็จะอ่านคำพิพากษาลับหลัง ในวันที่ 17 มิ.ย.นั้น
ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เหตุคดีนี้เกิดจากฝ่ายผู้ตายจอดรถยนต์ขวางทางรถยนต์ของจำเลยจนเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย อันเป็นความผิดของฝ่ายผู้ตายด้วยส่วนหนึ่ง การรอการลงโทษให้แก่จำเลยน่าจะเป็นประโยชน์แก่จำเลยและสังคมส่วนรวมมากกว่าการลงโทษจำคุกไปเสียทีเดียว
พิพากษาแก้เป็นว่า ฐานฆ่าผู้อื่นโดยป้องกันเกินสมควรแก่เหตุจำคุก 5 ปี ลดโทษให้หนึ่งสาม คงจำคุก 3 ปี 4 เดือน เมื่อรวมกับโทษในความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ แล้ว รวมจำคุก 3 ปี 4 เดือน และปรับ 2 พันบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 3 ปี คุมความประพฤติ 2 ปี รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ให้จำเลยไปเข้ารับการฝึกอบรมที่เกี่ยวกับการระงับควบคุมอารมณ์ที่เกิดจากการใช้รถใช้ถนนและให้ทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์มีกำหนด 30 ชั่งโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวานนี้ เป็นการอ่านคำพิพากษาฎีกาลับหลังจำเลย เนื่องจากนายสุเทพไม่มาฟังฎีกา ตั้งแต่นัดฟังฎีกาครั้งแรก