มี-ไม่มี...ขาด-ไม่ขาด...เลื่อน-ไม่เลื่อน!!! สำหรับการ “ฉีดวัคซีน” บ้านเรา ที่ใครต่อใครต้องหยิบเอาไปพูดจาว่ากล่าว ด่าว่าด่าทอ ไม่ก็บ่นงึมๆ งัมๆ ชนิดไม่ขาดปาก แต่การมีโอกาสได้เว้นระยะห่าง ได้นั่งลุ้น นอนลุ้น อภิมหาโคตะระบอลระดับโลกถึง 2 รายการด้วยกัน คือทั้ง “ยูโร 2020” และ “โคปา-อเมริกา” ที่ต่างเลื่อนแข่งจากปีที่แล้ว มาเป็นช่วงนี้ด้วยกันทั้งคู่ อย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้ “อยู่ๆ กันไป” ได้มั่ง นั่นแหละทั่น...
ด้วยเหตุนี้...เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ หรืออาจถือเป็นการ “รำลึกบุญคุณ” ของบรรดานักบอลทั้งหลาย ที่ช่วยให้เกิดความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ซู๊ดๆ ซ๊าดๆ ระหว่างที่ใครต่อใครกำลังหงุดหงิด งุ่นง่านกับรัฐบาล หรือกับผู้หนึ่ง ผู้ใด ก็แล้วแต่ วันนี้...เลยคงต้องขออนุญาตเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนลีลา ไปว่ากันถึงเรื่องบอลยูโรฯ บอลโคปาฯ ที่น่าจะมีอะไรพอให้หยิบมาพูดถึง กล่าวถึง อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน โดยเฉพาะการชิงแชมป์ฟุตบอลละตินอเมริกา หรือ “โคปา-อเมริกา” นั่นแหละ ที่คงต้องเน้นเป็นพิเศษ เพราะถือเป็นการดวลตีน ดวลแข้ง เป็นการ “เตะในดงโควิด” กันโดยเฉพาะ หรือในประเทศแซมบ้าบราซิล ที่ถือเป็นประเทศซึ่งสร้างตัวเลขสถิติผู้ติดเชื้อ ผู้ตาย อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด เป็นอันดับ 2 ของโลกเอาเลยถึงขั้นนั้น ต่างไปจาก “ยูโร 2020” ที่หันมา “กระจายความเสี่ยง” เปิดโอกาสให้เตะกันใน 11 สนาม 11 ชาติ โดยใครจะติด-ไม่ติด ตาย-ไม่ตาย คงต้องไป “เสี่ยงดวง” กันเอาเอง...
คือด้วยเหตุเพราะ “ลูกบ้า” ของผู้นำประเทศ อย่างประธานาธิบดี “ฌาอีร์ โบลโซนารู” (Jair Bolsonaro) นั่นเอง ที่ทำให้บราซิลรับอาสาโดดมาเป็น “เจ้าภาพ” ฟุตบอล “โคปา-อเมริกา” คราวนี้ แทนที่โคลัมเบียและอาร์เจนตินาที่ต่างต้องเลิกรับบทเป็นเจ้าภาพ เพราะปัญหาการประท้วง หรือปัญหาโควิดโดยตรงก็แล้วแต่ แม้ว่าบรรดาชาวแซมบ้าจำนวนไม่น้อย หรือกว่าครึ่งประเทศเอาเลยก็ว่าได้ ถ้าว่ากันตาม “ผลโพล” ของสำนักวิจัย “XP/Ipespe” ที่ออกมาเผยผลสำรวจเอาไว้เมื่อช่วงสัปดาห์ที่แล้ว (11 มิ.ย.) โดยสรุปว่าบรรดาชาวบราซิลไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 หรือกว่า 64 เปอร์เซ็นต์ ต่างไม่เห็นควรด้วยกับการโดดมาเป็นเจ้าภาพแบบกะทันหันของประเทศบราซิลครั้งนี้ มีแค่ 29 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ที่บ้าพอๆ กับผู้นำประเทศ แม้กระทั่งบรรดา “สปอนเซอร์” ตัวหลักๆ อย่างเช่น Mastercard, Ambev หรือ Diageo ฯลฯ ก็ยังไม่คิดจะเอาด้วย ประกาศ “ถอนตัว” จากการสนับสนุนไปเป็นแถบๆ...
แต่ก็นั่นแหละ...ถึงแม้บรรดาชาวแซมบ้าส่วนใหญ่จะพยายามประท้วง ต่อต้าน คัดค้าน ชูป้ายหน้าสนามที่ใช้เป็นที่โม่แข้ง ดวลแข้งในแต่ละสนาม ประมาณว่า “เราไม่ต้องการถ้วยแชมป์-เราต้องการวัคซีน-โบลโซนารู...ออกไป!!!” อะไรทำนองนั้น หรือถึงขั้นยื่นเรื่อง ยื่นราว ให้ “ศาลสูงบราซิล” ช่วยวินิจฉัย ชี้ขาด แต่ศาลบราซิลที่เคยพิพากษาให้คู่แข่งทางการเมืองของประธานาธิบดีรายนี้ ติดคุกไปแล้วเป็นรายๆ ก็ได้ตัดสินใจฟันธงไปเมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา อนุมัติให้ประเทศบราซิลสามารถรับอาสาเป็นเจ้าภาพตามความกระเหี้ยนกระหือรือของรัฐบาลอย่างมิอาจปฏิเสธได้ การเตะ การดวลแข้ง ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 13 มิ.ย. ไปจนถึงวันที่ 10 ก.ค.เดือนหน้า ของทีมฟุตบอลอเมริกาใต้จำนวนถึง 10 ชาติ ไล่มาตั้งแต่ “กรุ๊ปเอ” อันประกอบไปด้วยบราซิล, โคลัมเบีย, เอกวาดอร์, เปรู และเวเนซุเอลา ไปจนถึง “กรุ๊ปบี” อันประกอบด้วย อาร์เจนตินา,โบลิเวีย, ชิลี, ปารากวัย และอุรุกวัย จึงระเบิดเถิดเทิงขึ้นมาในดินแดนแซมบ้า ส่งผลให้บรรดาคอบอล คอกีฬา ในประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา พลอยมีโอกาสได้ซู๊ดๆ ซ๊าดๆ ซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ไปด้วยประการละฉะนี้...
แต่ก็อย่างที่ว่าเอาไว้แล้วนั่นแหละ...ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ตาย อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิดในดินแดนแซมบ้านั้น มันออกจะน่าขนหัวลุก ขนคอตั้งอยู่พอสมควร คือติดเชื้อไปแล้วประมาณ 17.3 ล้านคน เด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงไปแล้วประมาณ 486,000 ตามตัวเลขเมื่อช่วงวันอาทิตย์ (13 มิ.ย.) ที่ผ่านมา หรือในจำนวนประชากรชาวแซมบ้าประมาณ 200 กว่าล้านคนนั้น ในทุกๆ 100,000 คน จะต้องประกอบไปด้วย “ผู้ติดเชื้อ” ไม่น้อยกว่า 8,000 คนเป็นอย่างน้อย นี่...ต้องเรียกว่าออกจะสยองขวัญสั่นประสาทมิใช่น้อย แม้พยายามแยกย้ายกระจายกันเตะในสนามประมาณ 4-5 สนาม ในเมืองต่างๆ เช่นใน Rio de Janeiro ในเมือง Brasilia, Cuiaba หรือ Goiania แต่บรรดาเมืองแต่ละเมืองเหล่านี้ ล้วนแต่กำลังออกอาการ “ศุกร์ 13 ฝันหวาน” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ใน Rio de Janeiro ไม่ว่างานฉลอง งานคอนเสิร์ต หรืองานใดๆ ที่ทำให้ผู้คนต้องเข้าไปรวมกลุ่มกันเยอะๆ ต่างต้องถูกสั่งห้ามไปด้วยกันทั้งนั้น แม้แต่บาร์ ไนต์คลับ ก็ต้องถูกสั่งปิดไปเป็นรายๆ...
ในเมือง Cuiaba ยังคงต้องประกาศ “เคอร์ฟิว” ห้ามใครต่อใครออกนอกบ้านตั้งแต่ตีหนึ่งไปยันถึงตีห้า ส่วนในเมือง Goiania ไม่ว่าร้านค้า ภัตตาคาร ร้านขายอาหารว่าง อาหารหลัก ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ต่างถูกกำหนดเวลาให้ขายตอนไหน-ไม่ให้ขายตอนไหน ดังนั้น...แม้ว่าแต่ละสนามจะห้ามไม่ให้ผู้ชม กองเชียร์ เข้าไปโผล่หน้า-โผล่ตาเข้าไปแม้แต่รายเดียว แต่เพียงแค่การเปิดโอกาสให้บรรดานักฟุตบอลทีมงานและบรรดาเจ้าหน้าที่ของแต่ละชาติ แห่เข้าไปในประเทศบราซิลตามกำหนดการ ก็เรียกว่าต้อง “เสี่ยงมาก-เสี่ยงน้อย” กันไปตามลำดับ โดยเฉพาะเมื่อสนามบินแต่ละแห่งในแต่ละเมืองที่เปิดรับให้บรรดาเจ้าหน้าที่และนักกีฬาของแต่ละชาติเดินทางไปแข่ง ต่างยกเลิกกฎระเบียบที่อาจก่อให้เกิดความล่าช้าในการผ่านด่านไปเป็นแถบๆ ไม่ว่าการสวมหน้ากาก การล้างมือ-ล้างไม้ การตรวจวัดอุณหภูมิ ฯลฯ หันไปรวบหัว-รวบหางตรวจเช็กช่วงก่อนลงแข่ง ลงสนามกันแทนที่ แต่ถึงกระนั้นก็ตาม...ผลปรากฏว่านักบอลเวเนซุเอลา ที่จะต้องลงเตะนัดแรกกับเจ้าภาพบราซิล ดัน “ติดเชื้อ” รวดเดียวถึง 8 คน นักเตะโบลิเวียอีก 3 คน รวม 11 คนที่ต้องถูกส่งตัวกลับบ้านแบบฉับพลัน-ทันที...
ส่วนที่เหลือๆ...จะมีโอกาสติดเชื้อ-ไม่ติดเชื้อ หรือไม่ อย่างไร ก็ยากที่จะสรุปได้ชัดเจน อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ “ซุป’ตาร์” หรือนักเตะระดับเทพ ระดับมนุษย์ต่างดาว อย่าง “ลีโอเนล เมซซี” แห่งทีมฟ้า-ขาวอาร์เจนตินา อดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึก “แหยงๆ” อยู่พอสมควร ดังคำให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวประมาณว่า... “สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดในบราซิล ทำให้เราต่างรู้สึกถึง...ความเสี่ยง...ไปด้วยกันทุกคน แม้ว่าเราจะพยายามดูแลตัวเอง ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาบอกให้เราทำ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเราต้องลงแข่งกับทีมชาติอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าพวกเขาจะให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้ถึงขั้นไหน แม้เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราเท่านั้น” พูดง่ายๆ ว่า...ไม่ใช่แค่คิดจะเอาแพ้-เอาชนะกันในเกมกีฬาเท่านั้น ยังต้องเผื่อใจ ทำใจ เอาไว้สำหรับการแพ้-การชนะ ต่อท่านเชื้อโควิด-19 ควบคู่ไปด้วย โดยความรู้สึกเช่นนี้ ก็ไม่ได้มีแต่เฉพาะทีมชาติอาร์เจนตินาเท่านั้น แม้แต่นักเตะชาติเจ้าภาพอย่างบราซิล ก็น่าจะรู้สึกไม่น้อยไปกว่ากัน ถ้าฟังจากสุ้มเสียง หรือข้อความ ที่ได้โพสต์โน่น โพสต์นี่ ไว้ในเฟซบุ๊ก หรือทวิตเตอร์ ทั้งหลาย...
อย่างไรก็ตาม...ด้วยเหตุเพราะ “ความพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” หรือเพราะ “ความฝันอันสูงสุด” (Biggest Dream) ในอันที่จะคว้าแชมป์โคปา-อเมริกาให้จงได้ ของนักเตะอย่าง “ลีโอเนล เมซซี” นั่นเอง บรรดาคอบอล คอกีฬา ในบ้านเราที่ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไป “เสี่ยง” อะไรต่อมิอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย เลยพอมีโอกาสได้ผ่อนคลายความหงุดหงิด งุ่นง่าน จากการถูกเลื่อน ถูกฉีดวัคซีน หันไปซู๊ดๆ ซ๊าดๆ ซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ชนิดสนั่นหวั่นไหว โดยเฉพาะการไล่เตะ ไล่ถีบ ในนัดแรก ระหว่างทีมอาร์เจนตินากับทีมชาติชิลี ที่ต่างถือเป็นสุดยอดฝีเท้า ฝีตีนไปด้วยกันทั้งคู่ อันนี้นี่เอง...เลยคงต้องถือเป็นพระคุณอย่างยิ่ง เพราะแม้จะต้องนั่งรอ นอนรอวัคซีนไปอีกสักพัก อันเนื่องมาจาก “ความห่วยแตก” ของใครต่อใครก็แล้วแต่ แต่คงไม่ถึงกับ “จะเป็น-จะตาย” อะไรกันมากมาย ต่างไปจากบรรดานักบอล หรือนักเตะทั้งหลาย ไม่ว่าโซนยุโรป หรือโซนละตินอเมริกา ไม่ว่า “ยูโร-2020” หรือ “โคปา-อเมริกา 2020” ก็แล้วแต่ ที่มีแต่ต้อง “เสี่ยงแล้ว-เสี่ยงอีก” ไม่ว่า “เพื่อชาติ” หรือเพื่ออะไรก็ตามที เพราะโอกาสเป็น-โอกาสตายหลังจากนี้ น่าจะสูงกว่าบรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...