"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"
หลังจากปล่อยให้จีน เล่นบทผู้นำโลก ในการต่อสู้กับวิกฤตไวรัสโควิด-19 แจกวัคซีนให้กับประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา แต่เพียงผู้เดียวมาเกือบปี โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ใช้โอกาสที่เดินทางไปร่วมประชุมผู้นำกลุ่มจี 7 และพันธมิตรนาโต้ที่อังกฤษ เปิดเกมการทูตวัคซีนบ้าง
ตามแผนกลยุทธ์กระจายวัคซีนระดับโลกของทำเนียบขาว รัฐบาลสหรัฐฯ จะซื้อวัคซีนไฟเซอร์ในราคาต้นทุน 500 ล้านโดส บริจาคให้กับประเทศต่างๆ ทั่วโลก 100 ประเทศ ผ่านโครงการโคแวกซ์ โดยแบ่งเป็น 200 ล้านโดสภายในปีนี้ และอีก 300 ล้านโดสกลางปีหน้า
นับเป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่สหรัฐอเมริกา ประกาศว่า จะแจกวัคซีนต้านโควิดให้กับประเทศยากจน ประเทศกำลังพัฒนาที่เข้าไม่ถึงวัคซีนครั้งแรกเมื่อกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ในการประชุมกลุ่ม QUAD ซึ่งประกอบด้วย สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น และอินเดีย สหรัฐฯ บอกว่า จะให้เงินโรงงานวัคซีนของอินเดีย ผลิตวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์สัน 1,000 ล้านโดส แจกให้กับประเทศอาเซียนภายในปี 2022 โดยญี่ปุ่น กับออสเตรเลีย จะออกค่าใช้จ่ายและให้ความช่วยเหลือการส่งกระจายวัคซีน
หลังจากนั้นไม่นาน ทำเนียบขาวประกาศว่า สหรัฐฯ จะมอบวัคซีนต้านโควิด 80 ล้านโดส ให้กับประเทศที่ขาดแคลน ส่วนใหญ่เป็นวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งสหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุน 1,200 ล้านโดส ในการวิจัย และผลิต แต่เมื่อได้รับมอบมาแล้ว ไม่ได้ใช้ เพราะยังอยู่ระหว่างการพิจารณารับรองของเอฟดีเอ อีกทั้งสหรัฐฯ มีวัคซีนไฟเซอร์ โมเดอร์นาเหลือเฟือ จึงจะบริจาควัคซีนเหล่านี้ให้กับประเทศอื่นๆ โดยมีกำหนดจะให้ผ่าน โคแวกซ์ก่อน 25 ล้านโดส และอีก 7 ล้านโดสซึ่งเป็นวัควีนไฟเซอร์จะให้กับ 7 ประเทศ รวมทั้งไทยด้วย แต่ยังไม่มีกำหนดส่งมอบที่แน่นอน
วัคซีนที่สหรัฐฯ จะบริจาค จึงยังคงเป็นวัคซีนทิพย์ ไม่รู้ว่า จะมีจริงหรือไม่
ตรงข้ามกับจีน ที่ตั้งแต่ต้นปีนี้ได้บริจาควัคซีนทั้งซิโนแวค และซิโนฟาร์มให้กับประเทศในเอเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา หมู่เกาะแคริบเบียนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้ง ประเทศไทย ซึ่งได้รับวัคซีนซิโนแวคฟรี 1 ล้านโดส
จีนซึ่งประกาศตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้วว่า จะผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด เป็นสินค้าสาธารณะของโลก และสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ตอกย้ำอีกครั้งหนึ่ง ในที่ประชุม Boao Forum for Asia เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ว่า จีนจะดำเนินการตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ว่า จะทำให้วัคซีนเป็นสินค้าสาธารณะสำหรับประเทศทั่วโลก
จีนไม่ได้พูดเฉยๆ แต่ทำจริง โดยบริจาควัคซีนซิโนฟาร์ม และซิโนแวคที่จีนผลิตได้เองให้กับประเทศในแอฟริกา ละตินอเมริกา ประเทศอาเซียนเพื่อนบ้านของไทย รวมทั้งประเทศไทยด้วย
จนถึงปัจจุบันจีนบริจาควัคซีนไปแล้ว 17.4 ล้านโดส เทียบไม่ได้กับจำนวนวัคซีน 500 ล้านโดสที่ไบเดนสัญญาว่าจะให้ แต่นั่นคือวัคซีนที่จีนส่งมอบไปแล้วจริงๆ ในขณะที่วัคซีนที่สหรัฐฯ บอกว่าจะให้ ยังเป็นแค่ลมปากเท่านั้น
แน่นอนว่า จีนใช้การทูตวัคซีนเป็นกลยุทธ์ในยามวิกฤต แสดงความเป็นผู้นำโลก และวัคซีนที่แจกให้กับประเทศต่างๆ นั้น มีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับวัคซีนที่ขายให้ประเทศเหล่านั้น แต่ในเมื่อประเทศส่วนใหญ่ในโลกนี้เข้าไม่ถึงวัคซีนเลย ไม่ใช่เพราะวัคซีนขาดแคลน แต่เพราะถูกประเทศตะวันตกกว้านซื้อกักตุนไปจนหมด ถึงแม้จะซื้อก็ไม่มีขาย วัคซีนจีน ทั้งที่ให้ฟรี และที่ขายให้ คือ ทางเดียวที่จะช่วยรักษาชีวิตพลเมืองของตนเองได้
สหรัฐฯ และชาติตะวันตกอื่นๆ ที่ชอบเอาค่านิยมของตนในเรื่องความเท่าเทียม เสมอภาค ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชนไปยัดเยียดให้ประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ยึดถือปฏิบัติตาม ก็มีขีดความสามารถ และมีโอกาสที่จะทำแบบเดียวกับจีน แต่ไม่สนใจ จนกระทั่งองค์การสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก ต้องเรียกร้องให้แบ่งปันวัคซีนที่เก็บกักไว้เกินความต้องการใช้ในตอนนี้ ไปให้ประเทศที่ขาดแคลนบ้าง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จึงลุกขึ้นมาเรียกร้องพวกเดียวกันเองให้กระจายวัคซีนไปให้ประเทศที่เข้าไม่ถึงวัคซีนบ้าง แต่ก็ยังเป็นเพียงลมปากเท่านั้น ยังไม่มีความชัดเจนแน่นอนว่า วัคซีนที่จะให้นั้น จะให้เมื่อไร ต่างกับจีนที่ลงมือทำตามที่ตัวเองประกาศไว้