ผู้จัดการรายวัน360-“สมศักดิ์”แถลงชี้แจงคดีส่งออกยาเสพติดไปต่างประเทศ เผยผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ แล้วใช้ไทยเป็นทางผ่าน ยันจับกุมในประเทศได้มากกว่าหลุดไปเมืองนอก แต่พอหลุดไปแล้ว ราคาพุ่งกว่าเดิม 10 เท่า ทำให้มูลค่าสูง ย้ำเดินหน้าปราบต่อ แม้กฎหมายที่เป็นเครื่องมือสำคัญ ยังไม่คลอด พร้อมนัดหารือ 6 ชาติลุ่มน้ำโขงอีกครั้ง
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีการลักลอบส่งออกยาเสพติดออกไปต่างประเทศ โดยพบว่ามีแหล่งที่มาจากประเทศไทย ว่า จากการตรวจสอบพบยาเสพติดมาจากแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ส่งเข้ามาไทยผ่านทางชายแดน และลักลอบนำส่งลงเรือที่ท่าเรือในประเทศไทย และมีบางส่วนส่งจากประเทศเพื่อนบ้านไปยังประเทศที่ 3 ส่วนสาเหตุที่ใช้ไทยเป็นทางผ่าน เพราะไทยตั้งอยู่ใกล้แหล่งผลิต มีการคมนาคมขนส่งสะดวกและรวดเร็ว มีท่าเรือสากลที่มีขนาดใหญ่ และมีจำนวนตู้สินค้าผ่านท่าเรือจำนวนมาก
ทั้งนี้ ยาเสพติดส่วนใหญ่ที่มีการส่งออก เป็นไอซ์และเฮโรอีน พบว่า มีการส่งผ่านไทยทั้งหมดรวม 19 ประเทศ เช่น เกาหลีใต้ 22 คดี ออสเตรเลีย 20 คดี อิสราเอล 14 คดี นิวซีแลนด์ 11 คดี และสิงคโปร์ 10 คดี เป็นต้น
สำหรับการป้องกันให้เหลือศูนย์ ทำได้ยาก เพราะเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีการเชิญ 6 ประเทศในกลุ่มลุ่มน้ำโขง มาหารือแนวทางกันอีกครั้ง และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมา มีการจับกุมยาเสพติดก่อนที่จะทำการส่งออกได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีหลุดออกไปและจับได้ในต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า แต่มีมูลค่าสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า ทำให้ข่าวการจับกุมในต่างประเทศมีมูลค่าสูง
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือที่สำคัญอย่างกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งหากมีผลบังคับใช้ จะทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ แม้ไม่มีกฎหมายใหม่ ก็ยังทำงานได้มีประสิทธิภาพ และได้เน้นไปที่การยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ทำได้แล้วกว่า 4,500 ล้านบาทแล้ว หากต่อไป มีทุกอย่างครบ เชื่อว่าจะทำงานได้ดีกว่านี้
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ผ่านมา ป.ป.ส. ได้มีการจับกุมการนำเข้ายาเสพติดได้มากกว่าการส่งออก เพราะทุกคดีมีผู้รอรับในประเทศ แตกต่างกับการลักลอบส่งออก โดยผู้ส่งจะอำพรางใช้การส่งผ่านหลายบริษัท และใช้ผู้อื่นดำเนินการแทน ทำให้ตรวจสอบได้ยาก และยังมีการปรับรูปแบบการลักลอบ จากเดิมซุกซ่อนในร่ายกาย การกลืน พันรอบตัว ซ่อนในกระเป๋าเดินทาง มาเป็นการส่งพัสดุระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังพบว่า การติดต่อสื่อสารของกลุ่มผู้ลักลอบส่งยาเสพติด จะใช้วิธีการสั่งการทางแอปพลิเคชันไลน์ หรือเฟซบุ๊ก แต่ใช้บัญชีปลอม ยืนยันตัวตนไม่ได้ จึงต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วย และในเรื่องการจ่ายเงิน ปัจจุบันหันมาใช้วิธีฝากเงินสดผ่านตู้รับฝาก แทนการโอนเงิน โดยว่าจ้างบุคคลไปดำเนินการ ส่วนผลการจับกุมคดียาเสพติด ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน จับไอซ์ 60,818 กิโลกรัม (กก.) เฮโรอีน 4,298 กก. และยาบ้า 1,182,910,461 เม็ด
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีการลักลอบส่งออกยาเสพติดออกไปต่างประเทศ โดยพบว่ามีแหล่งที่มาจากประเทศไทย ว่า จากการตรวจสอบพบยาเสพติดมาจากแหล่งผลิตในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ส่งเข้ามาไทยผ่านทางชายแดน และลักลอบนำส่งลงเรือที่ท่าเรือในประเทศไทย และมีบางส่วนส่งจากประเทศเพื่อนบ้านไปยังประเทศที่ 3 ส่วนสาเหตุที่ใช้ไทยเป็นทางผ่าน เพราะไทยตั้งอยู่ใกล้แหล่งผลิต มีการคมนาคมขนส่งสะดวกและรวดเร็ว มีท่าเรือสากลที่มีขนาดใหญ่ และมีจำนวนตู้สินค้าผ่านท่าเรือจำนวนมาก
ทั้งนี้ ยาเสพติดส่วนใหญ่ที่มีการส่งออก เป็นไอซ์และเฮโรอีน พบว่า มีการส่งผ่านไทยทั้งหมดรวม 19 ประเทศ เช่น เกาหลีใต้ 22 คดี ออสเตรเลีย 20 คดี อิสราเอล 14 คดี นิวซีแลนด์ 11 คดี และสิงคโปร์ 10 คดี เป็นต้น
สำหรับการป้องกันให้เหลือศูนย์ ทำได้ยาก เพราะเกี่ยวข้องกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะมีการเชิญ 6 ประเทศในกลุ่มลุ่มน้ำโขง มาหารือแนวทางกันอีกครั้ง และขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า จะทำงานอย่างเต็มที่ โดยที่ผ่านมา มีการจับกุมยาเสพติดก่อนที่จะทำการส่งออกได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็มีหลุดออกไปและจับได้ในต่างประเทศ ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่า แต่มีมูลค่าสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า ทำให้ข่าวการจับกุมในต่างประเทศมีมูลค่าสูง
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องมือที่สำคัญอย่างกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ที่อยู่ระหว่างรอการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งหากมีผลบังคับใช้ จะทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ดีขึ้น ซึ่งขณะนี้ แม้ไม่มีกฎหมายใหม่ ก็ยังทำงานได้มีประสิทธิภาพ และได้เน้นไปที่การยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ทำได้แล้วกว่า 4,500 ล้านบาทแล้ว หากต่อไป มีทุกอย่างครบ เชื่อว่าจะทำงานได้ดีกว่านี้
นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ผ่านมา ป.ป.ส. ได้มีการจับกุมการนำเข้ายาเสพติดได้มากกว่าการส่งออก เพราะทุกคดีมีผู้รอรับในประเทศ แตกต่างกับการลักลอบส่งออก โดยผู้ส่งจะอำพรางใช้การส่งผ่านหลายบริษัท และใช้ผู้อื่นดำเนินการแทน ทำให้ตรวจสอบได้ยาก และยังมีการปรับรูปแบบการลักลอบ จากเดิมซุกซ่อนในร่ายกาย การกลืน พันรอบตัว ซ่อนในกระเป๋าเดินทาง มาเป็นการส่งพัสดุระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังพบว่า การติดต่อสื่อสารของกลุ่มผู้ลักลอบส่งยาเสพติด จะใช้วิธีการสั่งการทางแอปพลิเคชันไลน์ หรือเฟซบุ๊ก แต่ใช้บัญชีปลอม ยืนยันตัวตนไม่ได้ จึงต้องมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วย และในเรื่องการจ่ายเงิน ปัจจุบันหันมาใช้วิธีฝากเงินสดผ่านตู้รับฝาก แทนการโอนเงิน โดยว่าจ้างบุคคลไปดำเนินการ ส่วนผลการจับกุมคดียาเสพติด ตั้งแต่ปี 2562 ถึงปัจจุบัน จับไอซ์ 60,818 กิโลกรัม (กก.) เฮโรอีน 4,298 กก. และยาบ้า 1,182,910,461 เม็ด