วอนทูตพาณิชย์ ช่วยไทยหายจน

ณรงค์ ย้อนใจทัน
นักวิชาการเกษตร ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี

ภาพผู้คนเหยื่อโควิด-19 ต่อคิวรับกล่องอาหารจากธารน้ำใจต่างๆ ชวนให้กังวลกับชะตากรรมของประเทศ แต่ก็ใจชื้นขึ้นเมื่อนึกถึงวีรกรรมของกระทรวงเกษตร ที่ออกแรงช่วยชาติได้ดีจนมีเครื่องบินจีน บินมาขน(ซื้อ)ทุเรียนไปเต็มลำ 20 ตัน

และก็ยิ่งชื่นใจที่เห็นข่าว รัฐมนตรีพาณิชย์ สั่งการให้ทูตพาณิชย์ของไทย ทำหน้าที่คล้ายเซลส์แมน ช่วยหาตลาดให้ไทยส่งออกสินค้าไปทั่วโลก ถึงขั้นกำหนดดัชนีชี้วัดเลยว่า การส่งออกในประเทศนั้นๆ ดีขึ้นหรือไม่ ในยุคทูตพาณิชย์คนนี้ ใครไม่มีผลงาน ให้ส่งกลับโดยไม่ต้องรอให้หมดสมัย

ขอให้ คำสั่งนี้ ศักดิ์สิทธิ์ จับต้องได้จริง ๆ เถอะครับ พวกเราเชื่อมือท่านและจะคอยติดตามดูผลงาน

คนไทย จะได้หายจนเสียที เพราะแผ่นดินไทย เป็นแผ่นดินทอง และ ไทยเป็นครัวโลก

ชนชาติใดในโลก ต้องการบริโภคอะไร ไทยเราปลูกไปขายให้ได้ทุกอย่าง

นับตั้งแต่รัชสมัย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงนำเมล็ดและพันธุ์พืชจากต่างประเทศเข้ามาให้เกษตรกรไทยปลูก เป็นผลผลิตของโครงการหลวง นำปลาเรนโบวเทราต์ มาให้กรมประมงทดลองเพาะเลี้ยงที่ดอยอินทนนท์เมื่อ กว่า 40 ปีก่อน ตอนนี้คนไทยได้กินปลาเทราต์กันแล้ว แม้ว่าราคาจะยังแพง และ คนไทยเริ่มต้องกินอยู่ประหยัดเพราะโควิด-19

ในวิกฤตโควิด กำลังซื้อในประเทศอาจลดลง แต่ตลาดนอกประเทศยังมีมากมาย เช่น ตลาดไก่ยูริคต่ำ ไขมันต่ำ ก่อนเคยขายเข้าภัตตาคาร พอโควิดมา ยอดขายตกวูบ ทำไมเราไม่มองไปที่ตลาดซึ่งบริโภคไก่เป็นอาหารหลัก และมีกำลังซื้อสูง

เกษตรกรข้าวอินทรีย์ส่งออกไปอเมริกา ปลูกถั่วเขียวเพื่อปรับปรุงดิน ส่งไปอเมริกาเท่าไรไม่พอขาย แต่ ชาวไร่สุพรรณบุรีที่เคย ปลูกถั่วเขียวแล้วต้องไถกลบ เพราะล้นตลาดโรงงานวุ้นเส้น ก็ยังอยากให้ปลูก ถั่วเขียวอีกเพราะใช้เวลา 3 เดือนแค่นั้น แต่ปลูกแล้วทำอย่างไรจะส่งไปขายอเมริกาได้

เรื่องราว ทุกข์ สุข ของเกษตรกรทั้งประเทศ ต้องการความช่วยเหลือจากท่านรัฐมนตรีพาณิชย์

กรุณา บอกมาเลยว่า ฝรั่ง แขก จีน เขาอยากกินอะไร (นอกจากทุเรียนซึ่งเป็นพืชที่มีข้อจำกัดทางฤดูกาล) ดินฟ้าอากาศ บ้านเรา ปลูกได้ทุกอย่าง

เกษตรกรก็ขยันขันแข็ง ขอเพียงบอกมาว่าควรปลูกอะไร ข้อสำคัญ ปลูกแล้วเอาไปขายใคร....นี่คือสิ่งที่ท่านทูตพาณิชย์ต้องช่วยชาติ

พืชไร่บางอย่าง มีคุณค่าทางสุขภาพ มากกว่าเป็นแค่พืชให้ความหวาน เช่น อ้อยคั้นน้ำพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ซึ่งศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ได้ปรับปรุงพันธุ์อ้อยคั้นน้ำสำเร็จและขอรับรองพันธุ์เมื่อปี 2539 ในมหาวาระที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี

น้ำอ้อยพันธุ์นี้มีคุณค่าทางอาหารของน้ำอ้อยสดจากอ้อยคั้นน้ำพันธุ์สุพรรณบุรี 50 ดังนี้
• ไนโตรเจน0.00289 %
• ฟอสฟอรัส225.2 ppm
• โพแทสเซียม2,687.5 ppm
• แมงกานีส20.5 ppm
• เหล็ก2.5 ppm
• ทองแดง0.25 ppm
• สังกะสี1.22 ppm

นอกจากคุณค่าสารอาหารแล้ว ยังมีรายงานประโยชน์ของน้ำอ้อยต่อร่างกายคือ ทำให้เกิดกำลังและเจริญอาหาร ขับปัสสาวะให้เฟื่องดี แก้กำเดาและลม แก้ไข้สำปะชวร ในอดีตใช้น้ำอ้อยในการผสมยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคต่างๆ จากการตรวจสอบเบื้องต้นของผู้เขียนพบว่า มีฟลาโวนอย์ซึ่งเป็นสารต้านมะเร็ง มีแคลเซียมสูงเหมาะกับทั้งแม่ และ เด็ก และมีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ผู้ป่วยเบาหวานบริโภคได้

อ้อยพันธุ์นี้สามารถปลูกได้ทั่วประเทศ จังหวัดที่ปลูกอ้อยพันธุ์นี้เป็นจำนวนมาก ได้แก่ พะเยา เชียงใหม่ เชียงราย พิษณุโลก สุโขทัย กำแพงเพชร นครสวรรค์ ชัยนาท สุพรรณบุรี ราชบุรี ขอนแก่น มหาสารคาม อุบลราชธานี เพชรบุรี พัทลุง สงขลา เป็นต้น โดยเกษตรกรที่ปลูกอ้อยพันธุ์นี้ ยืนยันว่าใช้เวลา 8 เดือนก็เก็บเกี่ยวได้

ถ้ามีหลักฐานการรับรองทางโภชนาการเกี่ยวกับคุณค่าทางสุขภาพที่พบในน้ำอ้อยสุพรรณบุรี 50 มีตลาดทั้งไทยและต่างประเทศรออยู่แล้ว

จะเป็นข่าวดีสักแค่ไหน!! เพราะโลกใบนี้ไม่มีคนชาติไหน ไม่กลัวมะเร็ง แม่ และ เด็ก ก็มีทุกชาติในโลก ผู้ป่วยเบาหวานเฉพาะคนไทยก็หลายล้าน ยังตลาดที่ตะวันออกกลางซึ่งมีกำลังซื้อสูงและมีปัญหาน้ำตาลสูง

วิสาหกิจชุมชนน้ำอ้อยคั้นสดสุพรรณบุรี 50 เจรจากับบริษัทเอกชนที่สนใจจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ และมีตลาดต่างประเทศรอซื้อ

พอสอบถามไปทางหน่วยราชการสังกัดมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ความว่าถ้าจะทำการวิจัยในคุณค่าต่อสุขภาพ เบื้องต้นมีค่าใช้จ่ายในการตรวจ 300,000 บาท รวม 3 กลุ่มเป้าหมายที่จะเป็นผู้บริโภคก็เกือบ ๆ ล้านบาท ฟังแล้วหมดหวัง สลดหดหู่เหมือนต้นไมยราบโดนรุมเหยียบย่ำโดยเท้านับสิบคู่

พยายาม คิด (ให้ขำๆว่า) ถ้ามีแนวโน้มที่ผลจะออกมาเป็นบวก คือมีคุณค่าทางสุขภาพใน 3 กลุ่มเป้าหมาย ผมจะยุให้วิสาหกิจชุมชน โพสต์ ขอระดมทุนทางเน็ต(เหมือนที่มีนักเรียนประกาศขอทุนเรียนต่อ) จะดีไหมนะ...

คนไทยใจบุญจะได้ร่วมกันทำคุณกับประเทศชาติ แปรรูปอ้อยไทยไปขายทั่วโลก ชาวไร่อ้อยจะได้หายจนกันเสียที