ผู้จัดการรายวัน360- บอร์ดORไฟเขียวต่อสัญญาร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ในปั๊มน้ำมันต่ออีก10ปี สอดคล้องแผนการดำเนินธุรกิจ
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ OR ครั้งที่ 5/2564 ได้มีมติอนุมัติการต่อสัญญาหลักความร่วมมือการดำเนินธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมันเครือข่ายของ OR กับ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) เพื่อดำเนินการร้านค้า 7-Eleven (ในประเทศไทย) โดยครั้งนี้เป็นการต่ออายุสัญญาจากสัญญาเดิมอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อให้การดำเนินงานในส่วนของธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมันเครือข่ายของ OR มีความต่อเนื่อง และสอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ทั้งนี้ ORเน้นการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(นอนออยล์)และต่างประเทศ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง โดยมองหาโอกาสในการสร้างแบรนด์ร้านอาหารเองและซื้อสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ รวมถึงดึงพันธมิตรร้านค้าอื่นเข้าในปั๊ม จากปัจจุบันORมีแบรนด์ที่บริหารเองคือ ร้านไก่ทอด “เท็กซัส ชิคเก้น” แบรนด์ร้านฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ และแบรนด์ที่บริษัทเป็นเจ้าของ ได้แก่ ร้านชาเพิร์ลลี่ ที และร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดร้าน7-Elevenในปั๊มน้ำมัน
สำหรับผลการดำเนินการในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 OR มีกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,079 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) หรือเพิ่มขึ้น 2,106 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 (YoY) เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของผลิตภัณฑ์น้ำมัน
ขณะที่รายได้ขายและบริการอยู่ที่ 118,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,964 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.2% จากไตรมาสก่อน โดยหลักจากรายได้เฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจนอนออยล์ปรับตัวลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคลดลง
นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ ผู้จัดการใหญ่บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ OR ครั้งที่ 5/2564 ได้มีมติอนุมัติการต่อสัญญาหลักความร่วมมือการดำเนินธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อในสถานีบริการน้ำมันเครือข่ายของ OR กับ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL) เพื่อดำเนินการร้านค้า 7-Eleven (ในประเทศไทย) โดยครั้งนี้เป็นการต่ออายุสัญญาจากสัญญาเดิมอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี เพื่อให้การดำเนินงานในส่วนของธุรกิจร้านค้าสะดวกซื้อ 7-Eleven ในสถานีบริการน้ำมันเครือข่ายของ OR มีความต่อเนื่อง และสอดคล้องกับแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท
ทั้งนี้ ORเน้นการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน(นอนออยล์)และต่างประเทศ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นสูง โดยมองหาโอกาสในการสร้างแบรนด์ร้านอาหารเองและซื้อสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์ รวมถึงดึงพันธมิตรร้านค้าอื่นเข้าในปั๊ม จากปัจจุบันORมีแบรนด์ที่บริหารเองคือ ร้านไก่ทอด “เท็กซัส ชิคเก้น” แบรนด์ร้านฮั่วเซ่งฮงติ่มซำ และแบรนด์ที่บริษัทเป็นเจ้าของ ได้แก่ ร้านชาเพิร์ลลี่ ที และร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ รวมถึงการจับมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดร้าน7-Elevenในปั๊มน้ำมัน
สำหรับผลการดำเนินการในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 OR มีกำไรสุทธิ 4,002 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,079 ล้านบาท หรือคิดเป็น 36.9% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) หรือเพิ่มขึ้น 2,106 ล้านบาท หรือมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2563 (YoY) เป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรของผลิตภัณฑ์น้ำมัน
ขณะที่รายได้ขายและบริการอยู่ที่ 118,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8,964 ล้านบาท หรือคิดเป็น 8.2% จากไตรมาสก่อน โดยหลักจากรายได้เฉลี่ยของกลุ่มธุรกิจน้ำมัน ซึ่งราคาขายเฉลี่ยของผลิตภัณฑ์น้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันในตลาดโลก ส่วนรายได้กลุ่มธุรกิจนอนออยล์ปรับตัวลดลงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ระลอกใหม่ ส่งผลให้อุปสงค์ของผู้บริโภคลดลง