xs
xsm
sm
md
lg

พม่า...กับฉากสถานการณ์ที่ไม่เคยมีมาก่อน!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท



วันนี้...น่าจะลองแวะกลับมาแถวๆ บ้านใกล้-เรือนเคียง หรือแถวๆ ประเทศพม่า เมียนมา กันอีกรอบ เพราะช่วงหลังๆ นี้ออกจะมีข่าวแปลกๆ ชนิดเล่นเอาแทบ “ผงะ” หรือมึนซ์ซ์ซ์ๆ งงง์ง์ง์ๆ กันไปมิใช่น้อย เช่นข่าวเผด็จการพม่าชักออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่านต่อบรรดาพวก “ครูๆ” ที่หันไปร่วมมือ-ร่วมใจกับการต่อต้านรัฐประหาร หรือร่วมกระบวนการ “อารยะขัดขืน” จนถึงกับต้อง “สั่งพักงาน” บรรดาครูเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 125,900 คนเอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

คือถ้าว่ากันตามข้อมูล สถิติ เมื่อสักปี-สองปีที่แล้ว จำนวนบุคลากรครูทั่วประเทศของเมียนมามีอยู่แค่ประมาณ 430,000 คนเท่านั้นเอง ถ้าลองสั่งพักงานกันไปเป็นแสนๆ แล้วระบบโรงเรียน ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานของเมียนมา...จะไปเหลืออะไร??? แม้แต่ระบบอุดมศึกษา มหาวิทยาลัย เห็นว่าเกิดการสั่งพักงานบุคลากรไปแล้วไม่ต่ำกว่า 19,500 คน โอกาสที่การรัฐประหารของพม่าคราวนี้ จะก่อให้เกิดความหวัง ความน่าเชื่อ น่าศรัทธา แบบประเภท... “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน...ฮึ๊มฮึม ฮึ๊มหึ่ม” แบบเผด็จการละมุนภัณฑ์ของบ้านเราเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ยังไงๆ...ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ ไม่จำเป็นต้องชักสะพานแหงนถ่อรอคอย ให้เมื่อยแข้ง เมื่อยขา และเมื่อยคอ ต่อไปอีกเลย...

แต่ไม่เฉพาะระบบการศึกษาเท่านั้น...หลังๆ นี้ เห็นว่า “ระบบธนาคาร” ของเมียนมา ยังออกอาการสั่นไหว แอ่นระแน้ อย่างเห็นได้ชัดเจน เรียกว่า...ถึงขั้นก่อให้เกิด “วิกฤตเงินสด” ภายในประเทศเอาเลยก็ว่าได้ คือผู้คนต้องไปเข้าคิว รอคอย ชนิดคิวยาวอีเหลนเป๋น เพื่อขอถอนเงินสดจากธนาคารนานกันเป็น 5-6 ชั่วโมง และอาจได้มั่ง-ไม่ได้มั่ง เพราะหลายต่อหลายธนาคารไม่เพียงปิดๆ-เปิดๆ ไปเป็นช่วงๆ เป็นระยะๆ ไม่ว่าโดยเหตุผล-ข้ออ้างว่าบรรดาพนักงานธนาคารแทบไม่เหลือติดที่ทำการ เนื่องจากต้องแห่ไปร่วมประท้วงเผด็จการพม่ากันไปเป็นช่วงๆ หรือเพราะระบบคอมพิวเตอร์ของธนาคารมีปัญหา แต่สำหรับบางธนาคาร อาจถึงขั้นไม่เหลือ “เงินสด” มากพอที่จะรับมือกับผู้ที่แห่เข้ามาถอน มามะรุมมะตุ้ม เอาเลยก็ไม่แน่ สภาพการไหลเวียนของระบบการเงิน ระบบเงินสด จึงชักกลายเป็น “ปัญหา” ระดับที่สำนักข่าวต่างประเทศ ต้องตามไปสัมภาษณ์อารมณ์-ความรู้สึกของบรรดาลูกค้าธนาคารกันไปเป็นรายๆ...

และนอกเหนือไปจาก “ระบบการศึกษา” “ระบบธนาคาร” ไปจนถึง “ระบบสาธารณสุข” ที่บรรดาคุณหมอ คุณพยาบาล ต่างกลายสภาพเป็นแกนนำของการประท้วงเผด็จการคราวแล้ว คราวเล่า ฯลฯ ระบบที่เคยเป็นตัวสร้างความแข็งแกร่งให้กับพวกเผด็จการมาโดยตลอด นั่นก็คือ “ระบบความมั่นคง” ก็ชักทำท่าว่าเริ่มอ้อๆ แอ้ๆ อื้อๆ อ้าๆ ขึ้นมามั่งแล้ว ด้วยเหตุเพราะ “ความไม่สงบเรียบร้อย” ที่มีลักษณะต่างไปจากเมื่อครั้งอดีตที่ผ่านมา นั่นก็คือการระเบิด การก่อวินาศกรรม ภายในตัวเมืองสำคัญๆ มันเริ่มปะทุขึ้นเป็นจุดๆ หลังจากบรรดาพวกนักประท้วง นักเดินขบวน หรือนักอารยะขัดขืนทั้งหลาย ต่างถูกไล่ทุบ ไล่ถีบ ไล่กระทืบ ไล่จับ และไล่ฆ่า ระดับตายกันไปแล้วไม่น้อยไปกว่า 774 ราย ถ้าว่ากันตามข้อมูล ตัวเลขของโฆษกสหประชาชาติ “นายสเตฟาน ดูจาร์ริก” (Stephane Dujarric) ที่ออกมาเปิดเผยไปเมื่อวัน-สองวันนี้ จนแทบไม่อาจหันไปใช้วิธีเก่าๆ เดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว...

การวางระเบิดลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าแม็คโคร หรือของ “ซีพี” บ้านเราที่เข้าไปลงทุนในพม่า เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่แล้ว (20 พ.ค.) อาจเป็นเพียงแค่การเปิดฉาก เปิดผ้าม่านกั้งเท่านั้นเอง เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา...ในเมืองหลวงเก่าอย่างเมืองย่างกุ้ง ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ การเมือง การราชการ เอามากๆ เห็นว่าเจอกับการวางระเบิดตามจุดต่างๆ เดี๋ยวบึ้มม์ม์ม์...เดี๋ยวบึ้มม์ม์ม์ ไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง ภายในวันเดียว หรือวันศุกร์ที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมันของคนสนิทอดีตเผด็จการทหาร ถูกบึ้มม์ม์ม์แล้ว บึ้มม์ม์ม์เล่า แถมยังตามมาด้วยการลอบยิง กราดยิงเจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ตามสวนสาธารณะใจกลางเมือง ตอนกลางวันแสกๆอีกต่างหาก...

ที่น่าตกตะลึงพรึงเพริดไปกว่านั้น...ก็คือ “ข่าวล่า-มาเรือ” เมื่อช่วงวันอาทิตย์ (23 พ.ค.) ที่ผ่านมานี้เอง ที่ว่ากันว่ากองกำลังติดอาวุธของพวกไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร หรือที่เรียกขานกันในนาม “People’s Defence Force” ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาหมาดๆ หลังจากการลงถนน การเดินขบวนประท้วงไม่ได้ผลเท่าที่ควร ถึงกับบุกเข้ายึดสถานีตำรวจที่เมือง “Mobye” ในเขตรัฐฉาน สังหารเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ต่ำกว่า 14-15 นาย จากนั้นก็จุดไฟเผาสถานีฯ ซะเรียบเป็นเถ้าถ่าน ส่วนประเภทที่มีกองกำลังเดิมๆ อยู่แล้ว อย่างเช่นกองกำลัง “KIA” ของพวกคะฉิ่น ที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดแนวพรมแดนด้านที่ติดต่อกับจีน เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (22 พ.ค.) ก็ได้เปิดปฏิบัติการครั้งใหม่แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน นั่นก็คือ...บุกล่วงล้ำเข้าไปในเขตอิทธิพลของกองทัพพม่า แล้วก็ยึดเอาแหล่งผลิต “หยก” ที่เมือง “Hkamti” อันถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของทหารพม่าเอาไว้เป็นของตัวเองซะเฉยเลย!!!

อย่างไรก็ตาม...สำหรับความพยายามสร้างแรงกดดัน ให้กับ “ระบบเศรษฐกิจ” ของพม่า ด้วยการ “แซงชั่น” ของประเทศโน้นประเทศนี้ หรือบรรดาประเทศตะวันตกทั้งหลาย ก็ออกจะเป็นที่น่าสังเกต น่าคิดสะกิดใจอยู่บ้างว่า ดูๆ แล้ว...น่าจะไม่ถึงกับสะท้อนให้เห็นถึงความเอาจริง-เอาจัง มากมายสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการแซงชั่นบรรดาประเทศ “คู่กัด” ของคุณพ่ออเมริกาในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น “เวเนซุเอลา” ของประธานาธิบดี “นิโคลัส มาดูโร” ที่เล่นเอาเกิดภาวะเงินเฟ้อไปถึงหมื่นๆ แสนๆ เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือประเทศ “อิหร่าน” ที่ถูกแซงชั่นกันในระดับ “สูงสุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์” ตั้งแต่ยุค “ทรัมป์บ้า” และยังไม่คิดจะผ่อนคลายๆ ใดๆ บ้างเลย ในยุคของ “โจ ซึมเซา” จนตราบเท่าทุกวันนี้...

แม้ว่า...เอาเข้าจริงๆ แล้ว “ระบบเศรษฐกิจ” นั่นแหละ ถือเป็น “กล่องดวงใจ” ของบรรดาทหารพม่า หรือเผด็จการพม่า เอาเลยก็ว่าได้ เพราะด้วยการสยายปีก สยายเครือข่าย การทำธุรกิจต่างๆ นานา ตั้งแต่ระดับ “ไม้จิ้มฟันไปยันเรือรบ” ของบริษัทภายใต้การควบคุมดูแลของผู้นำทหารประมาณ 2 บริษัท คือ “MEHL” (Myanmar Economic Holdings Limited) และ “MEC” (Myanmar Economic Corporation) ย่อมทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็น “จุดอ่อน” ที่สามารถสร้างแรงกด แรงบีบ โดยอาศัยการ “แซงชั่น” นั่นแหละเป็นเครื่องมือ แต่นับจากการรัฐประหารในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา บรรดาบริษัทธุรกิจที่เข้าไปร่วมลงทุน หรือไปทำธุรกิจกับบริษัทของเผด็จการพม่า ว่ากันว่า...ที่ได้หยุดดำเนินการ หรือได้ร่วม “แซงชั่น” ต่อรัฐบาลเผด็จการพม่า มีอยู่แค่ประมาณ 13 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง...

เช่น บริษัทเบียร์ “Kirin” ของญี่ปุ่น ที่เคยร่วมลงทุนผลิตเบียร์พม่ากับบริษัทที่ควบคุมดูแล โดยพวกทหาร หรือบริษัทโทรคมนาคม “Telenor” ของนอร์เวย์ ไปจนบริษัทบริหารกิจการท่าเรืออย่าง “Adai Ports” ของอินตะระเดีย ฯลฯ แต่สำหรับบริษัทที่สำคัญกว่านั้นเอามากๆ คือบริษัทด้านพลังงานและแก๊ส อย่างเช่น บริษัท “Chevron” ของคุณพ่ออเมริกา หรือบริษัท “Total” ของฝรั่งเศส ที่ต่างเป็นตัวสร้าง “รายได้” จำนวนมหาศาลให้กับบริษัทธุรกิจทหารของพม่า ชนิดมีรายได้จากการขายแก๊สถึงปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์อเมริกันเป็นอย่างน้อย กลับยังดัน “อมเชาวริน” หรืออมสากกะเบือจนตราบเท่าทุกวันนี้ ไม่ได้คิดจะร่วมไล่งับ ไล่ฟัด ไล่บดขยี้ เหมือนอย่างการ “แซงชั่น” ประเทศศัตรูคู่กัดของอเมริกาและตะวันตกรายอื่นๆ ดังที่กล่าวไปแล้ว อันนี้นี่แหละ...ที่อาจทำให้ “เผด็จการกระด้างภัณฑ์” อย่างเช่นเผด็จการพม่า จึงยังพอ “อยู่ๆ กันไปได้” ยังไม่ถึงกับพังครืน ล้มครืน ลงไปต่อหน้า-ต่อตา...

ด้วยเหตุนี้...บรรดาสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คงต้องเก็บมาคิดหน้า-คิดหลัง ไว้ตามสมควร ไม่ใช่คิดมาก หรือคิดเล็ก-คิดน้อย เพราะอาจเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงแนวคิด แนวนโยบายของบรรดาประเทศที่สุดจะรักและหวงแหนประชาธิปไตย-สิทธิมนุษยชน อย่างประเทศตะวันตกทั้งหลาย ว่าคิดยังไง??? รู้สึกยังไง??? ต่อเผด็จการระดับสุดลิ่มทิ่มกระดานอย่างพม่าทุกวันนี้และในอนาคตเบื้องหน้า จะออกไปทางเรียบๆ-ง่ายๆ ตรงไป-ตรงมา หรือหนักไปทางซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ไปถึงขั้นไหน คงต้องลองไป “จินตนาการ” เอาเองก็แล้วกัน...


กำลังโหลดความคิดเห็น