หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
การเมืองนั้นมีความคิดแตกต่างกันได้ แฟนลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่าไปโกรธเคือง นกเขา นิติธร ล้ำเหลือ ตั้ม พิชิต ไชยมงคล หรือปรีดา เตียสุวรรณ์ เลยครับ คิดเสียว่า เขาก็มีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง
กลุ่มนี้เปิดตัวมาก็เห็นเงาคนที่อยู่ข้างหลังแล้วไม่ว่าจะเป็นอานันท์ ปันยารชุน ประสาร มฤคพิทักษ์ พิภพ ธงไชย ฯลฯ ดังนั้นก็ต้องเชื่อว่า เป็นกลุ่มคนที่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง อย่าไปต่อว่า พวกเขาว่าหิวแสงเลยครับบั้นปลายชีวิตแล้วทั้งนั้น หรืออย่าเพิ่งไปดูแคลนเขาว่าไม่มีใครเอาด้วยหรอก
แต่การที่คนกลุ่มนี้ออกมาเปลี่ยนจากเคยสนับสนุนลุงตู่มาขับไล่นั้น คงต้องมีโจทย์ในใจแล้วว่าถ้าไม่เอาลุงตู่แล้วจะเอาใคร แม้ในตอนแรกกลุ่มประชาชนคนไทยไม่ได้เอ่ยว่ามีใครที่อยากให้มาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีแทนลุงตู่ แต่จากการสัมภาษณ์กับดนัย เอกมหาสวัสดิ์ ทนายนกเขาก็พยายามเอ่ยมา 3-4 ชื่อ แบบไม่ได้ฟันธง และต่อมาตั้มพิชิตก็เอ่ยชื่อ ศุภชัย พานิชภักดิ์ ขึ้นมา แต่บอกว่าไม่ได้เจาะจงเป็นพิเศษให้ประชาชนพิจารณา
แต่การที่จะเปลี่ยนให้ได้ โดยยังอิงกับรัฐธรรมนูญนี้นั้นทางแรกคือ ต้องให้ลุงตู่ลาออก ผมยังมองไม่เห็นเลยว่าจะทำให้ลุงตู่ลาออกได้อย่างไร ใครจะเป็นคนไปสะกิดหรือใครจะไปขู่เข็ญว่าให้แกเสียสละลาออก พวกส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและส.ว.อย่าว่าจะเปลี่ยนใจเป็นอื่นเลย ทุกวันนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังเกรงกลัวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยึดตำแหน่งคืนเมื่อไหร่ด้วยซ้ำไป
เอาเป็นว่าถ้าลุงตู่ลาออกได้ การจะเอาคนนอกมาเป็นแทนก็ต้องไปทำตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 วรรค 2 คือต้องใช้เสียงสองสภา 2 ใน 3 คือ 500 คน ผมยังมองไม่ออกนะครับว่าจะเอาเสียงจากไหน หรือถ้ากล่อมมาได้ 500 คนจริง จะเสนอใครล่ะที่ทำให้ 500 คนเห็นดีเห็นงามร่วมกันได้ ก็รู้ว่า 250 สว.เขาตั้งมากับมือมันยากมาก
ถึงตอนนี้ก็นึกไม่ออกจริงว่า ทำอย่างไรกลุ่มประชาชนคนไทยจึงจะสมหวัง แต่ก็ต้องลองดูต่อไป เขาอาจมีแผนการที่แยบยล เพราะเท่าที่รู้จักก็ลึกซึ้งกันทั้งนั้น คงไม่คิดอะไรตื้นเขินล่ะมั่ง
เราต้องพยายามคิดเสียว่า กลุ่มประชาชนคนไทยเขามีสิทธิ์ที่จะคิดจะทำเพื่อชาติบ้านเมือง ใครเห็นด้วยก็โดดเข้าไป ใครไม่เห็นด้วยก็ถอยห่างออกมา ถ้าคนส่วนใหญ่เอาด้วยก็มีทางจะเป็นไปได้ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยก็จบกัน
ส่วนใครจะมีความเห็นอย่างไรก็วิพากษ์วิจารณ์กันออกมา การคิดการใหญ่ระดับนี้นั้น พวกเขาก็น่าจะมีใจกว้างพอที่จะรับฟัง ในขณะเดียวกันคนที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องพร้อมจะรับฟังความเห็นของพวกเขาแล้วตอบโต้กันด้วยเหตุผล
ฟังความคิดของคุณพิภพที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้บอกว่า กลุ่มประชาชนคนไทยต้องการรัฐบาลสร้างชาติ แบบที่เกิดขึ้นสมัยรัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์ รัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร แน่นอนพิภพต้องพูดถึงรัฐบาลอานันท์ ปันยารชุนด้วย ทั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกใจอะไร เพราะลึกๆรู้กันว่าพิภพนั้นเกาะเกี่ยวอยู่เบื้องหลังเวทีของจตุพรอยู่แล้ว และแสดงความเห็นไปทางเด็กสามนิ้วเสมอมา
ที่น่าคิดก็คือความฝันของพิภพที่จะเกิดรัฐบาลสร้างชาตินั้นมันจะเป็นจริงได้ไหม
ถ้าถามผมนะครับผมคิดว่าเป็นความฝันที่ยากจะเป็นความจริงได้ อะไรที่จะเป็นแรงผลักดันให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้เกิดรัฐบาลสร้างชาติอย่างนั้นได้ มันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา ในสภาวะที่นอกจากหาทางให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกได้ยากแล้ว ก็เป็นไปอย่างที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า อะไรจะบันดาลใจให้นักการเมืองและส.ว. 500 คน ออกมาชูมือสนับสนุนคนที่พิภพหรือกลุ่มประชาชนคนไทยอยากให้เป็น
หรือถ้ายังไม่ได้มีตัวว่าจะเลือกใครอย่างที่ว่ากันให้คนไทยไปช่วยกันพิจารณา ใครล่ะที่โดดเด่นพอจะสร้างฉันทามติให้เกิดขึ้นได้กับสังคมไทย ว่าคนนี้นี่แหละที่เหมาะจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนำพาชาติของเรา
ต้องรู้นะครับว่ารัฐบาลสัญญา ธรรมศักดิ์นั้นมาจากการพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งหลังเหตุการณ์มหาวิปโยค 14 ตุลาคม 2516 ส่วนนายธารินทร์ กรัยวิเชียร นั้นได้รับโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งหลังเหตุการณ์นองเลือด 6 ตุลาคม 2519 ส่วนการขึ้นสู่ตำแหน่งครั้งที่สองของนายอานันท์ ถ้าไม่นับการขึ้นจากการเชื้อเชิญของรสช.ในครั้งแรกแล้วก็มาจากเหตุการณ์นองเลือดพฤษภาทมิฬและความกล้าหาญของดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานรัฐสภาในขณะนั้น
นายกรัฐมนตรีทั้งสามคนที่พิภพยกมาเป็นโมเดลนั้นมาจากเหตุการณ์วิกฤตทางการเมืองทั้งสิ้น ถามว่าวันนี้เราไปถึงจุดทางตันนั้นหรือยัง และสำคัญคือต้องเป็นคนที่ทุกฝ่ายยอมรับ
ถึงแม้ก่อนเหตุการณ์ที่ออกมาเรียกร้องครั้งนี้ของกลุ่มประชาชนคนไทยและพิภพเพื่อให้เกิดรัฐบาลสร้างชาตินั้น บ้านเมืองแม้จะมีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงระหว่างคนไทยในชาติ แต่สถานการณ์ก็ยังไม่นำพาไปสู่วิกฤตและทางตันทางการเมือง เหมือนกันกับสามครั้งที่พิภพหยิบยกมา
เท่าที่สดับตรับฟังความเห็นของคนส่วนใหญ่ที่เขาไม่เห็นด้วยก็มองว่า เป็นเรื่องของผิดเวล่ำเวลา แน่นอนคนที่ส่งเสียงท้วงติงเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่เคยมีจุดยืนในการต่อสู้ร่วมกับแกนนำของกลุ่มประชาชนคนไทยและพิภพนั่นแหละ
ดังนั้นเมื่อคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย มองไม่เห็นทางเลยว่าอะไรจะไปดลใจให้ส.ส.และส.ว.500 คนเอาด้วย ก็มองไม่เห็นว่า การเรียกร้องของกลุ่มประชาชนคนไทยกับพิภพและพวกจะสำเร็จได้อย่างไร
แต่ความเชื่อเรื่องคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยของผมอาจจะผิดก็ได้นะครับ เพราะระดับแกนนำกลุ่มประชาชนคนไทยที่เปิดตัวออกมาซึ่งผมคุ้นเคยดี หรือคนที่อยู่เบื้องหลังอย่างพิภพนั้น น่าจะเป็นพวกเซียนที่สามารถจับอารมณ์ของมวลชนได้ดี เพราะอยู่กับการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนมานาน พวกเขาก็อาจจะประเมินแล้วก็ได้ว่าเวลาแบบนี้ท่ามกลางวิกฤตในการจัดการกับโควิดแบบนี้นี่แหละที่จะสามารถออกมาเรียกร้องเพื่อไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้
และถ้าจะอาศัยแนวร่วมกับกลุ่มของจตุพรที่ออกมาเคลื่อนไหวอยู่ก่อนก็พอจะมองเห็นสายใยที่จะประสานกันได้ ไม่แน่ว่าทั้งสองกลุ่มอาจจะเห็นดีเห็นงามร่วมกันว่าในสภาวะแบบนี้ทางออกที่ดีที่สุดคือจับมือกันเอาประยุทธ์ออกไปก่อน
แต่ถามว่านี่เป็นทางออกของสังคมไทยไหม ส่วนตัวผมว่าไม่ใช่ เพราะถ้าไปถามคนรุ่นใหม่ม็อบสามนิ้วหรือพวกที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย พวกเขาก็ไม่เอาหรอกครับนายกรัฐมนตรีที่ลอยมาแบบสามรัฐบาลที่ยกมา เพราะมันยิ่งขัดกับแนวทางการต่อสู้ของพวกเขา
คนรุ่นใหม่ที่ออกมาเดินถนนเขาไม่เอารัฐบาลประยุทธ์เช่นเดียวกันแน่ แต่ไม่มีทางหรอกที่เขาจะยอมรับรัฐบาลสร้างชาติตามโมเดลของพิภพ
ดังนั้นก็มีคำถามเหมือนกันว่ารัฐบาลสร้างชาติแบบที่พิภพว่านั้น มันจะสามารถเข้ามาแก้ไขวิกฤตการณ์ในบ้านเมืองในขณะนี้อย่างที่พิภพว่าจริงๆหรือ หรือมันยิ่งจะสร้างความขัดแย้งและสร้างวิกฤตในชาติใหม่เพิ่มขึ้นมา
นอกจากเรากำลังเผชิญกับสถานการณ์โควิดที่คนส่วนใหญ่บอกว่าเราควรจะละทิ้งความขัดแย้งแล้วหันมาช่วยกันให้ก้าวพ้นวิกฤตไปก่อน และวิกฤตทางการเมืองที่ไม่ใช่แค่ความแตกแยกของคนไทยในชาติในอุดมการณ์ทางการเมือง แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ความคิดของคนรุ่นใหม่จำนวนหนึ่งที่ถูกปลูกฝังให้มีแนวคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งน่าจะเป็นโจทย์สำคัญที่สุดของปัญหาชาติบ้านเมืองในขณะนี้
ถึงตอนนี้ยังมองไม่เห็นเลยว่ารัฐบาลสร้างชาติจะเป็นทางออกได้อย่างไร
ผมไม่รู้เหมือนกันว่ากลุ่มนี้ เริ่มมองเห็นความไม่ชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจของรัฐบาลประยุทธ์ที่ใช้กลไกของรัฐธรรมนูญ2560ตั้งแต่เมื่อไหร่ จึงออกมาเคลื่อนไหวในวันนี้ แต่ส่วนตัวผมนั้นมีความเห็นเรื่องนี้ตลอดมา เพราะผมไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะนำไปสู่การสืบทอดอำนาจ
และสิ่งที่ผมเรียกร้องเสมอก็คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายยอมรับ จากนั้นยุบสภาแล้วให้ประชาชนตัดสินนั่นแหละจึงจะเป็นทางออกอย่างแท้จริง
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan