สถานการณ์ในอินเดียจากการระบาดของเชื้อโควิด-19 ได้ทำให้คนเห็นภาพอันน่าสยดสยองโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐอุตตรประเทศซึ่งศพเป็น 100 ลอยอยู่ในแม่น้ำคงคาเพราะไม่สามารถเผาได้ทันท่วงที
การทิ้งศพลงในแม่น้ำคงคาซึ่งถือว่าเป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ และกลายเป็นพิธีกรรมที่จำเป็นและรัฐบาลไม่สามารถป้องกันได้นอกจากความพยายามในการที่จะเอาศพขึ้นมาฝังหรือเผา โดยลดความเสี่ยงจากการทำให้แม่น้ำเน่าเสียจนอาจเกิดโรคระบาดได้
แม้สถานการณ์จะดูดีขึ้นในช่วงสี่ห้าวันที่ผ่านมา โดยยอดผู้เสียชีวิตลดลงกว่า 100,000 ราย สภาพโดยรวมก็ยังหนักหนาสาหัสเพราะยังไม่สามารถควบคุมหรือตัดตอนการระบาดอย่างได้ผล
การพบศพลอยน้ำครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 10 เดือนนี้เมื่อมีจำนวน 71 ศพถูกพบลอยอยู่ในแม่น้ำคงคาสร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนในสองฝั่ง ซึ่งจำเป็นต้องเร่งลากขึ้นมาทั้งๆ ที่อยู่ในสภาพเน่าเปื่อยเพื่อฝัง
ปัจจุบันยอดผู้เสียชีวิตชาวอินเดียสูงถึง 275,000 รายจากผู้ติดเชื้อโดยรวม 25 ล้านคน แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ายอดผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตตามความเป็นจริงนั้นสูงกว่าตัวเลขที่ปรากฏมาก
ปัจจุบันอินเดียประสบกับปัญหาการเผาศพเพราะขาดทั้งไม้ฟืนและพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ชายฝั่งแม่น้ำคงคามีการเผาศพทั้งวันทั้งคืน ถ้าเผาไม่ทันก็ขุดหลุมฝังศพเรียงรายสองฝั่งแม่น้ำทำให้ดูแล้วหดหู่จากโศกนาฏกรรมเพราะการระบาดของเชื้อโรคร้ายนี้
สำนักข่าวบีบีซีได้สัมภาษณ์ประชาชนในพื้นที่รัฐอุตตรประเทศซึ่งเรื่องราวที่ได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับศพที่ลอยเต็มแม่น้ำคงคานั้น เป็นผลมาจากสภาวะที่รับกับการเสียชีวิตไม่ทันและความยากจนในพื้นที่นั้น
เจ้าหน้าที่ซึ่งรักษาการบริเวณนั้นได้แจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบว่า ศพทุกศพได้ถูกผ่าตัดและเก็บดีเอ็นเอไว้หลังจากการชันสูตรก่อนนำตัวไปเผาหรือฝัง แต่ก็มีปัญหาว่าบางศพไม่สามารถเผาได้หมดเพราะขาดฟืน
ในบางพื้นที่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ตาข่ายดักเก็บศพในแม่น้ำก่อนที่จะลอยไป และเน่าเปื่อยเกินกว่าที่จะจัดการได้พร้อมกับอวัยวะทุกส่วน และเห็นได้ชัดว่าแต่ละช่วงของแม่น้ำจะมีศพอยู่ลอยเกลื่อน ซึ่งกลายเป็นอาหารของสุนัขและอีกาซึ่งสามารถแพร่กระจายเชื้อได้อีก
ชาวบ้านบางพื้นที่รายงานหลายศพที่ถูกกระแสน้ำพัดเกยฝั่ง และส่งกลิ่นเน่าเหม็นเป็นเวลาหลายวันกว่าเจ้าหน้าที่จะมาเก็บกวาด หลังจากรับรายงานเหตุแล้วแต่ละวันชาวบ้านสองฝั่งก็ยังไปอาบเพื่อล้างบาปตามธรรมเนียมปฏิบัติ และศพที่ติดริมฝั่งเป็นปัญหาอย่างมาก
จำนวนศพที่ลอยติดฝั่งแม่น้ำและถูกฝังหรือเผาในบริเวณใกล้เคียง อาจจะไม่ถูกนับรวมยอดผู้เสียชีวิต ดังนั้นจึงเป็นการยากที่จะมีตัวเลขที่แม่นยำสำหรับประเมินการสูญเสียครั้งนี้ เพราะถึงอย่างไรก็เป็นที่เชื่อว่าการเก็บตัวเลขก็ได้ไม่พร้อมสมบูรณ์
ตามธรรมเนียมปฏิบัติของศาสนาฮินดูศพต้องถูกเผาแต่ก็เป็นประเพณีของบางชุมชนที่จะเอาศพไปลอยทิ้งแม่น้ำ เช่นศพเด็ก ศพสตรีที่ไม่ผ่านการสมรส ศพจากโรคระบาดและศพจากการถูกงูพิษกัด
ผู้ที่ยากจนไม่สามารถจ่ายเงินซื้อไม้ฟืนมาเผาศพผู้เสียชีวิตได้ จำเป็นต้องใช้ผ้าขาวห่อศพและมัดให้แน่นก่อนที่จะปล่อยให้ลอยไปตามแม่น้ำซึ่งไม่มีน้ำหนักถ่วงให้จม
ในสภาวะปกติการที่จะเห็นศพลอยในแม่น้ำคงคาไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาด นั่นเป็นเพราะธรรมเนียมปฏิบัติของบางชุมชนที่ทิ้งศพในแม่น้ำนั่นเอง และสามารถพบเห็นโดยทั่วไป
สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือจำนวนศพมีมากเกินไปซึ่งผิดจากภาวะปกติมาก ทั้งนี้เป็นเพราะการเสียชีวิตจากโรคระบาด
ตัวอย่างเช่นมีผู้เสียชีวิต 196 รายเพราะโรคร้ายนี้ในเมืองคานปูร์ในช่วงวันที่ 16 เมษายนถึง 5 พฤษภาคม แต่ตัวเลขจากฌาปนสถาน 7 แห่งในพื้นที่นั้นกลับแสดงตัวเลขการเผาถึง 8,000 ครั้ง
ถึงแม้จะมีเตาเผามากขนาดนั้นและทำงานทั้งวันทั้งคืนก็ยังไม่เพียงพอ ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องยอมให้ตั้งเตาเผาต่างหากใกล้บริเวณนั้นเพื่อจัดการเผาศพไม่ให้เหลือและทันต่อความต้องการ
ฌาปนสถานจะรับเผาศพจากโรงพยาบาลเท่านั้น แต่มีผู้เสียชีวิตในบ้านมากกว่าศพที่ถูกส่งมาจากโรงพยาบาล ดังนั้นจึงไม่มีใบประกาศรับรองการเสียชีวิต ดังนั้นครอบครัวที่เหลือจึงต้องนำศพไปจัดการเผาหรือฝังนอกพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณริมฝั่งน้ำ
ดังนั้นศพที่ถูกเผาจึงเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตในบ้านและของครอบครัวยากจน จึงไม่สามารถจัดเตาเผาให้จัดการศพได้
ผู้สื่อข่าวที่เห็นสภาพการจัดการศพกล่าวได้เพียงแต่ว่า เป็นภาพที่ดูแล้วน่าสลดหดหู่ และผู้เสียชีวิตในสภาวะเช่นนั้นไม่อยู่รวมในตัวเลขหรือสถิติที่ทางการเก็บไว้ด้วยซ้ำ ดังนั้นศพที่เผาหรือฝังอยู่จึงไม่มีป้ายชื่อระบุว่าเป็นใคร
เหตุการณ์โศกเศร้าในอินเดีย อันเกิดจากโรคระบาดซึ่งยังไม่สามารถควบคุมได้นั้น จึงเป็นฉากใหญ่สำหรับความน่าสลดของมนุษยชาติ ซึ่งยังไม่สามารถเอาชนะเชื้อโรคได้ และยังต้องใช้เวลาอีกนาน ซึ่งไม่มีใครทำนายได้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่