ศบค.กางตัวเลขจับกุมลอบเข้าเมือง ตั้งแต่ 1 ม.ค. นับหมื่นราย ตม.ย้ำยังไม่เปิดด่านชายแดน เข้มสกัดลอบเข้าเมือง เตือนโทษหนักคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างแถลงสถานการณ์ประจำวัน ถึงความกังวลในส่วนผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ในลักษณะที่ลักลอบเข้าประเทศผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. เป็นต้นมา สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 15,378 ราย ในจำนวนนี้เป็น เมียนมา 6,072 ราย ลาว 882 ราย กัมพูชา 5,114 ราย มาเลเซีย 31 ราย ไทย 1,691 ราย และอื่นๆ 492 ราย
"เฉพาะเดือน เม.ย. มีผู้ลักลอบเข้าเมือง 32 ราย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. และ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ได้เน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน และขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนช่วยแจ้งเบาะแสเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) และโฆษก สตม. เปิดเผยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.แจ้งว่า ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีการแอบลักลอบเข้า-ออก ตลอดจนการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอเรียนว่า ในห้วงเวลานี้ไม่มีการเปิดด่าน การเข้า-ออกบริเวณแนวชายแดนแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองนั้น ยังคงมีความพร้อมและเฝ้าระวังสูงสุด บูรณาการหน่วยความมั่นคง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. , ตชด. ตำรวจภูธร และตำรวจสอบสวนกลาง ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง กันอย่างเข้มแข็ง เข้มงวดและจริงจัง
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองจะถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมือง กฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และกฎหมายการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท ทุกรายอย่างเด็ดขาดและจริงจัง จึงขอเรียนให้ทราบโดยทั่วกันว่า เจ้าหน้าที่ได้พยายามยับยั้ง แก้ไข สถานการณ์การแพร่ระบาดในทุกมิติ และขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการกระทำความผิด หรือแจ้งเบาะแส โปรดโทร.191 หรือ 1178
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศบค. กล่าวช่วงหนึ่งระหว่างแถลงสถานการณ์ประจำวัน ถึงความกังวลในส่วนผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ในลักษณะที่ลักลอบเข้าประเทศผ่านทางช่องทางธรรมชาติ ข้อมูลของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. เป็นต้นมา สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ถึง 15,378 ราย ในจำนวนนี้เป็น เมียนมา 6,072 ราย ลาว 882 ราย กัมพูชา 5,114 ราย มาเลเซีย 31 ราย ไทย 1,691 ราย และอื่นๆ 492 ราย
"เฉพาะเดือน เม.ย. มีผู้ลักลอบเข้าเมือง 32 ราย ซึ่งนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.ศบค. และ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะ ผอ.ศปก.ศบค. ได้เน้นย้ำให้ฝ่ายความมั่นคงทำหน้าที่อย่างแข็งขัน และขอความร่วมมือประชาชนที่อยู่บริเวณชายแดนช่วยแจ้งเบาะแสเพื่อให้เจ้าหน้าที่ทำงานง่ายขึ้น" นพ.ทวีศิลป์ กล่าว
วันเดียวกันนี้ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (รอง ผบช.สตม.) และโฆษก สตม. เปิดเผยว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองโดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.แจ้งว่า ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์ว่า มีการแอบลักลอบเข้า-ออก ตลอดจนการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามแนวชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้านของไทยนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองขอเรียนว่า ในห้วงเวลานี้ไม่มีการเปิดด่าน การเข้า-ออกบริเวณแนวชายแดนแต่อย่างใด และเจ้าหน้าที่ได้เพิ่มความเข้มในการเฝ้าระวังตามแนวชายแดนเพื่อป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองนั้น ยังคงมีความพร้อมและเฝ้าระวังสูงสุด บูรณาการหน่วยความมั่นคง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สตม. , ตชด. ตำรวจภูธร และตำรวจสอบสวนกลาง ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง กันอย่างเข้มแข็ง เข้มงวดและจริงจัง
ทั้งนี้ ขอย้ำว่าผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองจะถูกจับดำเนินคดีตามกฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมือง กฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ และกฎหมายการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาท ทุกรายอย่างเด็ดขาดและจริงจัง จึงขอเรียนให้ทราบโดยทั่วกันว่า เจ้าหน้าที่ได้พยายามยับยั้ง แก้ไข สถานการณ์การแพร่ระบาดในทุกมิติ และขอความร่วมมือประชาชนหากพบเห็นการกระทำความผิด หรือแจ้งเบาะแส โปรดโทร.191 หรือ 1178