สถานทูตสหรัฐฯ ยังไม่แถลงกรณี “วัคซีนไฟเซอร์” สธ.แจงเป็นเอกสิทธิ์ทางการทูต “รพ.วิภาวดี” ยกเลิกการจัดซื้อ “โมเดอร์นา” เหตุระบุวันได้รับวัคซีนไม่ได้
จากกรณีที่มีการเปิดเผยว่า มีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์-บิออนเทค มายังประเทศไทย ซึ่งทางบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็ได้มีการเปิดเผยภาพใบรับรองการฉีดวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ฯ โดยระบุสถานที่ ณ สถานทูตสหรัฐอเมริกาในราชอาณาจักรไทย จนเกิดข้อสงสัยว่า มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฯจริงหรือไม่ เพราะ องค์การอาหารและยา (อย.) ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับการอนุมัติในประเทศไทย นั้น
วานนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยถึงกรณีดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันหรือปฏิเสธ โดยได้รับการแจ้งว่า อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีนโยบายฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยทั้งคนไทย คนต่างชาติ รวมถึงทูตานุทูตประเทศต่างๆ ให้ได้ 70% ของประชากรเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนจะเป็นไปตามหลักสากล เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่มีกำหนดว่า ใครฉีดก่อนฉีดหลัง แต่เป็นไปโดยเท่าเทียมและระยะเวลาใกล้เคียงกัน
เมื่อถามถึงกรณีการฉีดวัคซีนให้กับทูตประเทศต่างๆ โดยมีกระแสข่าวว่า มีทูตประจำประเทศไทยบางประเทศได้รับวัคซีนแล้ว แต่เป็นชนิดที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย นพ.โอภาส กล่าวว่า การส่งวัคซีนของแต่ละประเทศอยู่ภายใต้เอกสิทธิของการทูต และกระทรวงสาธารณสุขจะไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้ เนื่องจากคณะทูตในสถานทูตแต่ละประเทศต่างก็มีเอกสิทธิตามหลักสากล
“เนื่องจากเป็นเอกสิทธิของสถานทูต กระทรวงสาธารณสุขจึงไม่อาจก้าวล่วงได้ และไม่ได้รับแจ้งหรือรับข้อมูลดังกล่าว” นพ.โอภาส กล่าว
วันเดียวกัน โรงพยาบาลวิภาวดี ได้ประกาศถึงกรณีการสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ตามที่โรงพยาบาลวิภาวดีได้ให้ความสำคัญกับการนำเข้าวัคซีนทางเลือก โดยหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้โดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และท่านได้ให้ความสนใจวัคซีนทางเลือก วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) กับโรงพยาบาลวิภาวดีนั้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันโรงพยาบาลฯให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ทุกท่านไม่ได้ว่า จะได้รับวัคซีนในช่วงเวลาใด ซึ่งถือว่าอาจเกิดความเสี่ยงแก่ผู้ใช้บริการทุกท่านที่คาดหวังว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด โรงพยาบาลวิภาวดีจึงพิจารณาตัดสินใจยกเลิกการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว
จากกรณีที่มีการเปิดเผยว่า มีการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ยี่ห้อไฟเซอร์-บิออนเทค มายังประเทศไทย ซึ่งทางบริษัท ไฟเซอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ออกมาปฏิเสธไปแล้ว แต่ก็ได้มีการเปิดเผยภาพใบรับรองการฉีดวัคซีนยี่ห้อไฟเซอร์ฯ โดยระบุสถานที่ ณ สถานทูตสหรัฐอเมริกาในราชอาณาจักรไทย จนเกิดข้อสงสัยว่า มีการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ฯจริงหรือไม่ เพราะ องค์การอาหารและยา (อย.) ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับการอนุมัติในประเทศไทย นั้น
วานนี้ (6 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์ของสถานทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยถึงกรณีดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับการยืนยันหรือปฏิเสธ โดยได้รับการแจ้งว่า อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีนโยบายฉีดวัคซีนให้กับทุกคนที่อยู่บนผืนแผ่นดินไทยทั้งคนไทย คนต่างชาติ รวมถึงทูตานุทูตประเทศต่างๆ ให้ได้ 70% ของประชากรเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนจะเป็นไปตามหลักสากล เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่มีกำหนดว่า ใครฉีดก่อนฉีดหลัง แต่เป็นไปโดยเท่าเทียมและระยะเวลาใกล้เคียงกัน
เมื่อถามถึงกรณีการฉีดวัคซีนให้กับทูตประเทศต่างๆ โดยมีกระแสข่าวว่า มีทูตประจำประเทศไทยบางประเทศได้รับวัคซีนแล้ว แต่เป็นชนิดที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทย นพ.โอภาส กล่าวว่า การส่งวัคซีนของแต่ละประเทศอยู่ภายใต้เอกสิทธิของการทูต และกระทรวงสาธารณสุขจะไม่ได้รับข้อมูลในส่วนนี้ เนื่องจากคณะทูตในสถานทูตแต่ละประเทศต่างก็มีเอกสิทธิตามหลักสากล
“เนื่องจากเป็นเอกสิทธิของสถานทูต กระทรวงสาธารณสุขจึงไม่อาจก้าวล่วงได้ และไม่ได้รับแจ้งหรือรับข้อมูลดังกล่าว” นพ.โอภาส กล่าว
วันเดียวกัน โรงพยาบาลวิภาวดี ได้ประกาศถึงกรณีการสั่งซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า ตามที่โรงพยาบาลวิภาวดีได้ให้ความสำคัญกับการนำเข้าวัคซีนทางเลือก โดยหวังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงวัคซีนได้โดยเร็วที่สุด เพื่อช่วยพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และท่านได้ให้ความสนใจวัคซีนทางเลือก วัคซีนโมเดอร์นา (Moderna) กับโรงพยาบาลวิภาวดีนั้น ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันโรงพยาบาลฯให้คำตอบที่ชัดเจนแก่ทุกท่านไม่ได้ว่า จะได้รับวัคซีนในช่วงเวลาใด ซึ่งถือว่าอาจเกิดความเสี่ยงแก่ผู้ใช้บริการทุกท่านที่คาดหวังว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนโดยเร็วที่สุด โรงพยาบาลวิภาวดีจึงพิจารณาตัดสินใจยกเลิกการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว