ผู้จัดการรายวัน360- "กรณ์"แนะคลัง พื้นฟูการบินไทย โจทย์ใหญ่ต้องไม่ให้มีฝ่ายการเมืองหรือราชการครอบงำ ชี้ภาษี 50,000 ล้าน ต้องคุ้มค่า เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชน น่าเป็นห่วง แผนฟื้นฟู ไม่ได้ยืนยันให้เจ้าหนี้ลดหนี้เดิม ประเด็นใหญ่ ปิดเงินทุนใหม่เข้ามา จพท.แจ้งเปลี่ยนประชุมเจ้าหนี้ผ่านสื่อออนไลน์
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณี การบินไทย โดยระบุว่า อาจมีการประชุมครม.เร็วๆ นี้ว่าด้วยเรื่อง "การบินไทย" จึงขอเปิดพื้นที่แสดงความคิด เพราะเป็นเรื่องของภาษี 5 หมื่นล้าน กับการตัดสินใจครั้งใหญ่
ตอนที่รัฐบาลตัดสินใจ นำการบินไทยเข้าสู่กระบวนการการฟื้นฟูตามพ.ร.บ.ล้มละลาย หลายคนที่ติดตามเรื่องนี้ล้วนเห็นด้วย ด้วยความหวังว่าเมื่อผ่านกระบวนการฟื้นฟูแล้ว การบินไทยจะบริหารแบบมืออาชีพ มีกำไร มีการเงินที่มั่นคง และที่สำคัญคือ มีสภาพเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัว ปลดแอกจากการแทรกแซงโดยรัฐ โดยนักการเมือง และโดยกองทัพเหมือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าผิดหวัง
เมื่อเห็น 2 ทางเลือกที่กระทรวงการคลัง เสนอให้รัฐบาล คือ 1. ให้รัฐใส่ทุนด้วยเงินภาษี 25,000 ล้านบาท และค้ำประกันหนี้ใหม่ 25,000 ล้านบาท และ2.หากรัฐไม่ใส่ทุนก็ต้องค้ำประกันหนี้ใหม่ทั้งหมด การบินไทยต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่หากบริษัทไปได้ดี มีกำไรในอนาคต รัฐแทบไม่มีโอกาสได้ส่วนแบ่ง เพราะต้องคืนเจ้าหนี้เก่า ในขณะที่เจ้าหนี้ใหม่ สามารถเปลี่ยนหนี้มาเป็นทุนได้สูงถึง 90% ของทุนทั้งหมด
สิ่งที่ควรได้เห็น แต่ผู้เสนอแผนไม่ได้ทำ คือ การยืนยันกับเจ้าหนี้เพื่อลดหนี้เดิม ซึ่งหนี้ที่ไม่ได้ลดลง คือสาเหตุหลักที่ทำให้การบินไทยไม่สามารถระดมทุนจากนักลงทุนใหม่ได้เลย ต้องกลับมาขอเงินรัฐ ก็คือเงินภาษีของประชาชน
"จริงๆ แล้วครั้งนี้ การบินไทยมีโอกาสที่จะรอดมากที่สุด เพราะมีการปรับลดค่าใช้จ่ายรวมถึงเกือบ 50,000 ล้านบาทต่อปี แต่ด้วยโครงสร้างหนี้ จึงทำให้ไม่มีใครพร้อมใส่ทุน รัฐบาลต้องมีคำตอบว่า การอุ้มการบินไทย คนเสียภาษีได้อะไร ถ้าไม่อุ้ม ถ้าเจ้าหนี้ยอมที่จะปล่อยให้บริษัทต้องล้มละลาย (ซึ่งในกรณีนี้ เจ้าหนี้อาจจะได้เงินคืนเพียง10% ของวงเงินสินเชื่อเดิม) จะส่งผลยังไงต่อประชาชนคนไทย"
นายกรณ์ กล่าวว่า เราสามารถสร้างบริษัทการบินไทยขึ้นมาใหม่ ด้วยโครงสร้างองค์กร โครงสร้างทุนและการบริหารที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่ โดยสรุปผมมองว่า "รัฐบาลต้องยืนยันว่าจะไม่ให้ฝ่ายการเมือง หรือราชการเข้าไปครอบงำการบินไทยอีก" นี่คือโจทย์สำคัญ รัฐต้องยืนกรานว่า เจ้าหนี้เดิมต้องรับสภาพตามสถานะที่แท้จริงของบริษัท หากรัฐต้องใส่เงินเพิ่ม ต้องมีเงินจากนักลงทุนเอกชนในสัดส่วนที่มากกว่า ส่วนผลกระทบที่อาจจะเกิดกับเจ้าหนี้บางประเภท เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ ควรมีมาตรการต่างหากมาเยียวยาตามความจำเป็น หากรัฐไม่เจรจาเงื่อนไขที่ดีกว่านี้ เราเอาเงิน 50,000 ล้านไปทำประโยชน์เรื่องอื่นดีกว่า ไม่ว่าจะช่วย SME ให้รอดจากพิษโควิด-19
รายงานข่าวจากบมจ.การบินไทย แจ้งเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนในคดีฟื้นฟูกิจการของบมจ. การบินไทย จากเดิมที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นการประชุมเจ้าหนี้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting) โดยจัดขึ้นในวันและเวลาเดิม วันที่ 12 พ.ค. 2564 เวลา 09.00 น.
นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า อดีต รมว.คลัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กรณี การบินไทย โดยระบุว่า อาจมีการประชุมครม.เร็วๆ นี้ว่าด้วยเรื่อง "การบินไทย" จึงขอเปิดพื้นที่แสดงความคิด เพราะเป็นเรื่องของภาษี 5 หมื่นล้าน กับการตัดสินใจครั้งใหญ่
ตอนที่รัฐบาลตัดสินใจ นำการบินไทยเข้าสู่กระบวนการการฟื้นฟูตามพ.ร.บ.ล้มละลาย หลายคนที่ติดตามเรื่องนี้ล้วนเห็นด้วย ด้วยความหวังว่าเมื่อผ่านกระบวนการฟื้นฟูแล้ว การบินไทยจะบริหารแบบมืออาชีพ มีกำไร มีการเงินที่มั่นคง และที่สำคัญคือ มีสภาพเป็นบริษัทเอกชนเต็มตัว ปลดแอกจากการแทรกแซงโดยรัฐ โดยนักการเมือง และโดยกองทัพเหมือนที่ผ่านมา ต้องบอกว่าผิดหวัง
เมื่อเห็น 2 ทางเลือกที่กระทรวงการคลัง เสนอให้รัฐบาล คือ 1. ให้รัฐใส่ทุนด้วยเงินภาษี 25,000 ล้านบาท และค้ำประกันหนี้ใหม่ 25,000 ล้านบาท และ2.หากรัฐไม่ใส่ทุนก็ต้องค้ำประกันหนี้ใหม่ทั้งหมด การบินไทยต้องกลับมาเป็นรัฐวิสาหกิจ แต่หากบริษัทไปได้ดี มีกำไรในอนาคต รัฐแทบไม่มีโอกาสได้ส่วนแบ่ง เพราะต้องคืนเจ้าหนี้เก่า ในขณะที่เจ้าหนี้ใหม่ สามารถเปลี่ยนหนี้มาเป็นทุนได้สูงถึง 90% ของทุนทั้งหมด
สิ่งที่ควรได้เห็น แต่ผู้เสนอแผนไม่ได้ทำ คือ การยืนยันกับเจ้าหนี้เพื่อลดหนี้เดิม ซึ่งหนี้ที่ไม่ได้ลดลง คือสาเหตุหลักที่ทำให้การบินไทยไม่สามารถระดมทุนจากนักลงทุนใหม่ได้เลย ต้องกลับมาขอเงินรัฐ ก็คือเงินภาษีของประชาชน
"จริงๆ แล้วครั้งนี้ การบินไทยมีโอกาสที่จะรอดมากที่สุด เพราะมีการปรับลดค่าใช้จ่ายรวมถึงเกือบ 50,000 ล้านบาทต่อปี แต่ด้วยโครงสร้างหนี้ จึงทำให้ไม่มีใครพร้อมใส่ทุน รัฐบาลต้องมีคำตอบว่า การอุ้มการบินไทย คนเสียภาษีได้อะไร ถ้าไม่อุ้ม ถ้าเจ้าหนี้ยอมที่จะปล่อยให้บริษัทต้องล้มละลาย (ซึ่งในกรณีนี้ เจ้าหนี้อาจจะได้เงินคืนเพียง10% ของวงเงินสินเชื่อเดิม) จะส่งผลยังไงต่อประชาชนคนไทย"
นายกรณ์ กล่าวว่า เราสามารถสร้างบริษัทการบินไทยขึ้นมาใหม่ ด้วยโครงสร้างองค์กร โครงสร้างทุนและการบริหารที่ดีกว่านี้ได้หรือไม่ โดยสรุปผมมองว่า "รัฐบาลต้องยืนยันว่าจะไม่ให้ฝ่ายการเมือง หรือราชการเข้าไปครอบงำการบินไทยอีก" นี่คือโจทย์สำคัญ รัฐต้องยืนกรานว่า เจ้าหนี้เดิมต้องรับสภาพตามสถานะที่แท้จริงของบริษัท หากรัฐต้องใส่เงินเพิ่ม ต้องมีเงินจากนักลงทุนเอกชนในสัดส่วนที่มากกว่า ส่วนผลกระทบที่อาจจะเกิดกับเจ้าหนี้บางประเภท เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ ควรมีมาตรการต่างหากมาเยียวยาตามความจำเป็น หากรัฐไม่เจรจาเงื่อนไขที่ดีกว่านี้ เราเอาเงิน 50,000 ล้านไปทำประโยชน์เรื่องอื่นดีกว่า ไม่ว่าจะช่วย SME ให้รอดจากพิษโควิด-19
รายงานข่าวจากบมจ.การบินไทย แจ้งเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการประชุมเจ้าหนี้เพื่อพิจารณาแผนในคดีฟื้นฟูกิจการของบมจ. การบินไทย จากเดิมที่จะจัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นการประชุมเจ้าหนี้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Meeting) โดยจัดขึ้นในวันและเวลาเดิม วันที่ 12 พ.ค. 2564 เวลา 09.00 น.