เห็น “ข่าวล่า-มาเรือ” ว่าเครื่องบินลำเลียง “EMERCOM” ขนาดใหญ่โตเบ้อเร่อเบ้อร่าของรัสเซีย...ขนเอาเวชภัณฑ์ อุปกรณ์เครื่องมือด้านสาธารณสุข ยา ตลอดไปจนออกซิเจน เครื่องช่วยหายใจ ฯลฯ ฯลฯ น้ำหนักถึง 22 ตัน บินด่วนไปยังประเทศอินตะระเดีย เพื่อช่วยเหลือ เยียวยากันในยามทุกข์ ยามยาก ก็พอ “ใจชื้น” ขึ้นมาหน่อย โดยเฉพาะวัคซีน “Sputnik V” นั้นเห็นว่าจะตามมาในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง...
ขณะที่คุณพี่จีนแม้จะปะทะ ขัดแย้ง ในเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ ไปจนปัญหาบริเวณแนวพรมแดนกับอินเดียมาโดยตลอด แถมยังอาจตกเป็นเป้าหมายในการ “ปิดล้อม” การถ่วงรั้ง เตะตัดขา โดยการยุแยงตะแคงรั่วจากคุณพ่ออเมริกาอีกต่างหาก แต่ก็ยังมีแก่ใจ...เตรียมส่งออกซิเจน เวชภัณฑ์ ไปจนถึงวัคซีน “Sinovac” “Sinopharm” ถ้าหากอินเดียพร้อมจะยอมรับ อันนี้นี่แหละ...ที่อาจพอช่วยให้อะไรต่อมิอะไรดูดีขึ้นมาได้มั่ง คืออย่างน้อยก็ยังแสดงให้เห็นถึงความมี “น้ำใจ” ยังสะท้อนถึงหัวจิต หัวใจ อันเป็นสิ่งออกจะขาดแคลนมาโดยตลอด สำหรับการแข่งขัน ช่วงชิงความได้เปรียบ-เสียเปรียบ ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ...
เพราะโดยลักษณะอาการของคุณปู่อินตะระเดียช่วงนี้...ต้องเรียกว่า “หนัก” เอามากๆ คนป่วย คนติดเชื้อ เพราะท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 เห็นว่าปาเข้าไปเกือบๆ 20 ล้านในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ตายกันไปในระดับต้องนับกันเป็นนาทีต่อนาที โดยเฉพาะที่กรุงนิวเดลี หรือระดับ 4 นาทีต่อ 1 คน เอาเลยถึงขั้นนั้น แล้วไม่ใช่แค่ขาดออกซิเจน ขาดเตียงพยาบาลกันไปเป็นจุดๆ แต่อาจเรียกว่า “ระบบสาธารณสุขทั้งระบบ” อาจถึงขั้น “ล่มสลาย” เอาง่ายๆ หนักซะยิ่งกว่าบ้านเราไม่รู้กี่สิบ กี่ร้อยเท่าอีกทั้งออกจะเป็นเรื่อง “ยากส์ส์ส์” เอามากๆ สำหรับการแก้ไข แก้ปัญหา การแพร่ระบาดของโรคร้ายในสังคมอินเดีย อันเนื่องมาจาก “ระบบสังคม” ภายในอนุทวีปแห่งนี้ ออกจะเป็นอะไรที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ชนิดยากที่จะเยียวยากันในระยะสั้นๆ ได้ง่ายๆ...
คือนอกจาก “ระบบวรรณะ” ที่ฝังรากมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน นับไม่รู้กี่พันต่อกี่พันปี ตามหลักคิด ตามแนวทางปรัชญาของฮินดู ที่ทำให้เกิดการ “กระจุก” และการ “กระจาย” ซึ่งออกจะไม่สอดคล้องกับความเป็นไปตาม “ธรรมชาติ” มาโดยตลอด อันเป็นสิ่งที่ไล่มาตั้งแต่ “พระสัมมาสัมพุทธเจ้า” ศาสดาแห่งศาสนาพุทธ ไปจนถึงอดีตผู้นำอินเดียและผู้ยึดมั่นในศาสนาฮินดู อย่างท่าน “มหาตะมะ คานธี” ล้วนแสดงความไม่เห็นด้วย ล้วนปฏิเสธและต่อต้านมาด้วยกันทั้งสิ้น แต่ก็ยังคงมิเหือดหาย คลายจาง จนแม้ตราบเท่าทุกวันนี้ การกระจุกและการกระจายที่ไม่ได้สัดส่วนเหล่านี้นี่เอง จึงเป็นตัวซ้ำเติมให้การแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโรคร้ายในสังคมอินเดีย ยิ่งซับซ้อน ซ่อนเงื่อน ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
ยิ่งบวกกับแนวคิด ความเชื่อ ที่บรรดา “นักการเมือง” ประเภท “ชาตินิยมฮินดู” ทั้งหลาย ให้การสนับสนุนกันอย่างเป็นระบบและกิจการ โดยเฉพาะในระยะที่การผงาดขึ้นมาของพรรคการเมืองชาตินิยมฮินดู อย่างพรรค “ภารติยะ ชนะตะ” หรือ “BJP” (Bharatiya Janata) ของนายกฯ “นเรนทรา โมดี” (Narendra Modi) ออกจะมาแรงแซงโค้งยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สามารถดลบันดาลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจ การขยายตัวของตัวเลขจีดีพี ความทันสมัย ก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ไปไกลและไปโลด จนส่งผลให้อินตะระเดียกลายเป็นคู่แข่ง คู่ชิง หรือเป็นผู้ที่มีขีดความสามารถในการ “ปิดล้อม” หรือ “เตะตัดขา” มหาอำนาจรายใหม่ในภูมิภาคเดียวกัน อย่างคุณพี่จีน ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง แต่ขณะที่ “แนวคิด” และ “ความเชื่อ” มันยังไม่ได้ไปไหน ยังคงวนมา-วนไปอยู่กับประเภท “นาร๊ายณ์...นารายณ์” หรือกับบรรดาปวงเทพยดาในรูปแบบต่างๆ อันนี้นี่เอง...ที่มันยิ่งกลายเป็นตัวซ้ำเติมให้ยิ่งแก้ยาก แก้เย็น ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...
อย่างเช่น การแห่ไปสรงสระสนานกันใน “แม่น้ำคงคา” ช่วงที่ท่านเชื้อไวรัสโควิดท่านยังคงแพร่ระบาด อย่างชนิดไม่ได้คิดจะ “หัวตก” เอาเลยแม้แต่น้อย ว่ากันว่า...จำนวนชาวอินตะระเดียที่แห่ไปอาบน้ำในแม่น้ำสายนี้ในช่วงที่ผ่านมา มีจำนวนปาเข้าไปถึง 25 ล้านคนเป็นอย่างน้อย และต่างไม่ได้คิดจะสวมหน้ากาก ไม่ได้คิดเว้นระยะห่างใดๆ ทั้งสิ้น อีกทั้งจะไปว่ากล่าวตักเตือน ไล่ทุบ ไล่ตี แบบคุณพี่จีน หรือแบบเผด็จการ ก็ออกจะลำบากอีกนั่นแหละ เพราะการแห่ไปสรง ไปสระสนานกันในคราวนี้ ล้วนแล้วแต่ได้รับการส่งเสริม สนับสนุน โดยบรรดา “นักการเมือง” ชาตินิยมฮินดูทั้งหลาย ที่ต่างหวังจะได้มาซึ่งคะแนนเสียง คะแนนนิยมเอาไว้ก่อน จำนวนผู้ที่แพร่เชื้อ ติดเชื้อ มันเลยต้องบานปลาย ปลายบาน ไปด้วยประการละฉะนี้ ส่งผลให้คนป่วย คนตาย มันเลยเพิ่มจำนวนพุ่งขึ้นเป็นอันดับ 2 ของโลกกันเห็นๆ...
อีกทั้งเมื่อการ “กระจุก” และการ “กระจาย” มันไม่ได้สอดคล้องกับความเป็นไปตามธรรมชาติ คนจนและคนวรรณะต่ำๆ ต้องแออัดยัดเยียดกันอยู่ในเมืองสำคัญต่างๆ การป่วย การตาย มันจึงหนักหนา-สาหัส ชนิด “ระบบสาธารณสุขทั้งระบบ” ชักเอาไม่อยู่ ขณะที่คนรวยไม่กี่กระจุกและอยู่ในวรรณะสูงๆ กันเป็นส่วนใหญ่ กลับสามารถแย่งเตียง จองเตียงพยาบาล จนแทบไม่เหลือที่ให้กับคนจนๆ โดยเฉพาะคนวรรณะจัณฑาล แถมยังมีเงินพอที่จะ “เหมาลำ” เครื่องบิน บินหนีเชื้อโรคไปยังประเทศต่างๆ กันซะอีกต่างหาก อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...มันจึงไม่ใช่เป็นแค่การแพร่ระบาดของ “เชื้อไวรัสธรรมดาๆ” อีกต่อไป แต่กำลังลุกลามกลายเป็น “เชื้อไวรัสทางสังคม” หรือแม้แต่ “ทางการเมือง” อย่างเห็นได้ชัดเจนยิ่งเข้าไปทุกที โดยอาจนำไปสู่ “ปัญหา” ที่หนักหน่วงยิ่งกว่าปัญหาสุขภาพ สาธารณสุข ยิ่งขึ้นไปใหญ่ กลายเป็นปัญหา “ทิศทางของประเทศ” เอาเลยก็ไม่แน่!!!
คือคงต้องยอมรับว่า...ก่อนและหลังจากที่อินเดียจะได้รับ “เอกราช” กลับคืนจากจ้าวอาณานิคมอังกฤษ ประเทศที่สุดแสนจะเก่าแก่ และเป็นต้นรากของ “ศาสนา” ไม่รู้กี่ต่อกี่ศาสนา ไม่ว่าฮินดู เชน พุทธ และซิกข์ แทบไม่ได้คิดจะเดินไปในแนวทางหรือทิศทาง อย่างที่อินเดียทุกวันนี้กำลังพยายาม “เดินหน้า” ไปตามความปรารถนาของผู้นำอย่างนายกฯ “นเรนทรา โมดี” เอาเลยแม้แต่น้อย เผลอๆ...อาจเป็นไปในทิศทาง “ตรงกันข้าม” แบบชนิด “หน้ามือกับหลังตีน” ก็ว่าได้ อย่างเช่นแนวทางและทิศทางที่อดีตผู้นำ ผู้สามารถเรียกร้อง “เอกราช” กลับคืนมาให้อินเดียได้อย่างเบ็ดเสร็จ สมบูรณ์ เช่นท่าน “มหาตะมะ คานธี” สิ่งที่ท่านเพียรพยายามนำเสนอเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก็ต้องเรียกว่า...เป็น “คนละเรื่อง-คนละม้วน” กับอินเดียยุคนายกฯ “นเรนทรา โมดี” อย่างมิอาจปฏิเสธได้ คือเป็นการย้อนกลับไปสู่ทิศทางที่เรียกว่า “คำตอบอยู่ที่หมู่บ้าน” อะไรประมาณนั้น หรือไม่คิดจะเติบโต ไม่คิดพัฒนาตัวเอง ไปสู่สังคมอุตสาหกรรม สังคมเทคโนโลยีใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมที่จะดำรงตนเองอยู่ใน “ความพอเพียง” ตามแบบฉบับอินตะระเดียครั้งโบร่ำโบราณ หรือพร้อมจะช่วยให้โลกทั้งโลกไม่ถูกรุมทึ้งเพราะ “ฝูงตั๊กแตน” ดังคำกล่าวที่ถูกสรุปไว้ว่า... “พระผู้เป็นเจ้า ทรงห้ามมิให้อินเดียรับเอาระบบอุตสาหกรรมตามแบบอย่างตะวันตก เพราะเพียงแค่ระบบเศรษฐกิจแบบจักรวรรดินิยมของเกาะเล็กๆ อย่างอังกฤษ...ก็ตีตรวนโลกทั้งโลกเอาแล้วทุกวันนี้ ดังนั้นถ้าประเทศที่มีพลเมืองถึง 300 ล้านคน (อินเดียในยุคคานธี) ถือเอาการกอบโกยทางเศรษฐกิจในลักษณะเดียวกัน โลกทั้งโลกก็จะถูกกัดแทะจนไม่เหลืออะไร เหมือนถูกกัดแทะด้วยฝูงตั๊กแตนระดับมหึมา” เป็นต้น...
หรือแม้แต่ย้อนยุคไปถึงสมัย “พระเจ้าอโศกมหาราช” โน่นเลย ใครที่เคยมีโอกาสได้อ่านคำพูด คำบรรยาย ปาฐกถาของบาทหลวงคาทอลิก ชาวอินเดียเชื้อสายสเปน อย่าง “ไรบุนโด ปานิกการ์” เรื่อง “โรมวิสัย” ที่อาจารย์ “วีระ สมบูรณ์” บ้านเราเคยนำสิ่งที่บาทหลวงผู้นี้ หยิบเอา “นิทานภาษาสันสกฤต” ตั้งแต่ยุคพระเจ้าอโศกมหาราช มาแปลและถ่ายทอดไว้เมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ถึง “อันตราย” อันเนื่องมาจากการลอกเลียนแบบสังคมตะวันตก ที่แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “คำพยากรณ์” หรือ “คำสาปแช่ง” เอาเลยก็ว่าได้ ก็อาจพอได้รู้สึก “ปลงๆ” ขึ้นมาบ้าง ต่อความเดือดร้อน ทุกข์ทรมานของชาวอินตะระเดีย ภายใต้การนำของพรรคชาตินิยมฮินดู อย่างพรรคภารติยะ ชนะตะ ในทุกวันนี้...