“พปชร.” ฟาดกันเอง "สามารถ" สั่นสู้ปมถูกแฉจ้างคนเข้าสอบ ป.เอก แทน ลั่นรางวัลนำจับ “คนให้ข้อมูลเท็จ” 2 แสน ยันไม่เคยให้ใครเรียน-สอบแทน "สิระ" แอ่นอกเป็นคนส่งข้อมูลให้สื่อเอง จี้แสดงสปิริตลาออกผู้ช่วย รมต.
จากกรณีมีการนำเสนอข่าวข้าราชการการเมืองสังกัดกระทรวงยุติธรรมชื่อย่อ “ส.” จ้างวานให้คนเข้าเรียนและสอบวิชาภาษาอังกฤษในหลักสูตรปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งแทน จนถูกสั่งตัดสิทธิ์การเรียน และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ระบุว่า เป็น นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นั้น
วานนี้ (15 เม.ย.) นายสามารถ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมเรียนกฏหมายอีกใบ กำลังจะจบในเดือนหน้านี้ ไม่เคยมีประวัติให้ใครไปเรียนแทน ไปสอบแทน เวลาเรียนก็ไปเรียนศุกร์ กลางคืน วัน เสาร์ อาทิตย์ ไม่ใช้เวลาราชการไปเรียน และวิชาภาษาอังกฤษ ผมก็ได้บีบวก นะครับ
ดังนั้น ข่าวที่ออกมาก่อนหน้า ก็เป็นเรื่องหวังผลทางการเมืองบางอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ใช่การให้ข้อเท็จจริงโดยหลักสุจริต ดังนั้นใครให้ข้อมูลที่ว่าใครเป็นแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลต่อสื่อ จนนำไปสู่การฟ้องร้องได้ ผมมอบให้ทันที 2 แสนบาท เพื่อรักษาปกป้องชื่อเสียงของผม และไม่ให้ใช้การเมืองแบบเก่ามาทำลายกัน”
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวฝากไปถึง นายสามารถ ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐด้วย ว่า ขอให้นายสามารถพูดจริง ทำจริง เพราะตนเป็นคนส่งข้อมูลให้ผู้สื่อข่าวเอง นายสามารถจะจ่ายรางวัลนำจับหรือไม่ ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ตนมีหลักฐาน และขอให้พรรคเรียกตนไปสอบเรื่องนี้ หากเป็นจริง พรรคต้องไล่นายสามารถ ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
“นายสามารถเป็นนักการเมืองควรจะแสดงสปิริตลาออก ตำแหน่งนี้พรรคไม่ได้เสนอชื่อนายสามารถ แต่มี ส.ว.คนหนึ่งฝากมา กลับกลายเป็นว่า ไม่ได้ทำประโยชน์ให้พรรค แต่มาสร้างความมัวหมองให้พรรคอีกต่างหาก เรื่องนี้ไม่ต้องให้พรรคสอบสวนเพราะการให้คนไปสอบแทนเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ผมมีหลักฐานเป็นเอกสารทางราชการ นายสามารถไม่ควรออกมาตะแบง มันจะทำให้พรรคพลังประชารัฐ และกระทรวงยุติธรรมเสียหาย” นายสิระ กล่าว
นายสิระ กล่าวอีกว่า การสอบสวนของพรรคก็เป็นขั้นตอนดำเนินการของพรรค แต่ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ก็จะเรียกนายสามารถ, คนที่สอบแทน และอาจารย์ในหลักสูตรนั้นมาชี้แจงเหมือนเดิม พร้อมกับขอฝากไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายตำรวจที่มีชื่อว่าไปสอบแทนนายสามารถด้วยว่า มีคนใช้ให้ไป หรือไปสอบเอง และยังจะมีวุฒิภาวะเหมาะสมที่จะเป็นตำรวจต่อไปหรือไม่ เพราะถือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กระทำการทุจริตเสียเอง
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพลังประชารัฐ ฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยถึงขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนายสามารถที่ทางพรรคตั้งขึ้นว่า ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการฯจะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์หน้าหลังเทศกาลสงกรานต์ ตามกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสมาชิกพรรคคนดังกล่าว ซึ่งพรรคฯมีระบบและมาตรฐานตามข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว โดยขั้นตอนเริ่มจากตรวจสอบข้อมูลต่างๆ จากนั้นจะรวบรวมหลักฐาน และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง คาดว่าจะเป็นช่วงปลายสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ผลการตรวจสอบจะทันตามกรอบเวลาที่หัวหน้าพรรคมอบหมายภายในเวลา 14 วัน
เมื่อถามว่าหากพบว่า เป็นไปตามกระแสข่าวจริงจะมีบทลงโทษตามข้อบังคับพรรคอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ยังไม่อยากปักธงไปก่อน แต่ยืนยันว่าการสอบข้อเท็จจริงจะเป็นไปอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
จากกรณีมีการนำเสนอข่าวข้าราชการการเมืองสังกัดกระทรวงยุติธรรมชื่อย่อ “ส.” จ้างวานให้คนเข้าเรียนและสอบวิชาภาษาอังกฤษในหลักสูตรปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่งแทน จนถูกสั่งตัดสิทธิ์การเรียน และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ระบุว่า เป็น นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม นั้น
วานนี้ (15 เม.ย.) นายสามารถ ได้โพสต์ข้อความชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมเรียนกฏหมายอีกใบ กำลังจะจบในเดือนหน้านี้ ไม่เคยมีประวัติให้ใครไปเรียนแทน ไปสอบแทน เวลาเรียนก็ไปเรียนศุกร์ กลางคืน วัน เสาร์ อาทิตย์ ไม่ใช้เวลาราชการไปเรียน และวิชาภาษาอังกฤษ ผมก็ได้บีบวก นะครับ
ดังนั้น ข่าวที่ออกมาก่อนหน้า ก็เป็นเรื่องหวังผลทางการเมืองบางอย่างแน่นอน ซึ่งไม่ใช่การให้ข้อเท็จจริงโดยหลักสุจริต ดังนั้นใครให้ข้อมูลที่ว่าใครเป็นแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลต่อสื่อ จนนำไปสู่การฟ้องร้องได้ ผมมอบให้ทันที 2 แสนบาท เพื่อรักษาปกป้องชื่อเสียงของผม และไม่ให้ใช้การเมืองแบบเก่ามาทำลายกัน”
ด้าน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวฝากไปถึง นายสามารถ ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐด้วย ว่า ขอให้นายสามารถพูดจริง ทำจริง เพราะตนเป็นคนส่งข้อมูลให้ผู้สื่อข่าวเอง นายสามารถจะจ่ายรางวัลนำจับหรือไม่ ทั้งนี้ตนยืนยันว่า ตนมีหลักฐาน และขอให้พรรคเรียกตนไปสอบเรื่องนี้ หากเป็นจริง พรรคต้องไล่นายสามารถ ออกจากตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี
“นายสามารถเป็นนักการเมืองควรจะแสดงสปิริตลาออก ตำแหน่งนี้พรรคไม่ได้เสนอชื่อนายสามารถ แต่มี ส.ว.คนหนึ่งฝากมา กลับกลายเป็นว่า ไม่ได้ทำประโยชน์ให้พรรค แต่มาสร้างความมัวหมองให้พรรคอีกต่างหาก เรื่องนี้ไม่ต้องให้พรรคสอบสวนเพราะการให้คนไปสอบแทนเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ ผมมีหลักฐานเป็นเอกสารทางราชการ นายสามารถไม่ควรออกมาตะแบง มันจะทำให้พรรคพลังประชารัฐ และกระทรวงยุติธรรมเสียหาย” นายสิระ กล่าว
นายสิระ กล่าวอีกว่า การสอบสวนของพรรคก็เป็นขั้นตอนดำเนินการของพรรค แต่ในฐานะที่ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ก็จะเรียกนายสามารถ, คนที่สอบแทน และอาจารย์ในหลักสูตรนั้นมาชี้แจงเหมือนเดิม พร้อมกับขอฝากไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายตำรวจที่มีชื่อว่าไปสอบแทนนายสามารถด้วยว่า มีคนใช้ให้ไป หรือไปสอบเอง และยังจะมีวุฒิภาวะเหมาะสมที่จะเป็นตำรวจต่อไปหรือไม่ เพราะถือเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่กระทำการทุจริตเสียเอง
ขณะที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพลังประชารัฐ ฝ่ายกฎหมาย เปิดเผยถึงขั้นตอนการทำงานของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนายสามารถที่ทางพรรคตั้งขึ้นว่า ในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการฯจะเริ่มดำเนินการในสัปดาห์หน้าหลังเทศกาลสงกรานต์ ตามกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสมาชิกพรรคคนดังกล่าว ซึ่งพรรคฯมีระบบและมาตรฐานตามข้อบังคับพรรคอยู่แล้ว โดยขั้นตอนเริ่มจากตรวจสอบข้อมูลต่างๆ จากนั้นจะรวบรวมหลักฐาน และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงข้อเท็จจริง คาดว่าจะเป็นช่วงปลายสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ผลการตรวจสอบจะทันตามกรอบเวลาที่หัวหน้าพรรคมอบหมายภายในเวลา 14 วัน
เมื่อถามว่าหากพบว่า เป็นไปตามกระแสข่าวจริงจะมีบทลงโทษตามข้อบังคับพรรคอย่างไร นายไพบูลย์ กล่าวว่า ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ยังไม่อยากปักธงไปก่อน แต่ยืนยันว่าการสอบข้อเท็จจริงจะเป็นไปอย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย