ติดเชื้อโควิดเพิ่ม 1,543 ราย ครึ่งเดือน เม.ย.ป่วยแล้ว 7 พันราย มติ คกก.โรคติดต่อฯ ยังไม่ถึงขั้น "ล็อกดาวน์" ชงยกระดับโซนสีจังหวัด 2 โซน "สีแดง" คุมสูงสุดปิดร้านอาหาร 3 ทุ่ม 18 จังหวัด "สีส้ม" ควบคุม 59 จังหวัด
วานนี้ (15 เม.ย.) นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,543 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,540 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบริการฯ 1,161 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 379 ราย และอีก 3 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 37,453 ราย หายป่วยเพิ่ม 61 ราย อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 8,973 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดสะสมยังอยู๋ที่ 97 ราย
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ 1,540 ราย เป็นผู้ติดเชื้อตามพื้นที่ปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็น สถานบันเทิง 555 ราย แบ่งเป็น กทม. 175 ราย, ปริมณฑล 55 ราย และจังหวัดอื่นๆ 325 ราย ตลาด ชุมชน ระบบขนส่ง 65 ราย ประกอบด้วย กทม. 17 ราย, ปริมณฑล 9 ราย และจังหวัดอื่นๆ 39 ราย และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ 920 ราย ประกอบด้วย กทม. 217 ราย, ปริมณฑล 97 ราย และจังหวัดอื่นๆ 606 ราย
ครึ่งเดือน เม.ย.ติดเชื้อ 7 พัน
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุด ระหว่างวันที่ 1-15 เม.ย.2564 ประกอบด้วย กทม. 2,385 ราย, เชียงใหม่ 1,477 ราย, ชลบุรี 744 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 525 ราย, สมุทรปราการ 476 ราย, นราธิวาส 322 ราย, สมุทรสาคร 234 ราย ปทุมธานี 162 ราย, สระแก้ว 143 ราย และระยอง 117 ราย
นพ.เฉวตสรร เปิดเผยด้วยว่า จากการวิเคราะห์อัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในประเทศไทยตามระลอกการระบาดพบว่า การระบาดระลอกแรกเดือน ม.ค. -14 ธ.ค. 63 รวม 11 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 4,237 ราย อัตราการรักษาหาย 98.58% เสียชีวิต 60 ราย คิดเป็น 1.42% จากนั้นระลอกต่อมาการระบาดตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63-31 มี.ค.64 มีผู้ป่วย 24,626 ราย รักษาหาย 99.86% เสียชีวิต 34 ราย คิดเป็น 0.14% ส่วนระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1-14 เม.ย.64 รวมระยะเวลา 14 วัน มีผู้ป่วยแล้ว 7,074 ราย กำลังรักษาและรักษาหายคิดเป็น 98.58% เสียชีวิต 3 ราย คิดเป็น 0.03%
ยอดผู้ติดเชื้อต่างจังหวัดยังพุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ยอดผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ของวันที่ 15 เม.ย. ในต่างจังหวัดยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ จ.นนทบุรี เพิ่ม 94 ราย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง โดยมีผู้ติดเชื้อที่ อ.ปากเกร็ด 31 ราย, อ.เมือง 30 ราย, อ.บางบัวทอง 17 ราย, อ.บางใหญ่ 9 ราย, อ.บางกรวย 5 ราย และ อ.ไทรน้อย 2 ราย มีอาการ 77 ราย ไม่มีอาการ 17 ราย (19%)
จ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 278 ราย ทำให้ยอดสะสมพุ่งเป็น 1,733 ราย โดยมีคลัสเตอร์ค่ายอาสา นักศึกษา ม.เชียงใหม่ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 77 ราย ติดเชื้อ 34 ราย ไม่พบเชื้อ 41 ราย และอยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 2 ราย ทั้งนี้ยังเชื่อมโยงไปบัง 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ 21 ราย, ตาก 2 ราย, ที่เหลือจังหวัดละ 1 ราย ได้แก่ ชลบุรี, ชุมพร, เชียงราย, นครปฐม, พะเยา, แพร่, ลำปาง, ศรีสะเกษ, สมุทรสาคร, สุราษฎร์ธานี และหนองคาย
นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้ทำแผนที่แสดงการระบาดโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ระลอกเดือน เม.ย.นี้ โดยแบ่งตามภูมิลำเนาของผู้ป่วย โดยแบ่งเป็น 1.โซนสีแดง มีผู้ป่วยติดเชื้อมากกว่า 50 ราย ได้แก่ อ.เมืองเชียงใหม่, สันทราย, หางดง, สารภี และสันกำแพง, 2.โซนสีส้ม ผู้ติดเชื้อจำนวน 11-50 ราย ได้แก่ อ.แม่ริม, ดอยสะเก็ด, สันป่าตอง และดอยหล่อ, 3.โซนสีเหลือง ซึ่งเป็นพื้นที่อำเภอที่พบผู้ป่วยจำนวนน้อยกว่า 10 คน มี 12 อำเภอ และ 4.โซนสีขาว ยังไม่พบผู้ป่วย ได้แก่ อ.กัลยาณิวัฒนา
ชลบุรี-ประจวบฯเกือบร้อย
จ.นครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นรายวันอีก 28 ราย รวมพบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่แล้ว 172 ราย ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับสถานบันเทิงต่างๆหลายพื้นที่ และร้านอาหารหมูกระทะ ซอย 30 กันยา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา
จ.ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 97 ราย เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์สถานบันเทิงหลายแห่งในจังหวัด
จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ป่วยรายใหม่ยืนยันเพิ่มอีก 98 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อ ในการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1-15 เม.ย.64 รวม 525 ราย และจังหวัดถูกปรับพื้นที่เป็นสีแดง
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดมีไทม์ไลน์เชื่อมโยงมาจาก สถานบันเทิง 7 แห่งใน อ.เมืองฯ และ อ.หัวหิน
แบ่ง 2 โซนสี “แดง-ส้ม”
ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2564 ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงฯ และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมการประชุม และประชุมทางไกล โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดพื้นที่ควบคุมโรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยดูจากสถานการณ์ในจังหวัด ความเสี่ยงในการระบาด โดยปรับพื้นที่จังหวัดเป็น 2 ระดับ ดังนี้ 1.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 18 จังหวัด ได้แก่ กทม., เชียงใหม่, ชลบุรี, สมุทรปราการ, ประจวบคีรีขันธ์, สมุทรสาคร, ปทุมธานี, นครปฐม, ภูเก็ต, นครราชสีมา, นนทบุรี, สงขลา, ตาก, อุดรธานี, สุพรรณบุรี, สระแก้ว, ระยอง และขอนแก่น ส่วนที่เหลือ 59 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม)
ชงงดดื่มในร้านอาหาร
นอกจากนี้ยังมีการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรค เพื่อลดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ดังนี้ 1.ปิดสถานบันเทิง ผับ,บาร์,อาบ อบนวด ทุกจังหวัด, 2.ร้านอาหาร นั่งรับประทานในร้านได้ งดจำหน่ายและงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพื้นที่สีแดงเปิดไม่เกินเวลา 21.00 น. สีส้มเปิดไม่เกิน 23.00 น., 3.งดกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มกันเกิน 50 คน กรณีที่จำเป็นให้ขออนุญาตต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร, 4.งดกิจกรรมงานเลี้ยง สังสรรค์ ยกเว้นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน, 5.งดการเรียนการสอนในห้องเรียน และ 6.ปิดสวนสนุกและงดเล่นเครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ ขอความร่วมมือภาคเอกชน Work from Home ให้มากที่สุด เข้มมาตรการองค์กร D-M-H-T-T คือ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนไทยชนะ/ หมอชนะ แยกกันรับประทานอาหาร ผู้ที่เดินทางไปต่างจังหวัด
“ขอความร่วมมือ Work from Home สังเกตอาการ 14 วัน และมาตรการอื่น ๆ เป็นไปตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ทั้งนี้ จะเสนอ มติจากที่ประชุม ฯ ต่อ ศบค. เพื่อพิจารณาในวันนี้ (16 เม.ย.)” นายอนุทิน ระบุ
มีโอกาสล็อกดาวน์บางพื้นที่
ขณะที่ นพ.เฉวตสรร แถลงระหว่างรายงานสถานการณ์ประจำวันถึงกระแสข่าวการล็อกดาวน์ หลังพบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในประเทศเพิ่มขึ้นระดับหลักพันคนต่อวันว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินระดับกระทรวงทุกเช้า ซึ่งได้ประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน และเมื่อเห็นแนวโน้มการติดเชื้อที่เพิ่มสูงมากขึ้น ก็จะมีการเสนอมาตรการจากผู้เชี่ยวชาญ โดยเป็นมาตรการหนัก-เบา ไปตามแต่ละพื้นที่ที่มีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งในรายละเอียดจะได้นำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการวิชาการ ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติวันนี้ ก่อนจะนำมติที่ได้ไปเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 16 เม.ย.ต่อไป
"วิษณุ"เผยอาจมีเคอร์ฟิวบาง จว.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดติดเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ว่า ในช่วงนี้ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคน เนื่องจากที่ผ่านมาเคยใช้มาแล้ว เพราะไม่ใช่แค่การประกาศใช้กฎหมาย หรือบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว แต่มีการออกข้อกำหนด สั่งห้าม เพิ่มเติมด้วย ซึ่งก็ต้องรอผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้ (16 เม.ย.) ส่วนเรื่องการประกาศเคอร์ฟิว หรือกำหนดเวลาออกนอกเคหะสถานนั้น ก็มีความเป็นไปได้ในบางจังหวัด แต่ต้องรอที่ประชุม ศบค.ก่อน ว่าจะมีการเสนอในประเด็นนี้หรือไม่ แต่มองว่ายังไม่เห็นความจำเป็น เพราะการใช้มาตรการยกระดับพื้นที่สีต่างๆ ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
“ยอมรับว่าแพทย์ และสาธารณสุข รายงานมายังรัฐบาล ให้ใช้มาตรการที่เข้มข้น รุนแรง และเด็ดขาด แต่ทางฝ่ายเศรษฐกิจ ขอประเมินผลกระทบโดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ 1-2 วันนี้ ว่าจะมีความสัมพันธ์กับมาตรการที่จะบังคับใช้ใหม่ อย่างไร ซึ่งอาจจะออกมาในแนวทางพบกันครึ่งทาง คือ การใช้วิธีเพิ่มสีให้เข้มขึ้น โดยบางพื้นที่อาจจะต้องยกระดับจากพื้นที่สีส้ม เป็นพื้นที่สีแดง เป็นต้น”
เตรียมออกมาตรการขั้นสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ สมช.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ จะเสนอการยกระดับมาตรการป้องกัน และควบคุมโรค และแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของศปก.สธ. นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.เตรียมจะออกประกาศ และคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การประกาศเรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 11) ประกาศเรื่องการให้ประกาศที่ครม.กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ประกาศเรื่องการให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่ง ที่นายกรัฐมนตรี กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับ อีกทั้งจะมีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ 4/2564 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความใน มาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทย จะเสนอแนะแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามแนวชายแดน.
รัฐบาล แจง 3 แนวทางฝ่าวิกฤต
วันเดียวกัน สำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลขอชี้แจงการบริหารสถานการณ์โควิด 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.สาธารณสุข ยืนยันวัคซีนโควิดที่ไทยใช้ มีประสิทธิภาพสูง และความปลอดภัย ประชาชนสามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและเพิ่มภูมิคุ้มกันของตัวเองได้ ข้อมูลทางระบาดวิทยาและข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ไทยนำมาใช้ ทั้งแอสตราเซเนกา และ ซิโนแวค เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ มีการฉีดวัคซีนสะสมรวม 579,305 โดสหรือเข็ม มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 505,744 คน ในทุกจังหวัดตามเป้าหมาย โดยขณะนี้ยังมีการจัดหาวัคซีนซิโนแวค อีก 1 ล้านโดส ซึ่งอยู่ในประเทศไทยแล้ว รอการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และเอกสาร จะมีการส่งมอบให้กรมควบคุมโรคต่อไป สำหรับวัคซีนหลักที่จะมาถึงไทยในเดือน มิ.ย.ประมาณเดือนละ 6 - 10 ล้านโดส สามารถจะฉีดให้กับประชาชนได้อย่างครบถ้วน
2. สถานการณ์โควิด-19 ในไทย ขณะนี้เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง และนำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่เพื่อนฝูงและชุมชน จำเป็นต้องลดการเคลื่อนที่ของบุคคล ปิดสถานที่เสี่ยง งดกิจกรรมการรวมกลุ่ม โดยสาธารณสุขคาดการณ์ในอีก 1 เดือนข้างหน้า หากไม่มีมาตรการใดๆ จะมีผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดมากกว่า 20,000 คนต่อวัน กรณีมีมาตรการปิดสถานบันเทิงเสี่ยงในจังหวัด จะมีผู้ป่วยติดเชื้อประมาณ 2,996 คนต่อวัน โดยหากมีการเน้นปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล ลดกิจกรรมการรวมตัวกัน เพิ่มมาตรการทำงานที่บ้าน Work From Home สามารถลดผู้ป่วยติดเชื้อจะลดลงมาประมาณ 391 คนต่อวัน
มั่นใจเตียงผู้ป่วยเพียงพอ
และ 3.การบริหารจัดการเตียงผู้ป่วย ภาครัฐมีการบริหารจัดการเตียงเพียงพอในการรองรับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีการจัดเตียงรองรับทั้งจากสถานพยาบาลและโรงแรมแบบ Hospitelรวมกว่า 6 พันเตียง รวมทั้ง รพ.สังกัดกระทรวงกลาโหม มีการเตรียม รพ.สนาม และกรมการแพทย์เตรียมเปิด Hospitelซึ่งจะรองรับได้อีก 450 เตียง และ รพ.รามาธิบดีเตรียมเปิด Hospitels อีก 2 แห่ง อีก 100 เตียง สำหรับกรุงเทพฯ ได้มีการเพิ่ม รพ.สนาม ที่บางขุนเทียน 500 เตียง ที่บางบอน 200 เตียง และเตรียมเปิดที่บางกอกอารีนา จะรับได้อีก 1,000 เตียง สามารถติดต่อไปที่สายด่วน จัดหาเตียง เบอร์ 1669 สำหรับต่จังหวัดต่างๆ จะเข้าศูนย์การบริหารจัดการ สายด่วนกรมการแพทย์ 1668 รับสายเวลา 8.00 – 22.00 น. และ สายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชม. หรือผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ “สบายดีบอต” ซึ่งสามารถให้ข้อมูลติดต่อกลับ และจะมีการจัดสรรเตียงที่เหมะสม
วานนี้ (15 เม.ย.) นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวันว่า พบผู้ป่วยรายใหม่ 1,543 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 1,540 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบริการฯ 1,161 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 379 ราย และอีก 3 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 37,453 ราย หายป่วยเพิ่ม 61 ราย อยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล 8,973 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยอดสะสมยังอยู๋ที่ 97 ราย
สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ 1,540 ราย เป็นผู้ติดเชื้อตามพื้นที่ปัจจัยเสี่ยง แบ่งเป็น สถานบันเทิง 555 ราย แบ่งเป็น กทม. 175 ราย, ปริมณฑล 55 ราย และจังหวัดอื่นๆ 325 ราย ตลาด ชุมชน ระบบขนส่ง 65 ราย ประกอบด้วย กทม. 17 ราย, ปริมณฑล 9 ราย และจังหวัดอื่นๆ 39 ราย และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ 920 ราย ประกอบด้วย กทม. 217 ราย, ปริมณฑล 97 ราย และจังหวัดอื่นๆ 606 ราย
ครึ่งเดือน เม.ย.ติดเชื้อ 7 พัน
นพ.เฉวตสรร กล่าวต่อว่า จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุด ระหว่างวันที่ 1-15 เม.ย.2564 ประกอบด้วย กทม. 2,385 ราย, เชียงใหม่ 1,477 ราย, ชลบุรี 744 ราย, ประจวบคีรีขันธ์ 525 ราย, สมุทรปราการ 476 ราย, นราธิวาส 322 ราย, สมุทรสาคร 234 ราย ปทุมธานี 162 ราย, สระแก้ว 143 ราย และระยอง 117 ราย
นพ.เฉวตสรร เปิดเผยด้วยว่า จากการวิเคราะห์อัตราการป่วยและเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในประเทศไทยตามระลอกการระบาดพบว่า การระบาดระลอกแรกเดือน ม.ค. -14 ธ.ค. 63 รวม 11 เดือนครึ่ง มีผู้ป่วย 4,237 ราย อัตราการรักษาหาย 98.58% เสียชีวิต 60 ราย คิดเป็น 1.42% จากนั้นระลอกต่อมาการระบาดตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.63-31 มี.ค.64 มีผู้ป่วย 24,626 ราย รักษาหาย 99.86% เสียชีวิต 34 ราย คิดเป็น 0.14% ส่วนระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1-14 เม.ย.64 รวมระยะเวลา 14 วัน มีผู้ป่วยแล้ว 7,074 ราย กำลังรักษาและรักษาหายคิดเป็น 98.58% เสียชีวิต 3 ราย คิดเป็น 0.03%
ยอดผู้ติดเชื้อต่างจังหวัดยังพุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ยอดผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ของวันที่ 15 เม.ย. ในต่างจังหวัดยังคงเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยที่ จ.นนทบุรี เพิ่ม 94 ราย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง โดยมีผู้ติดเชื้อที่ อ.ปากเกร็ด 31 ราย, อ.เมือง 30 ราย, อ.บางบัวทอง 17 ราย, อ.บางใหญ่ 9 ราย, อ.บางกรวย 5 ราย และ อ.ไทรน้อย 2 ราย มีอาการ 77 ราย ไม่มีอาการ 17 ราย (19%)
จ.เชียงใหม่ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 278 ราย ทำให้ยอดสะสมพุ่งเป็น 1,733 ราย โดยมีคลัสเตอร์ค่ายอาสา นักศึกษา ม.เชียงใหม่ ที่มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 77 ราย ติดเชื้อ 34 ราย ไม่พบเชื้อ 41 ราย และอยู่ระหว่างรอผลตรวจอีก 2 ราย ทั้งนี้ยังเชื่อมโยงไปบัง 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ 21 ราย, ตาก 2 ราย, ที่เหลือจังหวัดละ 1 ราย ได้แก่ ชลบุรี, ชุมพร, เชียงราย, นครปฐม, พะเยา, แพร่, ลำปาง, ศรีสะเกษ, สมุทรสาคร, สุราษฎร์ธานี และหนองคาย
นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า จังหวัดเชียงใหม่ได้ทำแผนที่แสดงการระบาดโควิด-19 จังหวัดเชียงใหม่ ระลอกเดือน เม.ย.นี้ โดยแบ่งตามภูมิลำเนาของผู้ป่วย โดยแบ่งเป็น 1.โซนสีแดง มีผู้ป่วยติดเชื้อมากกว่า 50 ราย ได้แก่ อ.เมืองเชียงใหม่, สันทราย, หางดง, สารภี และสันกำแพง, 2.โซนสีส้ม ผู้ติดเชื้อจำนวน 11-50 ราย ได้แก่ อ.แม่ริม, ดอยสะเก็ด, สันป่าตอง และดอยหล่อ, 3.โซนสีเหลือง ซึ่งเป็นพื้นที่อำเภอที่พบผู้ป่วยจำนวนน้อยกว่า 10 คน มี 12 อำเภอ และ 4.โซนสีขาว ยังไม่พบผู้ป่วย ได้แก่ อ.กัลยาณิวัฒนา
ชลบุรี-ประจวบฯเกือบร้อย
จ.นครราชสีมา พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นรายวันอีก 28 ราย รวมพบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่แล้ว 172 ราย ส่วนใหญ่เชื่อมโยงกับสถานบันเทิงต่างๆหลายพื้นที่ และร้านอาหารหมูกระทะ ซอย 30 กันยา เขตเทศบาลนครนครราชสีมา
จ.ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 97 ราย เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 จากคลัสเตอร์สถานบันเทิงหลายแห่งในจังหวัด
จ.ประจวบคีรีขันธ์ ผู้ป่วยรายใหม่ยืนยันเพิ่มอีก 98 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อ ในการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1-15 เม.ย.64 รวม 525 ราย และจังหวัดถูกปรับพื้นที่เป็นสีแดง
ทั้งนี้ การแพร่ระบาดมีไทม์ไลน์เชื่อมโยงมาจาก สถานบันเทิง 7 แห่งใน อ.เมืองฯ และ อ.หัวหิน
แบ่ง 2 โซนสี “แดง-ส้ม”
ที่กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2564 ร่วมกับผู้บริหารกระทรวงฯ และผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมการประชุม และประชุมทางไกล โดยคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดพื้นที่ควบคุมโรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยดูจากสถานการณ์ในจังหวัด ความเสี่ยงในการระบาด โดยปรับพื้นที่จังหวัดเป็น 2 ระดับ ดังนี้ 1.พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) 18 จังหวัด ได้แก่ กทม., เชียงใหม่, ชลบุรี, สมุทรปราการ, ประจวบคีรีขันธ์, สมุทรสาคร, ปทุมธานี, นครปฐม, ภูเก็ต, นครราชสีมา, นนทบุรี, สงขลา, ตาก, อุดรธานี, สุพรรณบุรี, สระแก้ว, ระยอง และขอนแก่น ส่วนที่เหลือ 59 จังหวัดเป็นพื้นที่ควบคุม (สีส้ม)
ชงงดดื่มในร้านอาหาร
นอกจากนี้ยังมีการยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรค เพื่อลดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ดังนี้ 1.ปิดสถานบันเทิง ผับ,บาร์,อาบ อบนวด ทุกจังหวัด, 2.ร้านอาหาร นั่งรับประทานในร้านได้ งดจำหน่ายและงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยพื้นที่สีแดงเปิดไม่เกินเวลา 21.00 น. สีส้มเปิดไม่เกิน 23.00 น., 3.งดกิจกรรมที่มีคนรวมกลุ่มกันเกิน 50 คน กรณีที่จำเป็นให้ขออนุญาตต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กรุงเทพมหานคร, 4.งดกิจกรรมงานเลี้ยง สังสรรค์ ยกเว้นสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน, 5.งดการเรียนการสอนในห้องเรียน และ 6.ปิดสวนสนุกและงดเล่นเครื่องเล่นในห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ ขอความร่วมมือภาคเอกชน Work from Home ให้มากที่สุด เข้มมาตรการองค์กร D-M-H-T-T คือ การเว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย 100% ล้างมือบ่อยๆ ตรวจวัดอุณหภูมิ และสแกนไทยชนะ/ หมอชนะ แยกกันรับประทานอาหาร ผู้ที่เดินทางไปต่างจังหวัด
“ขอความร่วมมือ Work from Home สังเกตอาการ 14 วัน และมาตรการอื่น ๆ เป็นไปตามข้อกำหนดใน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ทั้งนี้ จะเสนอ มติจากที่ประชุม ฯ ต่อ ศบค. เพื่อพิจารณาในวันนี้ (16 เม.ย.)” นายอนุทิน ระบุ
มีโอกาสล็อกดาวน์บางพื้นที่
ขณะที่ นพ.เฉวตสรร แถลงระหว่างรายงานสถานการณ์ประจำวันถึงกระแสข่าวการล็อกดาวน์ หลังพบการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดในประเทศเพิ่มขึ้นระดับหลักพันคนต่อวันว่า กระทรวงสาธารณสุขมีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉินระดับกระทรวงทุกเช้า ซึ่งได้ประเมินสถานการณ์เป็นรายวัน และเมื่อเห็นแนวโน้มการติดเชื้อที่เพิ่มสูงมากขึ้น ก็จะมีการเสนอมาตรการจากผู้เชี่ยวชาญ โดยเป็นมาตรการหนัก-เบา ไปตามแต่ละพื้นที่ที่มีสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งในรายละเอียดจะได้นำเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการวิชาการ ในคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติวันนี้ ก่อนจะนำมติที่ได้ไปเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 16 เม.ย.ต่อไป
"วิษณุ"เผยอาจมีเคอร์ฟิวบาง จว.
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ สามารถที่จะควบคุมการแพร่ระบาดติดเชื้อโควิด-19 ได้หรือไม่ว่า ในช่วงนี้ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคน เนื่องจากที่ผ่านมาเคยใช้มาแล้ว เพราะไม่ใช่แค่การประกาศใช้กฎหมาย หรือบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว แต่มีการออกข้อกำหนด สั่งห้าม เพิ่มเติมด้วย ซึ่งก็ต้องรอผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันนี้ (16 เม.ย.) ส่วนเรื่องการประกาศเคอร์ฟิว หรือกำหนดเวลาออกนอกเคหะสถานนั้น ก็มีความเป็นไปได้ในบางจังหวัด แต่ต้องรอที่ประชุม ศบค.ก่อน ว่าจะมีการเสนอในประเด็นนี้หรือไม่ แต่มองว่ายังไม่เห็นความจำเป็น เพราะการใช้มาตรการยกระดับพื้นที่สีต่างๆ ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
“ยอมรับว่าแพทย์ และสาธารณสุข รายงานมายังรัฐบาล ให้ใช้มาตรการที่เข้มข้น รุนแรง และเด็ดขาด แต่ทางฝ่ายเศรษฐกิจ ขอประเมินผลกระทบโดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ 1-2 วันนี้ ว่าจะมีความสัมพันธ์กับมาตรการที่จะบังคับใช้ใหม่ อย่างไร ซึ่งอาจจะออกมาในแนวทางพบกันครึ่งทาง คือ การใช้วิธีเพิ่มสีให้เข้มขึ้น โดยบางพื้นที่อาจจะต้องยกระดับจากพื้นที่สีส้ม เป็นพื้นที่สีแดง เป็นต้น”
เตรียมออกมาตรการขั้นสูงสุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมศบค.ชุดใหญ่วันนี้ ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่มี พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯ สมช.ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ฯ จะเสนอการยกระดับมาตรการป้องกัน และควบคุมโรค และแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของศปก.สธ. นอกจากนี้ ที่ประชุม ศบค.เตรียมจะออกประกาศ และคำสั่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การประกาศเรื่อง การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (คราวที่ 11) ประกาศเรื่องการให้ประกาศที่ครม.กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ประกาศเรื่องการให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่ง ที่นายกรัฐมนตรี กำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ยังคงมีผลใช้บังคับ อีกทั้งจะมีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ 4/2564 เรื่องแนวปฏิบัติตามข้อกำหนดออกตามความใน มาตรา 9 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทย จะเสนอแนะแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามแนวชายแดน.
รัฐบาล แจง 3 แนวทางฝ่าวิกฤต
วันเดียวกัน สำนักโฆษกสำนักเลขาธิการนายกฯรัฐมนตรี ชี้แจงว่า รัฐบาลขอชี้แจงการบริหารสถานการณ์โควิด 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.สาธารณสุข ยืนยันวัคซีนโควิดที่ไทยใช้ มีประสิทธิภาพสูง และความปลอดภัย ประชาชนสามารถฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันและเพิ่มภูมิคุ้มกันของตัวเองได้ ข้อมูลทางระบาดวิทยาและข้อมูลทางวิชาการยืนยันว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ไทยนำมาใช้ ทั้งแอสตราเซเนกา และ ซิโนแวค เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ มีการฉีดวัคซีนสะสมรวม 579,305 โดสหรือเข็ม มีผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 505,744 คน ในทุกจังหวัดตามเป้าหมาย โดยขณะนี้ยังมีการจัดหาวัคซีนซิโนแวค อีก 1 ล้านโดส ซึ่งอยู่ในประเทศไทยแล้ว รอการตรวจทางห้องปฏิบัติการ และเอกสาร จะมีการส่งมอบให้กรมควบคุมโรคต่อไป สำหรับวัคซีนหลักที่จะมาถึงไทยในเดือน มิ.ย.ประมาณเดือนละ 6 - 10 ล้านโดส สามารถจะฉีดให้กับประชาชนได้อย่างครบถ้วน
2. สถานการณ์โควิด-19 ในไทย ขณะนี้เชื่อมโยงกับสถานบันเทิง และนำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่เพื่อนฝูงและชุมชน จำเป็นต้องลดการเคลื่อนที่ของบุคคล ปิดสถานที่เสี่ยง งดกิจกรรมการรวมกลุ่ม โดยสาธารณสุขคาดการณ์ในอีก 1 เดือนข้างหน้า หากไม่มีมาตรการใดๆ จะมีผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดมากกว่า 20,000 คนต่อวัน กรณีมีมาตรการปิดสถานบันเทิงเสี่ยงในจังหวัด จะมีผู้ป่วยติดเชื้อประมาณ 2,996 คนต่อวัน โดยหากมีการเน้นปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล ลดกิจกรรมการรวมตัวกัน เพิ่มมาตรการทำงานที่บ้าน Work From Home สามารถลดผู้ป่วยติดเชื้อจะลดลงมาประมาณ 391 คนต่อวัน
มั่นใจเตียงผู้ป่วยเพียงพอ
และ 3.การบริหารจัดการเตียงผู้ป่วย ภาครัฐมีการบริหารจัดการเตียงเพียงพอในการรองรับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีการจัดเตียงรองรับทั้งจากสถานพยาบาลและโรงแรมแบบ Hospitelรวมกว่า 6 พันเตียง รวมทั้ง รพ.สังกัดกระทรวงกลาโหม มีการเตรียม รพ.สนาม และกรมการแพทย์เตรียมเปิด Hospitelซึ่งจะรองรับได้อีก 450 เตียง และ รพ.รามาธิบดีเตรียมเปิด Hospitels อีก 2 แห่ง อีก 100 เตียง สำหรับกรุงเทพฯ ได้มีการเพิ่ม รพ.สนาม ที่บางขุนเทียน 500 เตียง ที่บางบอน 200 เตียง และเตรียมเปิดที่บางกอกอารีนา จะรับได้อีก 1,000 เตียง สามารถติดต่อไปที่สายด่วน จัดหาเตียง เบอร์ 1669 สำหรับต่จังหวัดต่างๆ จะเข้าศูนย์การบริหารจัดการ สายด่วนกรมการแพทย์ 1668 รับสายเวลา 8.00 – 22.00 น. และ สายด่วน สปสช. 1330 ตลอด 24 ชม. หรือผ่านแอปพลิเคชั่นไลน์ “สบายดีบอต” ซึ่งสามารถให้ข้อมูลติดต่อกลับ และจะมีการจัดสรรเตียงที่เหมะสม