ผู้จัดการรายวัน360 - "ปิยบุตร"เปิดแคมเปญล่า 1 ล้านชื่อแก้รธน. ตั้งเป้า 6 เดือน ลดระดับ ไม่แตะหมวด 1-2 ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่ขอรื้อ "ระบอบประยุทธ์" ก่อน "ธนาธร"โผล่ร่วมลงชื่อ "ขวัญชัย" อดีตแกนนำแดงอุดรฯ ปล่อยวาง ประกาศไม่ยุ่งม็อบ "ม็อบจตุพร" ขณะที่กรมราชทัณฑ์ ย้ายตัว “เพนกวิน” กลับเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังครบกำหนดกักขัง เผยอาการยังอ่อนเพลีย แต่ไม่น่าห่วง ด้าน “รุ้ง” ยังอดอาหารต่อเนื่อง
วานนี้ (6เม.ย.) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการจัดกิจกรรม "ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์" ว่า การล่ารายชื่อเพื่อแก้ไขรธน.ครั้งนี้ ทำในนามของ กลุ่ม Resolutionซึ่งเป็นความร่วมมือของ 4 องค์กร คือ 1. คณะก้าวหน้า 2. พรรคก้าวไกล 3. กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และ โครงการอินเตอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ โดยการลงชื่อครั้งนี้เพื่อเสนอร่างรธน. แก้ไขเพิ่มเติมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดย มี 3 ช่องทางใหญ่ๆ คือ
ช่องทางที่ 1 การยกเลิกรธน. ปี 60 ทั้งฉบับ และทำรธน.ใหม่ทั้งฉบับ โดยปราศจากข้อจำกัดใดๆ ซึ่งในประเทศไทยเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ด้วยวิธีการทำรัฐประหาร ฉีกรธน.ทิ้งและเขียนฉบับใหม่ ซึ่งเราไม่ประสงค์ให้เกิด จึงมีวิธี การที่ 2 คือ ทำประชามติ เพื่อเลิกรธน.ทั้งฉบับ แล้วให้ประชาชนร่วมกันร่างรธน.ใหม่ขึ้นมาทั้งฉบับ โดยปราศจากข้อจำกัด ซึ่งไม่ใช่เป็นการทำประชามติภายใต้ระบบกฎหมายที่เป็นอยู่ แต่ต้องเป็นประชามติ ตามอำนาจสถาปนาของประชาชน
ช่องทางที่ 2 ที่ได้ทำไปแล้วคือการแก้รธน.60 เปิดทางให้มีส.ส.ร.เพื่อทำใหม่ทั้งฉบับ แต่ถูกเบี้ยวลงไปดื้อๆ ถูกทำให้ตกไป
ช่องทางที่ 3 แก้ไขรายมาตรา โดยในรัฐสภาเริ่มมีการพูดกันแล้ว แต่เป็นประเด็นที่เล็กมาก เช่น เรื่องระบบเลือกตั้ง ก็เป็นการแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง หรือแก้ไข ม.144 ให้ส.ส.สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับการใช้งบประมาณ ที่ไม่ได้เป็นการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างใดๆ จึงเป็นที่มาให้กลุ่มของพวกเรา จัดกิจกรรมรณรงค์ออกมาใช้สิทธิ์ของประชาชน เข้าชื่อเสนอแก้ไขรายมาตรา แล้วเสนอแก้ประเด็นใหญ่ๆ เป็นการแก้ไขเพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ เพราะรธน.ฉบับนี้ วางกลไกหลายอย่าง ที่ค้ำยันระบอบประยุทธ์ เอาไว้
ส่วนการแก้ไขอำนาจ ที่มาของ ส.ว.นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเสียงของรัฐสภาไม่แยแสเสียงของประชาชน ตีตกในข้อเสนอ หลายคนเป็นห่วงว่า ล่ารายชื่อไปก็หวั่นจะโดนตีตกอีก แต่ครั้งนี้จะแตกต่างจากเดิม โดยจะรณรงค์ให้ได้รายชื่อมากขึ้น และในประเด็นที่พุ่งตรง ที่เป็นใจกลางของปัญหารธน. คือ ส.ว. 250 คน ซึ่งถ้าหากเราได้รายชื่อหลายแสนคน หรือเป็นล้านคน ส.ว.ทั้ง 250 คน จะต้องถูกกดดัน ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด และหาก ส.ว. ยังไม่แยแสเสียงเรียกร้องของประชาชน ผลลัพธ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
นายปิยบุตร กล่าวว่า การล่ารายชื่อครั้งนี้ ตั้งเป้าใช้เวลา 6 เดือน ดูว่าจะได้จำนวนรายชื่อมากพอหรือไม่ แต่ต้องให้เกิน 5 หมื่นชื่อ หรืออาจจะถึงหลักแสน หลักล้านเพื่อให้เป็นนัยยะสำคัญในการส่งเสียงไปถึงสถาบันการเมือง และ ส.ว.
เมื่อถามว่า หมวด 1 และ หมวด 2 นั้นเป็นการลดเพดาน เพื่อเพิ่มแนวร่วม ใช่หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ต้นยังยืนยันว่า รธน.ใหม่ต้องทำทั้งฉบับ โดยเฉพาะใน หมวด 2 มีหลายส่วน ต้องปรับปรุงแก้ไข และรธน.ไทยไม่ได้ห้ามการแก้ หมวด 1 และ หมวด 2 แต่สำหรับการรณรงค์ในครั้งนี้ เรามุ่งเน้นไปที่กลไกการขัดขวางการแก้รธน. ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจ ของคสช.ไว้ ส่วนประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็จะรณรงค์ทางความคิดและทางวิชาการต่อไป
"อนาคต หากต้องการแก้ไข หมวด 1 และ หมวด 2 มีประเด็นใดบ้างที่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย วันนี้เรามุ่งเป้าที่ 4 ประเด็นใหญ่ คือ การยกเลิกวุฒิสภา โละศาลรธน. เรื่องขององค์กรอิสระ การยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิรูปประเทศ ล้างมรดกคณะรัฐประหาร การไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้สนใจเรื่องนั้น วันนี้ เราแค่รณรงค์ 4 ประเด็น นี้ก่อน" นายปิยบุตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การเปิดแคมเปญ "ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์" ที่ใต้ตึกคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีผู้ที่ทยอยเข้าลงรายชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา รวมถึงแนวร่วมผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ส.ส.พรรคก้าวไกล รวมทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็ได้มาร่วมลงชื่อด้วย แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
'อดีตแกนนำแดงอุดรฯ ปล่อยวางไม่ยุ่ง'ม็อบจตุพร'
หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงหลายกลุ่มออกมาแถลงไม่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่งนั้น
วานนี้ (6 เม.ย.) นายขวัญชัย สาราคำ หรือนายขวัญชัย ไพรพนา อดีตแกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การชุมนุมที่มีกลุ่มคน 2 ขั้วมาชุมนุมตอนนี้ ขอบอกว่าความจริงก็คือความจริง ทุกวันนี้คนเสื้อเหลืองก็ไม่ใช่ว่าไม่รักชาติ ไม่รักประชาธิปไตย เขารักประชาธิปไตย แต่อยู่ที่การนำชักจูงไปในทางหนึ่งทางใดไม่ถูกต้อง แล้วก็กลับมาเป็นอิสรเสรีภาพ นี่คือมวลชนที่แท้จริงที่รักประชาธิปไตย รักความถูกต้อง ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คนรากหญ้ารวมตัวกันขึ้นมาโดยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครจ้างด้วย
“ขอยืนยันว่าจะให้ผมไปเป็นแกนนำคนคนเสื้อแดงอุดรธานี พามวลชนเดินทางไปชุมนุม ไปไหนต่อไหน ผมไม่ทำแล้ว ขอปล่อยวาง ไม่ไหวแล้ว เพราะผมมีภรรยาเป็น ส.ส. มีลูกชายเป็น สจ. เราก็ไม่อยากให้เขามาเดือดร้อนด้วย และไม่ชี้นำอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปตามธรรมชาติดีกว่า เราไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้นเพราะวันนี้เป็นวันของเด็กรุ่นใหม่ เราคนรุ่นเก่าก็อยู่เบื้องหลัง คอยให้กำลังใจให้คำแนะนำ ขอฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมให้กำลังใจนายจตุพร และพี่น้องผองเพื่อนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ขอให้สามัคคีกันไว้ดีที่สุดอย่ามาทะเลาะกันเอง มันจะเข้าทางฝ่ายผู้มีอำนาจ เราอย่าไปหลงทางเขาเด็ดขาด” นายขวัญชัย กล่าว
นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีคนเสื้อแดงอุดรธานียกทัพไปเสริมการชุมนุมที่กรุงเทพฯหรือไม่นั้น ตอนนี้การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งก็ปล่อยให้สมาชิกพากันไปเอง เนื่องจากสมาชิกคนเสื้อแดงเขายังมีความมุ่งมั่นในเรื่องระบอบประชาธิปไตยอยู่ เขาก็จะเดินทางไปร่วมชุมนุมกันอยู่ หลังสงกรานต์ก็เห็นว่าจะมีหลายคันรถตู้ ซึ่งก็เป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน บอกตรงๆตอนนี้ตัวตนขอเก็บตัว อยู่เฉยๆให้เด็กรุ่นใหม่ เขาเคลื่อนไหวกันไป
“เรามันหมดยุคของเรา และการเคลื่อนไหวทางการเมืองนี้ไม่ไหวแล้ว เพราะภรรยาเป็น ส.ส. ลูกชายเป็น สจ. คือเราไปยุ่งมากก็จะทำให้เสียหายด้วย ก็เลยเลือกอยู่เฉยๆดีกว่า” นายขวัญชัย กล่าว
ย้าย"เพนกวิน"กลับเรือนจำฯ หลังครบกำหนดขัง
นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง ความคืบหน้าอาการของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ว่า ผอ.สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พยาบาลได้เข้าตรวจเยี่ยมติดตามอาการของนายพริษฐ์ ก่อนส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามหมายศาล พบผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีสีหน้าสดชื่น มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย ริมฝีปากชุ่มชื้นดี และยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร จึงยังคงดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาอยู่ พร้อมให้ดื่มเกลือแร่ทดแทน เบื้องต้นไม่มีอาการปวดแสบท้อง สัญญาณชีพโดยทั่วไปปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.8 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 64 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 103/76 มิลลิเมตรปรอท น้ำหนัก 99 กิโลกรัม อาการผื่นคันบริเวณหน้าอกและหลังดีขึ้น อาการภูมิแพ้ขึ้นตาดีขึ้นเป็นลำดับ
ทั้งนี้ สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ได้ส่งตัวนายพริษฐ์ ไปฝากขังต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เวลา 08.00 น. เนื่องจากหมดระยะเวลาการกักขังตามหมายศาล ที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี
ด้านนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำสถานพยาบาล ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้เข้าตรวจสุขภาพประจำวัน พบนางสาวปนัสยา รู้สึกตัวดี สามารถพูดคุยรู้เรื่องและเข้าใจ มีปฏิสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือตัวเองได้ปกติ
จากการตรวจร่างกายสัญญาณชีพปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 องศาเซลเซียสความดันโลหิต 111/64 มิลลิเมตรปรอทชีพจร 78 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที ออกซิเจนในเลือด 98 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 107.1 กิโลกรัม สุขภาพร่างกายโดยทั่วไปปกติ ไม่มีอาการเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ไม่กระหายน้ำ ผิวหนังและริมฝีปากชุ่มชื้นดี เปลือกตาไม่ซีด เล็บมือและฝ่ามือมีสีชมพู ไม่มีสัญญาณของภาวะ Dehydration หรือ ขาดน้ำ
โดยเบื้องต้น หลังจากครบกำหนดการอดอาหารที่แจ้งไว้เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 64 นางสาวปนัสยา แจ้งว่าจะขออดอาหารต่อเนื่องโดยไม่มีกำหนด
วานนี้ (6เม.ย.) ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า กล่าวถึงการจัดกิจกรรม "ขอคนละชื่อรื้อระบอบประยุทธ์" ว่า การล่ารายชื่อเพื่อแก้ไขรธน.ครั้งนี้ ทำในนามของ กลุ่ม Resolutionซึ่งเป็นความร่วมมือของ 4 องค์กร คือ 1. คณะก้าวหน้า 2. พรรคก้าวไกล 3. กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า และ โครงการอินเตอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ โดยการลงชื่อครั้งนี้เพื่อเสนอร่างรธน. แก้ไขเพิ่มเติมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา โดย มี 3 ช่องทางใหญ่ๆ คือ
ช่องทางที่ 1 การยกเลิกรธน. ปี 60 ทั้งฉบับ และทำรธน.ใหม่ทั้งฉบับ โดยปราศจากข้อจำกัดใดๆ ซึ่งในประเทศไทยเคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ด้วยวิธีการทำรัฐประหาร ฉีกรธน.ทิ้งและเขียนฉบับใหม่ ซึ่งเราไม่ประสงค์ให้เกิด จึงมีวิธี การที่ 2 คือ ทำประชามติ เพื่อเลิกรธน.ทั้งฉบับ แล้วให้ประชาชนร่วมกันร่างรธน.ใหม่ขึ้นมาทั้งฉบับ โดยปราศจากข้อจำกัด ซึ่งไม่ใช่เป็นการทำประชามติภายใต้ระบบกฎหมายที่เป็นอยู่ แต่ต้องเป็นประชามติ ตามอำนาจสถาปนาของประชาชน
ช่องทางที่ 2 ที่ได้ทำไปแล้วคือการแก้รธน.60 เปิดทางให้มีส.ส.ร.เพื่อทำใหม่ทั้งฉบับ แต่ถูกเบี้ยวลงไปดื้อๆ ถูกทำให้ตกไป
ช่องทางที่ 3 แก้ไขรายมาตรา โดยในรัฐสภาเริ่มมีการพูดกันแล้ว แต่เป็นประเด็นที่เล็กมาก เช่น เรื่องระบบเลือกตั้ง ก็เป็นการแก้เพื่อประโยชน์ของนักการเมือง หรือแก้ไข ม.144 ให้ส.ส.สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมกับการใช้งบประมาณ ที่ไม่ได้เป็นการสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างใดๆ จึงเป็นที่มาให้กลุ่มของพวกเรา จัดกิจกรรมรณรงค์ออกมาใช้สิทธิ์ของประชาชน เข้าชื่อเสนอแก้ไขรายมาตรา แล้วเสนอแก้ประเด็นใหญ่ๆ เป็นการแก้ไขเพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ เพราะรธน.ฉบับนี้ วางกลไกหลายอย่าง ที่ค้ำยันระบอบประยุทธ์ เอาไว้
ส่วนการแก้ไขอำนาจ ที่มาของ ส.ว.นั้น นายปิยบุตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาเสียงของรัฐสภาไม่แยแสเสียงของประชาชน ตีตกในข้อเสนอ หลายคนเป็นห่วงว่า ล่ารายชื่อไปก็หวั่นจะโดนตีตกอีก แต่ครั้งนี้จะแตกต่างจากเดิม โดยจะรณรงค์ให้ได้รายชื่อมากขึ้น และในประเด็นที่พุ่งตรง ที่เป็นใจกลางของปัญหารธน. คือ ส.ว. 250 คน ซึ่งถ้าหากเราได้รายชื่อหลายแสนคน หรือเป็นล้านคน ส.ว.ทั้ง 250 คน จะต้องถูกกดดัน ต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด และหาก ส.ว. ยังไม่แยแสเสียงเรียกร้องของประชาชน ผลลัพธ์ทางการเมืองจะเปลี่ยนไปอย่างแน่นอน
นายปิยบุตร กล่าวว่า การล่ารายชื่อครั้งนี้ ตั้งเป้าใช้เวลา 6 เดือน ดูว่าจะได้จำนวนรายชื่อมากพอหรือไม่ แต่ต้องให้เกิน 5 หมื่นชื่อ หรืออาจจะถึงหลักแสน หลักล้านเพื่อให้เป็นนัยยะสำคัญในการส่งเสียงไปถึงสถาบันการเมือง และ ส.ว.
เมื่อถามว่า หมวด 1 และ หมวด 2 นั้นเป็นการลดเพดาน เพื่อเพิ่มแนวร่วม ใช่หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ต้นยังยืนยันว่า รธน.ใหม่ต้องทำทั้งฉบับ โดยเฉพาะใน หมวด 2 มีหลายส่วน ต้องปรับปรุงแก้ไข และรธน.ไทยไม่ได้ห้ามการแก้ หมวด 1 และ หมวด 2 แต่สำหรับการรณรงค์ในครั้งนี้ เรามุ่งเน้นไปที่กลไกการขัดขวางการแก้รธน. ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจ ของคสช.ไว้ ส่วนประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ก็จะรณรงค์ทางความคิดและทางวิชาการต่อไป
"อนาคต หากต้องการแก้ไข หมวด 1 และ หมวด 2 มีประเด็นใดบ้างที่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย วันนี้เรามุ่งเป้าที่ 4 ประเด็นใหญ่ คือ การยกเลิกวุฒิสภา โละศาลรธน. เรื่องขององค์กรอิสระ การยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ และแผนปฏิรูปประเทศ ล้างมรดกคณะรัฐประหาร การไม่แตะ หมวด 1 หมวด 2 ไม่ได้หมายความว่า เราไม่ได้สนใจเรื่องนั้น วันนี้ เราแค่รณรงค์ 4 ประเด็น นี้ก่อน" นายปิยบุตร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การเปิดแคมเปญ "ขอคนละชื่อ รื้อระบอบประยุทธ์" ที่ใต้ตึกคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ มีผู้ที่ทยอยเข้าลงรายชื่ออย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษา รวมถึงแนวร่วมผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎร ส.ส.พรรคก้าวไกล รวมทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ก็ได้มาร่วมลงชื่อด้วย แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ
'อดีตแกนนำแดงอุดรฯ ปล่อยวางไม่ยุ่ง'ม็อบจตุพร'
หลังจากที่กลุ่มคนเสื้อแดงหลายกลุ่มออกมาแถลงไม่เข้าร่วมการเคลื่อนไหวกับนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่งนั้น
วานนี้ (6 เม.ย.) นายขวัญชัย สาราคำ หรือนายขวัญชัย ไพรพนา อดีตแกนนำคนเสื้อแดง จ.อุดรธานี ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การชุมนุมที่มีกลุ่มคน 2 ขั้วมาชุมนุมตอนนี้ ขอบอกว่าความจริงก็คือความจริง ทุกวันนี้คนเสื้อเหลืองก็ไม่ใช่ว่าไม่รักชาติ ไม่รักประชาธิปไตย เขารักประชาธิปไตย แต่อยู่ที่การนำชักจูงไปในทางหนึ่งทางใดไม่ถูกต้อง แล้วก็กลับมาเป็นอิสรเสรีภาพ นี่คือมวลชนที่แท้จริงที่รักประชาธิปไตย รักความถูกต้อง ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้คนรากหญ้ารวมตัวกันขึ้นมาโดยความสมัครใจ ไม่มีใครบังคับ ไม่มีใครจ้างด้วย
“ขอยืนยันว่าจะให้ผมไปเป็นแกนนำคนคนเสื้อแดงอุดรธานี พามวลชนเดินทางไปชุมนุม ไปไหนต่อไหน ผมไม่ทำแล้ว ขอปล่อยวาง ไม่ไหวแล้ว เพราะผมมีภรรยาเป็น ส.ส. มีลูกชายเป็น สจ. เราก็ไม่อยากให้เขามาเดือดร้อนด้วย และไม่ชี้นำอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้การต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยไปตามธรรมชาติดีกว่า เราไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้นเพราะวันนี้เป็นวันของเด็กรุ่นใหม่ เราคนรุ่นเก่าก็อยู่เบื้องหลัง คอยให้กำลังใจให้คำแนะนำ ขอฝากถึงกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมให้กำลังใจนายจตุพร และพี่น้องผองเพื่อนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน ขอให้สามัคคีกันไว้ดีที่สุดอย่ามาทะเลาะกันเอง มันจะเข้าทางฝ่ายผู้มีอำนาจ เราอย่าไปหลงทางเขาเด็ดขาด” นายขวัญชัย กล่าว
นายขวัญชัย กล่าวอีกว่า ส่วนจะมีคนเสื้อแดงอุดรธานียกทัพไปเสริมการชุมนุมที่กรุงเทพฯหรือไม่นั้น ตอนนี้การเคลื่อนไหวแต่ละครั้งก็ปล่อยให้สมาชิกพากันไปเอง เนื่องจากสมาชิกคนเสื้อแดงเขายังมีความมุ่งมั่นในเรื่องระบอบประชาธิปไตยอยู่ เขาก็จะเดินทางไปร่วมชุมนุมกันอยู่ หลังสงกรานต์ก็เห็นว่าจะมีหลายคันรถตู้ ซึ่งก็เป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละคน บอกตรงๆตอนนี้ตัวตนขอเก็บตัว อยู่เฉยๆให้เด็กรุ่นใหม่ เขาเคลื่อนไหวกันไป
“เรามันหมดยุคของเรา และการเคลื่อนไหวทางการเมืองนี้ไม่ไหวแล้ว เพราะภรรยาเป็น ส.ส. ลูกชายเป็น สจ. คือเราไปยุ่งมากก็จะทำให้เสียหายด้วย ก็เลยเลือกอยู่เฉยๆดีกว่า” นายขวัญชัย กล่าว
ย้าย"เพนกวิน"กลับเรือนจำฯ หลังครบกำหนดขัง
นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึง ความคืบหน้าอาการของนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ว่า ผอ.สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พยาบาลได้เข้าตรวจเยี่ยมติดตามอาการของนายพริษฐ์ ก่อนส่งตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครตามหมายศาล พบผู้ป่วยรู้สึกตัวดี มีสีหน้าสดชื่น มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย ริมฝีปากชุ่มชื้นดี และยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร จึงยังคงดูแลให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำตามแผนการรักษาอยู่ พร้อมให้ดื่มเกลือแร่ทดแทน เบื้องต้นไม่มีอาการปวดแสบท้อง สัญญาณชีพโดยทั่วไปปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.8 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 64 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 103/76 มิลลิเมตรปรอท น้ำหนัก 99 กิโลกรัม อาการผื่นคันบริเวณหน้าอกและหลังดีขึ้น อาการภูมิแพ้ขึ้นตาดีขึ้นเป็นลำดับ
ทั้งนี้ สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี ได้ส่งตัวนายพริษฐ์ ไปฝากขังต่อที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เวลา 08.00 น. เนื่องจากหมดระยะเวลาการกักขังตามหมายศาล ที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี
ด้านนางสาวปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำสถานพยาบาล ทัณฑสถานหญิงกลาง ได้เข้าตรวจสุขภาพประจำวัน พบนางสาวปนัสยา รู้สึกตัวดี สามารถพูดคุยรู้เรื่องและเข้าใจ มีปฏิสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือตัวเองได้ปกติ
จากการตรวจร่างกายสัญญาณชีพปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 องศาเซลเซียสความดันโลหิต 111/64 มิลลิเมตรปรอทชีพจร 78 ครั้ง/นาที อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที ออกซิเจนในเลือด 98 เปอร์เซ็นต์ น้ำหนัก 107.1 กิโลกรัม สุขภาพร่างกายโดยทั่วไปปกติ ไม่มีอาการเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ไม่กระหายน้ำ ผิวหนังและริมฝีปากชุ่มชื้นดี เปลือกตาไม่ซีด เล็บมือและฝ่ามือมีสีชมพู ไม่มีสัญญาณของภาวะ Dehydration หรือ ขาดน้ำ
โดยเบื้องต้น หลังจากครบกำหนดการอดอาหารที่แจ้งไว้เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 64 นางสาวปนัสยา แจ้งว่าจะขออดอาหารต่อเนื่องโดยไม่มีกำหนด