องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ออกจม.เปิดผนึกถึง “ศักดิ์สยาม” ค้านเร่งก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ สุวรรณภูมิ แนะยึดตามผลการศึกษา ป.ป.ช.-มติ ครม.-กติกาสังคม มองผลเสียกับประเทศ-ปชช.หวั่นซ้ำรอยจำนำข้าว
วานนี้ (1 เม.ย.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เรื่อง ขอให้ดำเนินการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ตามข้อศึกษาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยความเคารพในกติกาสังคม กรณีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ยืนยันจะดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือของสนามบินสุวรรณภูมิต่อไป แม้ว่าทาง ป.ป.ช.ได้จัดทำรายงานผลการศึกษา และข้อเสนอแนะคัดค้านการเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ หรือหากจำเป็น ก็ให้ลงทุนก่อสร้างเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบกับข้อเสนอแนะนี้แล้ว เมื่อวันที่ 23 มี.ค.64
“ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. เป็นผลจากการศึกษาข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ องค์กรวิชาชีพด้านวิศวกร สถาปนิก และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างกว้างขวางแล้ว ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสมควรต้องเคารพต่อข้อมูล และข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ดูแลเรื่องทุจริตคอร์รัปชันของชาติ บทเรียนจากกรณีทุจริตจำนำข้าว ที่อดีตนายกฯ รัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงหลายรายต้องถูกดำเนินคดี และชดใช้ความเสียที่เกิดขึ้นกับแผ่นดิน เกิดจากการดำเนินการโดยไม่คำนึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ สร้างความเสียหายและเสื่อมเสียต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้โปรดทบทวนท่าทีต่อการตัดสินใจเรื่องนี้ด้วย” องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ระบุ
ด้าน นายศักดิ์สยาม กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ป.ป.ช.มีอำนาจตามกฎหมายในการเสนอความคิดเห็น ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะนำความเห็นมาประกอบกับ มติในการประชุม คณะกรรมการพิจารณาแนวทาง การเพิ่มขีดความสามารถอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ เป็นประธาน โดยคณะกรรมการฯ เห็นถึงความจำเป็นในการดำเนินการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ด้านทิศเหนือ เนื่องจากประสบปัญหาเทอร์มินอลไม่เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา หากก่อสร้างส่วนต่อขยายเฉพาะอาคารด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ตามข้อเสนอของ ป.ป.ช. จะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มด้านละ 15 ล้านคน/ปี รวมกับอาคารหลัก และ SAT 1 อีก 60 ล้านคน/ปี รวมกันเป็น 90 ล้านคน/ปี แต่ต้องไม่ลืมว่า ปัจจุบันสุวรรณภูมิมีการก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการขึ้นลงของเครื่องบิน และทำให้ Slot การบินเพิ่มขึ้นจาก 60 ล้านคนเป็น 90 ล้านคน /ปี แม้อาคารผู้โดยสารจะรับได้ 90 ล้านคน/ปี พอดีกัน แต่การเดินทางของผู้โดยสารจะมากกว่า และจากสถานการณ์โควิด การบริหารมาตรการเว้นระยะห่างจากสังคม ขีดความสามารถ 90 ล้านคน/ปี เชื่อว่าจะเกิดความแออัดเหมือนเดิม
ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามเรื่องทุจริต นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ทุจริตหรือไม่นั้นต้องไปดูที่ราคาค่าก่อสร้าง ดูการประมูล หากราคาค่าก่อสร้างแพง หรือประมูลมีล็อกสเปก ก็เข้าข่ายทุจริต แต่วันนี้ยังไม่มีอะไร ขณะที่ยืนยันหลักการต้องก่อสร้างทั้ง 3 อาคาร คือ อาคารทิศเหนือ ต่อขยายอาคารด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ล่าสุดได้พบกับเลขาฯ สภาพัฒน์ ให้ข้อเสนอแนะในการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารด้านตะวันออก และตะวันตก ให้ก่อสร้างจากด้านนอกเข้ามาเพื่อให้กระทบต่ออาคารหลักน้อยที่สุด ซึ่งจะให้ ทอท.รับไปดำเนินการ
"ผมรับความเห็นของป.ป.ช. มาประกอบการพิจารณา และจะดูให้รอบคอบในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันอย่างดี” นายศักดิ์สยาม กล่าวย้ำ
วานนี้ (1 เม.ย.) องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เรื่อง ขอให้ดำเนินการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ตามข้อศึกษาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ด้วยความเคารพในกติกาสังคม กรณีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท.ยืนยันจะดำเนินการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือของสนามบินสุวรรณภูมิต่อไป แม้ว่าทาง ป.ป.ช.ได้จัดทำรายงานผลการศึกษา และข้อเสนอแนะคัดค้านการเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ หรือหากจำเป็น ก็ให้ลงทุนก่อสร้างเป็นลำดับสุดท้าย ซึ่งที่ประชุม ครม.ได้มีมติเห็นชอบกับข้อเสนอแนะนี้แล้ว เมื่อวันที่ 23 มี.ค.64
“ข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. เป็นผลจากการศึกษาข้อมูลของสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ องค์กรวิชาชีพด้านวิศวกร สถาปนิก และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างกว้างขวางแล้ว ดังนั้น ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายสมควรต้องเคารพต่อข้อมูล และข้อเสนอแนะของ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรหลักที่ดูแลเรื่องทุจริตคอร์รัปชันของชาติ บทเรียนจากกรณีทุจริตจำนำข้าว ที่อดีตนายกฯ รัฐมนตรี และข้าราชการระดับสูงหลายรายต้องถูกดำเนินคดี และชดใช้ความเสียที่เกิดขึ้นกับแผ่นดิน เกิดจากการดำเนินการโดยไม่คำนึงผลเสียที่เกิดขึ้นต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ สร้างความเสียหายและเสื่อมเสียต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้โปรดทบทวนท่าทีต่อการตัดสินใจเรื่องนี้ด้วย” องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ระบุ
ด้าน นายศักดิ์สยาม กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ป.ป.ช.มีอำนาจตามกฎหมายในการเสนอความคิดเห็น ซึ่งกระทรวงคมนาคมจะนำความเห็นมาประกอบกับ มติในการประชุม คณะกรรมการพิจารณาแนวทาง การเพิ่มขีดความสามารถอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ที่มี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ เป็นประธาน โดยคณะกรรมการฯ เห็นถึงความจำเป็นในการดำเนินการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ด้านทิศเหนือ เนื่องจากประสบปัญหาเทอร์มินอลไม่เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามา หากก่อสร้างส่วนต่อขยายเฉพาะอาคารด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ตามข้อเสนอของ ป.ป.ช. จะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มด้านละ 15 ล้านคน/ปี รวมกับอาคารหลัก และ SAT 1 อีก 60 ล้านคน/ปี รวมกันเป็น 90 ล้านคน/ปี แต่ต้องไม่ลืมว่า ปัจจุบันสุวรรณภูมิมีการก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 เพื่อไม่ให้กระทบต่อการให้บริการขึ้นลงของเครื่องบิน และทำให้ Slot การบินเพิ่มขึ้นจาก 60 ล้านคนเป็น 90 ล้านคน /ปี แม้อาคารผู้โดยสารจะรับได้ 90 ล้านคน/ปี พอดีกัน แต่การเดินทางของผู้โดยสารจะมากกว่า และจากสถานการณ์โควิด การบริหารมาตรการเว้นระยะห่างจากสังคม ขีดความสามารถ 90 ล้านคน/ปี เชื่อว่าจะเกิดความแออัดเหมือนเดิม
ส่วนกรณีที่มีการตั้งคำถามเรื่องทุจริต นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ทุจริตหรือไม่นั้นต้องไปดูที่ราคาค่าก่อสร้าง ดูการประมูล หากราคาค่าก่อสร้างแพง หรือประมูลมีล็อกสเปก ก็เข้าข่ายทุจริต แต่วันนี้ยังไม่มีอะไร ขณะที่ยืนยันหลักการต้องก่อสร้างทั้ง 3 อาคาร คือ อาคารทิศเหนือ ต่อขยายอาคารด้านทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ล่าสุดได้พบกับเลขาฯ สภาพัฒน์ ให้ข้อเสนอแนะในการก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารด้านตะวันออก และตะวันตก ให้ก่อสร้างจากด้านนอกเข้ามาเพื่อให้กระทบต่ออาคารหลักน้อยที่สุด ซึ่งจะให้ ทอท.รับไปดำเนินการ
"ผมรับความเห็นของป.ป.ช. มาประกอบการพิจารณา และจะดูให้รอบคอบในเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันอย่างดี” นายศักดิ์สยาม กล่าวย้ำ