xs
xsm
sm
md
lg

“พาณิชย์”ชี้เป้าผลประโยชน์RCEP ส่งออกไทยเฮ! 2.9หมื่นสินค้าภาษี0%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน360-“พาณิชย์”ชำแหละผลประโยชน์ไทยภายใต้ความตกลง RCEP พบสินค้ากว่า 2.9 หมื่นรายการ จะลดภาษีเหลือ 0% ตั้งแต่ 1 ม.ค.65 แถมนักลงทุนไทยได้สิทธิ์ถือหุ้นในภาคบริการได้สูงถึง 70-80% เร่งอำนวยความสะดวกเปิด RCEP Center ชี้เป้าผู้ประกอบการเตรียมตัวใช้ประโยชน์ ส่วนการให้สัตยาบัน รัฐสภาไฟเขียวแล้ว กำลังดำเนินการภายในให้จบก่อนยื่น คาดความตกลงจะบังคับใช้ภายในปีนี้

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดงาน “เปิดตัวศูนย์อาร์เซ็บ (RCEP Center)” ณ RCEP Center ชั้น 3 กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ว่า กระทรวงพาณิชย์จะประสานงานกับทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคการเกษตร เร่งรัดในการประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้ประกอบธุรกิจ ผู้ส่งออก เอสเอ็มอี ภาคการเกษตร รับทราบข้อมูลและเนื้อหาสำคัญในข้อตกลง ให้สามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงได้อย่างเต็มที่ เพราะหาก RCEP บังคับใช้ จะเกิดประโยชน์กับไทยเป็นอย่างมากทั้งในด้านการค้า การลงทุน

โดยในด้านการค้า มีสินค้า 40,000 รายการโดยประมาณที่ประเทศคู่ค้าจะต้องลดภาษีให้กับประเทศไทย และใน 40,000 รายการนั้น มี 29,000 รายการที่จะลดภาษีทันทีเหลือ 0% ในวันที่ 1 ม.ค.2565 ส่วนที่เหลือประมาณ 9,000 รายการ จะลดภายใน 10-20 ปี ให้อัตราภาษีเป็น 0% ตามเงื่อนไขของแต่ละประเทศ สำหรับภาคบริการ ไทยจะได้รับสิทธิพิเศษสามารถเข้าไปถือหุ้นได้ถึง 70-80% ในสาขาบริการ การก่อสร้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นการขยายโอกาสให้กับนักลงทุนไทย

นายจุรินทร์กล่าวว่า ความคืบหน้าการให้สัตยาบันความตกลง RCEP มีขั้นตอนการดำเนินการ 2 เรื่อง คือ 1.ต้องผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งได้นำเสนอเข้าที่ประชุมร่วมและได้รับความเห็นชอบแล้ว และ 2.ดำเนินกระบวนการภายในของหน่วยงานราชการต่างๆ อย่างน้อย 3 หน่วยงาน คือ 1.กรมการค้าต่างประเทศ ออกแบบใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O) ให้จบ และประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน 2.กรมศุลกากรต้องประกาศอัตราภาษีให้สอดคล้องกับข้อตกลง และ 3.กระทรวงอุตสาหกรรมต้องออกประกาศเรื่องการนำเข้ายานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ ตามข้อตกลง RCEP

“เมื่อผ่านทั้ง 3 เงื่อนไขแล้ว กระทรวงพาณิชย์กับกระทรวงต่างประเทศ จะประสานงานการยื่นเรื่องให้สัตยาบันไปยังเลขาธิการอาเซียน ซึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ RCEP ด้วย ก็ถือว่าจบการในขั้นตอนการให้สัตยาบันของไทย ส่วนการจะมีผลบังคับใช้ กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ ต้องให้สัตยาบันอย่างน้อย 6 ประเทศ และนอกประเทศอาเซียน 5 ประเทศ ต้องมีไม่น้อยกว่า 3 ประเทศ เท่ากับ 6 บวก 3 เป็น 9 ประเทศ ถึงจะถือว่ามีการให้สัตยาบัน RCEP และบังคับใช้ได้ต่อไป โดยตามเป้าน่าจะเป็นสิ้นปี 2564 แต่ก็ต้องขึ้นกับอีก 8 ประเทศจะให้สัตยาบันครบหรือไม่”นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับ RCEP Center หรือศูนย์ให้บริการข้อมูล RCEP ที่กระทรวงพาณิชย์เพิ่งเปิดไปนั้น จะมีการให้บริการ 6 เรื่อง ได้แก่ 1.รายละเอียดความตกลง 2.สถิติการค้าระหว่างประเทศ 3.อัตราภาษี 4.ถิ่นกำเนิดสินค้า 5.มาตรการการค้าของไทย และ 6.ระบบติดตามเฝ้าระวัง เพื่อให้ผู้ประกอบการของไทย ได้เตรียมความพร้อมในการใช้ประโยชน์จาก RCEP ซึ่งจะให้บริการทั้งแบบออฟไลน์ ที่จะเข้ามาขอรับบริการได้ที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และแบบออนไลน์ เข้าดูได้ที่เว็บไซต์ www.moc.go.th


กำลังโหลดความคิดเห็น