ความหวังของประชาคมโลกที่จะเดินทางท่องเที่ยวไปไหนมาไหนได้อย่างสะดวกเหมือนก่อนที่เกิดการระบาดของโคโรนาไวรัสมากกว่า 1 ปีนั้นคงจะไม่เกิดขึ้นได้ง่าย แม้จะมีคำพูดเชิงปลอบใจว่าทุกอย่างกำลังไปได้ดีเพราะมีวัคซีนก็ตาม
และก็ใช่ว่าเมื่อคนฉีดวัคซีนแล้วจะปลอดจากความเสี่ยงของการติดเชื้อเพราะโคโรนาไวรัสสามารถกลายพันธุ์ให้มีศักยภาพ และความหลากหลายในการรับมือกับการรักษาและการป้องกันของมนุษย์
และก็ใช่ว่าคนที่หายจากการติดเชื้อมาแล้วจะมีภูมิคุ้มกันเพราะเป็นความแปลกประหลาด และเหมือนกับการเป็นไข้หวัดซึ่งสามารถเป็นซ้ำได้อีก
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้มากว่าการฉีดวัคซีนต้องมีความต่อเนื่องหลังจากเวลาผ่านไปจนพ้นช่วงของการคุ้มครองซึ่งอาจจะเป็น 6 เดือนหรือ 1 ปีขึ้นอยู่กับประเภทของวัคซีน
โอกาสที่จะหวนคืนสู่การใช้ชีวิตช่วงก่อนการระบาดที่ว่ายังยากนั้น เพราะยังมีการระบาดต่อเนื่องเป็นระลอก อัตราของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังขึ้นและลงโดยที่ไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นถึงแม้จะมีมาตรการคุมเข้มแล้วก็ตาม
จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันทั่วโลกยังอยู่ระหว่าง 3 ถึง 4 แสนกว่าราย และยังเน้นอยู่ในภูมิภาคซึ่งมีการระบาดหนักต่อเนื่องและครอบคลุมหลายทวีป
สถานการณ์ที่เห็นได้ชัดช่วงนี้ก็คือในกลุ่มประเทศยุโรปซึ่งมีการระบาดรอบที่ 3 และไม่ลดความรุนแรงและความรวดเร็ว ดังเช่นในเยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน อังกฤษ และในกลุ่มยุโรปตะวันออก เช่น โปแลนด์ ยูเครน และโรมาเนีย
กลุ่มประเทศเหล่านี้ต้องล็อกดาวน์อีกครั้งหนึ่งแม้จะย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิซึ่งคนเริ่มอยากเดินทางท่องเที่ยวแล้วก็ตาม ความรวดเร็วในการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในกลุ่มประเทศเหล่านี้มีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการเข้าถึงวัคซีน
อัตราผู้เสียชีวิตในยุโรปก็ยังน่ากังวล อยู่ในระดับหลายร้อยคน โดยมาตรการควบคุมยังไม่สามารถสกัดการระบาดได้ตามคาด
สหรัฐอเมริกายังมีการติดเชื้อรายวันมากกว่า 50,000 รายและเสียชีวิตประมาณ 1000 รายต่อวันโดยเฉลี่ย และในหลายพื้นที่ประชาชนยังคงไม่ระมัดระวังเท่าที่ควร ดังจะเห็นการประกาศห้ามอย่างเฉียบพลันในพื้นที่ชายหาดไมอามีหลังจากที่คนไปเล่นน้ำจนแน่นชายหาด
ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประสบความสำเร็จในการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนถึง 100 ล้านคน ในช่วง 100 วันแรกของการเข้ารับตำแหน่ง แต่ยังต้องคงมาตรการเข้มข้นเพราะความแตกต่างด้านนโยบายระหว่างผู้ว่าการมลรัฐต่างๆ
ความดื้อดึงของคนอเมริกันโดยเฉพาะในกลุ่มอนุรักษนิยมในการป้องกันตัวเองยังคงเป็นปัญหาจนต้องให้อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน
ในอเมริกาใต้การติดเชื้อยังอยู่ในระดับสูง เช่น เม็กซิโกและบราซิล ซึ่งตัวเลขของผู้เสียชีวิตยังอยู่ในระดับ 1,000 กว่ารายต่อวัน ในบราซิลเริ่มมีปัญหาการขาดแคลนของเตียงรับผู้ป่วย และเครื่องช่วยหายใจซึ่งถึงขั้นแบ่งปันกันใช้
ในบราซิลยังมีปัญหาการเมืองเพราะผู้นำไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชนโดยประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ยังทำตัวห้าวเป้งและไม่อยู่ในรูปแบบของการปฏิบัติโดยทั่วไป ไม่เห็นความสำคัญในการจัดการปัญหาทั้งที่ตัวเองเคยติดเชื้อจนป่วยมาแล้ว
ในตะวันออกกลางและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น อิหร่าน และอิรัก ยังคงมีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิต ในอัตราที่น่ากังวล
ในย่านเอเชียการระบาดรอบใหม่เกิดขึ้นในอินเดีย ซึ่งมีการติดเชื้อรายวันมากกว่า 40,000 ราย
ดังนั้นความหวังที่คนจะเดินทางทั่วไปด้วยหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนนั้น ยังเป็นเรื่องค่อนข้างไกลตัว และสภาพของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกัน เช่น การบิน และโรงแรมก็ยังต้องใช้เวลาในการปรับตัว
ที่ผ่านมามีนักบินและพนักงานต้อนรับบนเครื่องถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากซึ่งอาจจะเปลี่ยนอาชีพใหม่ไปแล้ว ดังนั้นการจะให้เข้าสู่สภาวะพร้อมรับธุรกิจการเดินทางท่องเที่ยวรอบใหม่ยังต้องเตรียมการอีกระยะหนึ่ง
ยังไม่มีใครประเมินได้ว่าผลกระทบต่อคนทั้งโลกด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม จะมากน้อยเท่าไหร่แล้วต้องใช้เวลาอีกนานหรือไม่ในการเยียวยาเพื่อฟื้นฟูให้สู่สภาพเดิม
แต่ไม่มีใครทราบเช่นกันว่าธุรกิจที่ล้มหายตายจากไปทั่วโลกนั้นมีกี่ราย และผลกระทบด้านการว่างงานและความทุกข์ยากลำบากต้องใช้เวลาเพื่อแก้ไขปัญหาอีกนานเท่าไหร่
เอาเพียงแค่ว่าโลกนี้จะปลอดจากโคโรนาไวรัสสายพันธุ์นี้อย่างถาวรหรือไม่ก็ไม่มีใครตอบได้