ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กป้อม"ไม่ห่วงเรื่องแก้รธน. จะแก้ทั้งฉบับหรือรายมาตราก็ได้ แต่ต้องทำตามคำวินิจฉัยศาลรธน. ยันพรรคร่วมไม่แตกคอ ปัดแนวคิดตั้งพรรคสำรอง "บิ๊กป๊อก" บอกไม่เคยได้ยินกระแสข่าวยุบสภา "บิ๊กตู่" บอกไม่หวง ถ้าใครจะเอามอตโต้ "รวมไทยสร้างชาติ" ไปตั้งชื่อพรรค "จุรินทร์" ลั่น ปชป.จะฝ่าด่านแก้รธน.ให้ได้ ฝันอยากเห็นทั้ง 3 ฝ่ายร่วมมือกัน "ณฐพร" ยื่นป.ป.ช. เอาผิด 208 สมาชิกรัฐสภาโหวตวาระ 3 ญัตติแก้ไขรธน. ชี้จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดรธน. พร้อมเล็งเอาผิดพรรคการเมือง
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.ปชป. เสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพแก้ไขรธน. ว่า เป็นเรื่องของสภาฯ จะให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพได้อย่างไร จะแก้อย่างไร สภากับรัฐบาล เป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อถามว่า แต่รัฐบาลมีสิทธิ์เสนอให้แก้ได้ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้แก้อยู่แล้ว จะแก้รายมาตรา หรือแก้ทั้งฉบับ แต่ขอให้เป็นไปตามที่ศาลรธน.วินิจฉัย ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เสียงแตก ใครเสนอก็เหมือนกัน จะแก้ไขรายมาตรา หรือแก้ทั้งฉบับ รัฐบาลก็พร้อมอยู่แล้ว อยากแก้ก็แก้เลย ตามคำวินิจฉัยของศาลรธน. อย่ามาถามว่า เห็นในรัฐบาลนี้หรือไม่ หากไม่ทำตามศาลฯ
เมื่อถามว่าจะมีการนัดพูดคุยระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงจะมีการพูดคุยกัน ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย มีการพูดคุยกัน โดยไม่มีพรรคพปชร. นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อย่างไรก็ต้องแก้ ซึ่งก็ต้องพูดคุยในรายละเอียดกันอยู่แล้ว ยืนยันความสัมพันธ์ของพรรคร่วม ไม่มีอะไร ซึ่งการแก้รธน.เป็นเรื่องที่ต่างคนก็ต่างคิดไป เท่านั้น และไม่รู้ถึงกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคสำรอง หากรธน.แก้ไขไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ และพรรคพปชร.ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เพราะได้จัดตั้งมา 2 ปีแล้ว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการยุบสภาฯ ในเร็วๆนี้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเรื่องนี้
"บิ๊กตู่"ไม่หวงชื่อ"รวมไทยสร้างชาติ"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหากจะมีคนนำ มอตโต้ "รวมไทยสร้างชาติ" ไปตั้งเป็นชื่อพรรคการเมือง ว่า ใครจะเอาไปตั้งเป็นชื่อพรรค มีการสงวนสิทธิ์หรือเปล่าตนไม่รู้
"แต่สำหรับผม ไม่ได้สงวนสิทธิ์ ใครก็ได้รวมไทยสร้างชาติ เป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยจะตั้งชื่อไทยสร้างชาติ หรือรวมไทยอะไรก็แล้วแต่ ก็ตั้งมาเถอะ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยใช้ชื่อรวมไทยสร้างชาติ เป็นการผูกโยงพรรคสำรองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีแนวคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองสำรอง เรื่องนี้ไม่มีอะไรทั้งสิ้น มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมขอทำงานรัฐบาลนี้ให้รอดไปก่อน ทำให้ประเทศชาติหลุดพ้นไปจากกับดักต่างๆ ให้ได้ก่อน
อยากเห็นทั้ง 3 ฝ่ายร่วมมือแก้รธน.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรธน.จะสามารถทำได้สำเร็จ ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่นั้น พรรคปชป. จะใช้ความพยายาม ซึ่งการจะแก้ไขทั้งฉบับ มีเครื่องหมายคำถาม และดูเหมือนข้อถกเถียงยังไม่ได้ข้อยุติว่าสุดท้ายต้องไปทำประชามติ ก่อนวาระ 1 หรือไปทำประชามติหลังผ่าน วาระ 3 ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากเห็นทั้ง 3 ฝ่าย คือฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. หาทางออกร่วมกัน ร่วมมือกันในการแก้ไขรธน.
ร้องป.ป.ช.เอาผิด 208 สมาชิกรัฐสภา
นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินการกับ 208 สมาชิกรัฐสภา ที่ลงมติเห็นชอบ วาระ 3 ร่างแก้ไขรธน. เนื่องจากเป็นการกระทำที่จงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรธน.และกฎหมายป.ป.ช. จึงขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวน และมีความเห็นส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรธน.มาตรา 234 ซึ่งคงต้องรอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาเสร็จก่อน ซึ่งก็น่าจะมีผลกระทบต่อ พรรคการเมือง ที่ดำเนินการ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณี นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.ปชป. เสนอให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพแก้ไขรธน. ว่า เป็นเรื่องของสภาฯ จะให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพได้อย่างไร จะแก้อย่างไร สภากับรัฐบาล เป็นคนละเรื่องกัน
เมื่อถามว่า แต่รัฐบาลมีสิทธิ์เสนอให้แก้ได้ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้แก้อยู่แล้ว จะแก้รายมาตรา หรือแก้ทั้งฉบับ แต่ขอให้เป็นไปตามที่ศาลรธน.วินิจฉัย ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่ได้เสียงแตก ใครเสนอก็เหมือนกัน จะแก้ไขรายมาตรา หรือแก้ทั้งฉบับ รัฐบาลก็พร้อมอยู่แล้ว อยากแก้ก็แก้เลย ตามคำวินิจฉัยของศาลรธน. อย่ามาถามว่า เห็นในรัฐบาลนี้หรือไม่ หากไม่ทำตามศาลฯ
เมื่อถามว่าจะมีการนัดพูดคุยระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อให้ไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงจะมีการพูดคุยกัน ส่วนกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย มีการพูดคุยกัน โดยไม่มีพรรคพปชร. นั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อย่างไรก็ต้องแก้ ซึ่งก็ต้องพูดคุยในรายละเอียดกันอยู่แล้ว ยืนยันความสัมพันธ์ของพรรคร่วม ไม่มีอะไร ซึ่งการแก้รธน.เป็นเรื่องที่ต่างคนก็ต่างคิดไป เท่านั้น และไม่รู้ถึงกระแสข่าวการจัดตั้งพรรคสำรอง หากรธน.แก้ไขไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้ และพรรคพปชร.ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เพราะได้จัดตั้งมา 2 ปีแล้ว
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่จะมีการยุบสภาฯ ในเร็วๆนี้นั้น พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ยินเรื่องนี้
"บิ๊กตู่"ไม่หวงชื่อ"รวมไทยสร้างชาติ"
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีหากจะมีคนนำ มอตโต้ "รวมไทยสร้างชาติ" ไปตั้งเป็นชื่อพรรคการเมือง ว่า ใครจะเอาไปตั้งเป็นชื่อพรรค มีการสงวนสิทธิ์หรือเปล่าตนไม่รู้
"แต่สำหรับผม ไม่ได้สงวนสิทธิ์ ใครก็ได้รวมไทยสร้างชาติ เป็นคนไทยหรือเปล่า ถ้าเป็นคนไทยจะตั้งชื่อไทยสร้างชาติ หรือรวมไทยอะไรก็แล้วแต่ ก็ตั้งมาเถอะ"
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการมองว่าจะมีการตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยใช้ชื่อรวมไทยสร้างชาติ เป็นการผูกโยงพรรคสำรองของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่มีแนวคิดที่จะตั้งพรรคการเมืองสำรอง เรื่องนี้ไม่มีอะไรทั้งสิ้น มันไม่ใช่เรื่องของผม ผมขอทำงานรัฐบาลนี้ให้รอดไปก่อน ทำให้ประเทศชาติหลุดพ้นไปจากกับดักต่างๆ ให้ได้ก่อน
อยากเห็นทั้ง 3 ฝ่ายร่วมมือแก้รธน.
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรธน.จะสามารถทำได้สำเร็จ ในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่นั้น พรรคปชป. จะใช้ความพยายาม ซึ่งการจะแก้ไขทั้งฉบับ มีเครื่องหมายคำถาม และดูเหมือนข้อถกเถียงยังไม่ได้ข้อยุติว่าสุดท้ายต้องไปทำประชามติ ก่อนวาระ 1 หรือไปทำประชามติหลังผ่าน วาระ 3 ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ ยังเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ อย่างไรก็ตาม ตนอยากเห็นทั้ง 3 ฝ่าย คือฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ส.ว. หาทางออกร่วมกัน ร่วมมือกันในการแก้ไขรธน.
ร้องป.ป.ช.เอาผิด 208 สมาชิกรัฐสภา
นายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เข้ายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.ขอให้ดำเนินการกับ 208 สมาชิกรัฐสภา ที่ลงมติเห็นชอบ วาระ 3 ร่างแก้ไขรธน. เนื่องจากเป็นการกระทำที่จงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรธน.และกฎหมายป.ป.ช. จึงขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวน และมีความเห็นส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามรธน.มาตรา 234 ซึ่งคงต้องรอให้ศาลฎีกาฯ พิจารณาเสร็จก่อน ซึ่งก็น่าจะมีผลกระทบต่อ พรรคการเมือง ที่ดำเนินการ