ผู้จัดการรายวัน360- ครม.รับทราบความเห็นป.ป.ช.ค้านขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ สนามบินสุวรรณภูมิ ชี้มีผลกระทบหลายเรื่อง แนะขยายด้านตะวันออกและตะวันตกก่อน จากนั้นก่อสร้างอาคารด้านใต้ตามมติครม.ปี 53 “ศักดิ์สยาม” ลั่นต้องสร้าง 3 โครงการพร้อมกัน ทอท. พร้อมลงทุน 6 หมื่นล้าน รองรับ 120 ล้านคน/ปี เม.ย.ชงบอร์ดสศช.ก่อนเสนอครม.
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 มี.ค. ได้เห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการป้องกันทุจริตโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ในส่วนโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) วงเงิน 41,260 ล้านบาท โดย ป.ป.ช.ระบุว่า นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความเห็นคัดค้าน เพราะอาคารอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ ยังไม่ได้ศึกษาออกแบบและจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ใช้งบประมาณลงทุนสูง นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการสัญจรภายในสนามบิน ซึ่งผู้โดยสารจะต้องเดินทาง 2-3 ต่อโดยใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับ (APM) และยังส่งผลกระทบต่อการจราจรบนโครงข่ายมอเตอร์เวย์ กระทบต่อการเดินทางเข้าออกสนามบิน เนื่องจากอาคารผู้โดยสารตั้งอยู่ในด้านเดียวกันหมด
ซึ่งจากที่ ป.ป.ช.ได้มีการศึกษาตรวจสอบหลักฐานและเอกสารต่างๆ จึงได้มีข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ ดังนี้1. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ควรดำเนินการตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 โดยเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกและส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันตก (East - West Expansion) โดยเร็วในคราวเดียวกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพของการรองรับผู้โดยสารสูงสุดเป็น 75 ล้าน/ปี และควรก่อสร้าง ( West Expansion) วงเงินรวมประมาณ 12,000 ล้านบาทโดยเร็ว และควรจะก่อสร้างให้เป็นไปในคราวเดียวกัน
และ 2. ทอท.ควรพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) อย่างเคร่งครัด ที่เห็นควรให้ขยายอาคาร East & West Expansion ก่อน และไปก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ เพื่อให้มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารสูงสุดที่ 120 ล้านคน/ปี เป็นลำดับแรกก่อน แล้วค่อยพิจารณาก่อสร้าง North Expansion ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
”ศักดิ์สยาม”ลั่นก่อสร้าง 3 โครงการพร้อมกัน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ทางป.ป.ช.ได้ศึกษาเรื่องการขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ และเสนอความเห็นไปยังครม.เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ โดยระบุว่า ควรขยายอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออกก่อน เนื่องจากมีความพร้อม ออกแบบไว้แล้ว โดยที่ประชุมร่วมที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯเป็นประธาน ได้ข้อสรุป ก่อสร้างทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ ส่วนต่อขยายอาคาร East & West Expansion และ อาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิเป็น 120 ล้านคน/ปี วงเงินลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งทอท.มีความพร้อมในเรื่องเงินลงทุน
โดยขณะนี้ทอท.อยู่ในขั้นตอนสอบถามความเห็นผู้เกี่ยวข้อง องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และ สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน คาดว่าจะสรุปได้ในเดือนเม.ย.และเสนอบอร์ดสศช. ก่อนที่จะนำเสนอครม.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หากครม.อนุมัติทั้ง 3 โครงการ จะเลือกเปิดประมูลก่อสร้าง North Expansion ก่อนใช่หรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น เพราะในหลักการ ต้องเร่งขยายสนามบินสุวรรณภูมิเนื่องจากขณะนี้มีการก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 ซึ่งจะทำให้ขีดการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 90 ล้านคน/ปี ขณะที่อาคารผู้โดยสารหลักรวมกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) มีแค่ 60 ล้านคน/ปี หากขยายอาคารด้านตะวันออกและด้านตะวันตกที่รองรับได้ด้านละ 15 ล้านคน/ปี จะรวมเป็น 90 ล้านคน/ปี ซึ่งการให้บริการที่ผู้โดยสารได้รับความสะดวก จึงเห็นว่าควรสร้าง North Expansion รับอีก 30 ล้านคน/ปี เพิ่มการรองรับรวมสูงสุดไปอยู่ที่ 120 ล้านคน/ปี
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 23 มี.ค. ได้เห็นชอบข้อเสนอแนะของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เกี่ยวกับการป้องกันทุจริตโครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 ในส่วนโครงการส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) วงเงิน 41,260 ล้านบาท โดย ป.ป.ช.ระบุว่า นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญได้แสดงความเห็นคัดค้าน เพราะอาคารอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ ยังไม่ได้ศึกษาออกแบบและจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ใช้งบประมาณลงทุนสูง นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการสัญจรภายในสนามบิน ซึ่งผู้โดยสารจะต้องเดินทาง 2-3 ต่อโดยใช้รถไฟฟ้าไร้คนขับ (APM) และยังส่งผลกระทบต่อการจราจรบนโครงข่ายมอเตอร์เวย์ กระทบต่อการเดินทางเข้าออกสนามบิน เนื่องจากอาคารผู้โดยสารตั้งอยู่ในด้านเดียวกันหมด
ซึ่งจากที่ ป.ป.ช.ได้มีการศึกษาตรวจสอบหลักฐานและเอกสารต่างๆ จึงได้มีข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ ดังนี้1. บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. ควรดำเนินการตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2553 โดยเร่งก่อสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารด้านทิศตะวันออกและส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสารทิศตะวันตก (East - West Expansion) โดยเร็วในคราวเดียวกัน เพื่อเพิ่มศักยภาพของการรองรับผู้โดยสารสูงสุดเป็น 75 ล้าน/ปี และควรก่อสร้าง ( West Expansion) วงเงินรวมประมาณ 12,000 ล้านบาทโดยเร็ว และควรจะก่อสร้างให้เป็นไปในคราวเดียวกัน
และ 2. ทอท.ควรพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ ตามความเห็นของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) อย่างเคร่งครัด ที่เห็นควรให้ขยายอาคาร East & West Expansion ก่อน และไปก่อสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศใต้ เพื่อให้มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารสูงสุดที่ 120 ล้านคน/ปี เป็นลำดับแรกก่อน แล้วค่อยพิจารณาก่อสร้าง North Expansion ทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
”ศักดิ์สยาม”ลั่นก่อสร้าง 3 โครงการพร้อมกัน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ทางป.ป.ช.ได้ศึกษาเรื่องการขยายขีดความสามารถสนามบินสุวรรณภูมิ และเสนอความเห็นไปยังครม.เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ โดยระบุว่า ควรขยายอาคารผู้โดยสารด้านตะวันออกก่อน เนื่องจากมีความพร้อม ออกแบบไว้แล้ว โดยที่ประชุมร่วมที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯเป็นประธาน ได้ข้อสรุป ก่อสร้างทั้ง 3 โครงการ ได้แก่ ส่วนต่อขยายอาคาร East & West Expansion และ อาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ (North Expansion) ซึ่งเพิ่มขีดความสามารถของสนามบินสุวรรณภูมิเป็น 120 ล้านคน/ปี วงเงินลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท ซึ่งทอท.มีความพร้อมในเรื่องเงินลงทุน
โดยขณะนี้ทอท.อยู่ในขั้นตอนสอบถามความเห็นผู้เกี่ยวข้อง องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และ สมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 วัน คาดว่าจะสรุปได้ในเดือนเม.ย.และเสนอบอร์ดสศช. ก่อนที่จะนำเสนอครม.ต่อไป
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า หากครม.อนุมัติทั้ง 3 โครงการ จะเลือกเปิดประมูลก่อสร้าง North Expansion ก่อนใช่หรือไม่ นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนั้น เพราะในหลักการ ต้องเร่งขยายสนามบินสุวรรณภูมิเนื่องจากขณะนี้มีการก่อสร้างรันเวย์เส้นที่ 3 ซึ่งจะทำให้ขีดการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 90 ล้านคน/ปี ขณะที่อาคารผู้โดยสารหลักรวมกับอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1 : SAT-1) มีแค่ 60 ล้านคน/ปี หากขยายอาคารด้านตะวันออกและด้านตะวันตกที่รองรับได้ด้านละ 15 ล้านคน/ปี จะรวมเป็น 90 ล้านคน/ปี ซึ่งการให้บริการที่ผู้โดยสารได้รับความสะดวก จึงเห็นว่าควรสร้าง North Expansion รับอีก 30 ล้านคน/ปี เพิ่มการรองรับรวมสูงสุดไปอยู่ที่ 120 ล้านคน/ปี