xs
xsm
sm
md
lg

ภัยตะวันตกสำหรับคนเอเชีย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์



หลังจากการระบาดของเชื้อโคโรนาไวรัส ถ้าวันนั้นมาถึงเร็วก็จะมีคำถามว่ามีคนจากภูมิภาคเอเชียอยากจะไปสหรัฐอเมริกา ยุโรปหรือออสเตรเลียบ้างหรือไม่ ทั้งไปเพื่อท่องเที่ยวและแสวงหาอนาคต ชีวิตที่ดีขึ้น

ที่ถามอย่างนี้เพราะบรรยากาศในสหรัฐอเมริกา และยุโรปหรือพื้นที่ของฝรั่งผิวขาวนั้นไม่ต้อนรับคนผิวสีจากภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากทวีปเอเชีย

ความรู้สึกรังเกียจและต่อต้านคนเอเชียในกลุ่มประเทศฝรั่งผิวขาวเริ่มรุนแรงและถี่ยิบขึ้น พร้อมกับการระบาดของโคโรนาไวรัส มีข่าวว่าคนจากเอเชียถูกทำร้ายและถูกปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องและผิดกฎหมายด้วย

สถานการณ์เช่นนี้เป็นมานานแล้วก่อนการระบาดของโควิด-19 ซึ่งฝรั่งผิวขาวมักจะเหยียดเชื้อชาติคนจากประเทศอื่น ไม่ว่าจะมาจากละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง แอฟริกาหรือเอเชีย

แต่ความรุนแรงที่เคยมีนั้นยังไม่ถึงขั้นทำร้ายซึ่งหน้าหรือสังหารในลักษณะของการประสงค์ชีวิตอย่างที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

ล่าสุดจากกรณีของหนุ่มผิวขาววัย 21 ปีใช้อาวุธปืนสังหารคนเอเชีย 6 รายในสถานบริการสปาและมีคนผิวขาว 2 รายเป็นเหยื่อด้วย การฆ่าอย่างเหี้ยมโหดโดยอ้างว่าเสพติดเรื่องเพศทำให้โลกตะลึงว่า นี่เป็นกระแสการต่อต้านคนผิวสีหรือไม่

ถ้าพูดถึงเฉพาะคนจากทวีปเอเชียก็จะแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ นั่นคือกลุ่มที่มาจากชมพูทวีปซึ่งอาศัยอยู่มากในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษรวมทั้งออสเตรเลียด้วย อีกกลุ่มเป็นคนผิวเหลืองจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกลุ่มประเทศอาเซียน

กลุ่มประกอบด้วยคนจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกไกล เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน และฮ่องกง เป็นต้น ซึ่งไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดในสายตาของฝรั่งผิวขาวก็คือเป็นพวกเดียวกันคือพวกชาวเอเชีย

การทำร้ายคนเอเชียนในกลุ่มประเทศฝรั่งผิวขาวมีความถี่สูงหลังจากการระบาดของโคโรนาไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวว่าเป็นอู่ฮั่นไวรัส เป็นไวรัสจีน หรือเป็นกังฟูไวรัส เป็นต้น ซึ่งเท่ากับว่ามีต้นตอของปัญหามาจากประเทศจีน

ชาวชมพูทวีปถูกรังควานและรังแกในกลุ่มประเทศฝรั่งผิวขาว โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งมีชาวอินเดีย ปากีสถานอาศัยเป็นจำนวนมากซึ่งมักเป็นเหยื่อของการถูกทำร้ายเมื่อมีสถานการณ์ไม่สงบ เช่น การจลาจล การชุมนุมประท้วง

ในช่วงที่คนผิวดำถูกทำร้ายจนเสียชีวิต หรือบาดเจ็บในสหรัฐอเมริกา จะมีการชุมนุมประท้วงโดยคนผิวดำ และมีการก่อเหตุจลาจลบุกเข้าไปในร้านค้าและร้านสะดวกซื้อซึ่งเจ้าของส่วนหนึ่งมาจากชมพูทวีป และร้านที่เจ้าของเป็นคนจีน เกาหลีฟิลิปปินส์ รวมถึงญี่ปุ่นด้วย

ดังนั้นบางรัฐบาลเช่นผู้นำทำเนียบขาวนายโจ ไบเดนกำลังจะออกกฎหมายพิเศษเพื่อต่อต้านและป้องกันการเหยียดเชื้อชาติและอาชญากรรมที่เกิดจากปัญหานี้ แต่นั่นต้องรอให้กฎหมายผ่านสภาคองเกรสเสียก่อน

ต้องรอดูว่าจะผ่านอย่างง่ายดายหรือไม่ ถ้ากระแสตกและได้รับการต่อต้านจากนักการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยม กลุ่มขวาจัดสังกัดพรรครีพับลิกัน โดยในสหรัฐอเมริกามีความซับซ้อนเพราะไม่ใช่เพียงกลุ่มชาวเอเชียอย่างเดียวที่มีปัญหาเพราะกลุ่มจากละตินอเมริกา และผิวสีดำก็เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาด้วย

นอกจากประชาชนซึ่งมีพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติสีผิวแล้ว ยังต้องคำนึงถึงบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม เช่น ตำรวจ อัยการ และตุลาการด้วยว่ามีแนวคิดเดียวกับคนผิวขาวหัวรุนแรงหรือไม่ ความยุติธรรมที่คาดหวังว่าจะได้อาจจะไม่มา

ดังนั้นการจะเดินทางไปท่องเที่ยวหรือไปทำงานในประเทศฝรั่งผิวขาวจะไม่ใช่เรื่องที่สะดวกสบายต่อไป และเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวังเรื่องความปลอดภัยเพราะอาจถูกทำร้ายเมื่อไหร่ก็ได้ โดยที่ผู้ทำร้ายไม่แยกแยะว่ามาจากภูมิภาคใด

การจะไปแสวงโชคจากชีวิตที่ดีกว่าในสังคมที่มั่งคั่งกว่านั้นจะไม่เป็นสิ่งที่น่าพิสมัยอีกต่อไป เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของตัวเอง และสมาชิกครอบครัวว่าจะโดนกีดกันเหยียดหยามและทำร้ายหรือไม่

ช่วงนี้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศชักชวนให้พยาบาลสตรีจากประเทศไทย และฟิลิปปินส์เข้าไปหางานทำเพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลนในการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโคโรนาไวรัสเพราะก่อนหน้านี้พยาบาลชาวฟิลิปปินส์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องการคนไปทดแทน

แม้จะมีรายได้สูงกว่าก็จริงเมื่อคำนึงถึงความปลอดภัยและสวัสดิภาพโดยรวมแล้วอาจจะไม่เป็นสิ่งที่เย้ายวนอีกต่อไป และกลุ่มคนที่อาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกาอาจจะเริ่มพิจารณาอยากเดินทางกลับบ้านเกิดเมืองนอนซึ่งจะปลอดภัยมากกว่า

แล้วก็เป็นสิ่งที่คนในฮ่องกงจะต้องคำนึงเป็นพิเศษว่าสมควรที่จะอพยพไปอยู่ประเทศอังกฤษตามคำชักชวนหรือไม่ ที่ระบุว่าสามารถออกหนังสือเดินทางพิเศษให้คนฮ่องกงไปอยู่ได้ เพื่อประกอบอาชีพและอาศัยถาวรในบรรยากาศประชาธิปไตย

เมื่อคำนึงถึงการเหยียดสีผิวและประกอบด้วยอาชญากรรมการลอบทำร้ายอย่างรุนแรงด้วยแล้ว คนฮ่องกงต้องคิดอย่างรอบคอบว่าจะไปหรือไม่ เพราะคนอังกฤษต้องมองว่าคนเหล่านี้มาแย่งงานและสวัสดิการของพวกตัวเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น