นอกเหนือไปจากเรื่อง “พม่า”ที่ยังคงประท้วงแล้ว ประท้วงอีก และฆ่าแล้ว ฆ่าอีก อย่างแทบมิมีวันรู้จบ เรื่อง “กบฏเยเมน”ส่งเครื่องบินโดรน 4 ลำ ไปโจมตีคลังน้ำมันซาอุฯ โดยยังไม่รู้รายละเอียดว่าจะพังพินาศเสียหายกันไปถึงขั้นไหน โดยสีสันบรรยากาศความเป็นไปของโลกในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็คงไม่ถึงกับเร่าร้อน รุนแรง ดุเดือดเลือดพล่านมากมายสักเท่าไหร่ แต่ออกจะหนักไปทาง “เฟอะๆ ฟะๆ” หรือ “เบ๊อะๆ บ๊ะๆ” อะไรประมาณนั้นซะมากกว่า...
คือไล่มาตั้งแต่ “ผู้เฒ่าโจ”หรือ “โจ ซึมเซา”ประธานาธิบดีรายใหม่ของคุณพ่ออเมริกานั่นแหละทั่น!!! ที่ยังมิอาจวินิจฉัยชี้ขาดหรือสรุปลงไปได้ชัดๆ ว่าระหว่างตอบคำถาม ให้สัมภาษณ์ สำนักข่าว “ABC News”เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จะเป็นเพราะยังไม่ได้ฉีด “สเตียรอยด์”อันอาจส่งผลให้เกิดอาการเฟอะๆ ฟะๆ เบ๊อะๆ บ๊ะๆ หรือเพราะจงใจและเจตนาจากแรงขับเคลื่อนใดๆ ก็มิอาจทราบได้ ถึงได้หลุดปาก ถึงผู้นำประเทศมหาอำนาจคู่แข่ง อย่างคุณน้ารัสเซีย หรือประธานาธิบดี “วลาดิมีร์ ปูติน” ถึงขั้นว่าเป็น “ไอ้ฆาตกร” เป็น “นักฆ่า” เป็น “Killer” อะไรประมาณนั้น...
เพราะถึงแม้คิดจะสร้างความยิ่งใหญ่เกรียงไกรให้กับอเมริกาตามแบบฉบับ “America is Back”หรือ “Build Back Better” อะไรต่อมิอะไรตามที่โฆษณาหาเสียง เอาไว้ก็ตาม แต่ก็ไม่น่าถึงขั้นต้องใช้คำพูด คำจา แบบ “มธุเรศวาจา” ออกมาแบบจะจะ โต้งๆ และนั่นย่อมทำให้ผู้นำโลก ที่ยังไงๆ...คงหนีไม่พ้นต้องเจ๊าะแจ๊ะเจรจา ต้องพบปะเจอะเจอ ต้องคบหาไปอีกตลอด 4 ปีข้างหน้า อย่างคุณน้า “ปูติน” ท่านเลยอดไม่ได้ที่จะ “ควันออกหู” ถึงขั้นสั่งถอนทูตรัสเซียประจำอเมริกากลับกรุงมอสโกโดยด่วน มิหนำซ้ำยังส่งเสียงร้องท้าให้มาพูดคุยกันสดๆ ต่อหน้าธารกำนัล แบบไม่ต้องเสียเวลา “ดีเลย์”คำพูดใดๆ เอาเลยก็ยังได้...
หรือสรุปง่ายๆ ว่า...มันทำให้สีสันบรรยากาศของการหาข้อสรุป หาจุดลงตัว ระหว่าง 2 อภิมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ ที่น่าจะดูเป็นเรื่อง เป็นราวมากไปกว่านี้ เลยหนักไปทางเสียเซลฟ์ เสียรังวัด หรือเสียหมา (สุนัข) ฯลฯ เอาเลยถึงขั้นนั้น อันนี้นี่แหละที่เลยยังมิอาจพิสูจน์ทราบได้แน่ชัด ว่าเป็นเพราะ “ความจงใจ” หรือ “ความเฟอะฟะ” อันเนื่องมาจากการขาด “สเตียรอยด์”ของผู้นำอเมริการายใหม่หรือไม่ อย่างไร??? แต่ก็นั่นแหละ...บรรดาสิ่งทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้ ย่อมส่งผลให้ความเป็นไปของโลกที่ออกจะยุ่งฉิบหาย ยุ่งตายโหง ตายห่า ย่อมมีแต่ยุ่ง...กับ...ยุ่ง หนักขึ้นไปอีก หรือแทบมองไม่เห็น “ความเป็นไปได้”ว่าความแตกต่างระหว่างการนำพาโลกทั้งโลกไปสู่ความเป็น “มหาอำนาจขั้วเดียว” กับโลกแบบ “หลายขั้วอำนาจ”ที่ทำให้อเมริกากับจีนและรัสเซีย ต้องกลายเป็น “คู่แข่ง”หรือ “คู่กัด”จนตราบเท่าทุกวันนี้ จะมีโอกาสหาข้อสรุป ข้อยุติลงตัวกันในแบบไหน อย่างไร...
เพราะระหว่างที่ผู้นำอเมริกากำลังเฟอะๆ ฟะๆ อยู่กับผู้นำรัสเซีย จนเป็นข่าวคราวไปแทบจะทั่วทั้งโลก ในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นายแอนโธนี บลิงเคน” (Anthony Blinken) และที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายเจค ซัลลิแวน” (Jake Sullivan) ก็ได้มีโอกาสพบปะ เจอะเจอ ตัวแทนระดับสูงของคุณพี่จีน คือ “นายหยาง เจี๋ยฉือ” (Yang Jiechi) ผู้อำนวยการสำนักคณะกรรมการกิจการต่างประเทศ และสมาชิกกรมการเมืองของจีน รวมทั้ง “นายหวัง อี้” (Wang Yi)มุขมนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศ ที่เมือง “Anchorage”ในรัฐอะแลสกาโน่นเลย และแทนที่ต่างฝ่ายจะเพียรพยายามที่จะหาข้อยุติ หาจุดลงตัว ระหว่างกันและกันเพื่อให้โลกทั้งโลกพอสงบเรียบร้อยขึ้นมาได้มั่ง แต่ถ้าว่ากันตาม “ข่าวล่า-มาเรือ” เห็นว่า...ต่างฝ่ายต่าง “ใส่กันแหลก” ออกอาวุธทางคำพูดแบบ “ดอกต่อดอก”หรือแบบชนิดไม่มีใครยอมใครดังนั้น...แม้ว่าจะไม่ใช่ข่าวใหญ่ ข่าวโต อะไรมากมายนัก แต่ก็ถือเป็นข่าวคราวที่อาจใช้เป็นตัวสะท้อนภาพให้เห็นถึงแรงเสียดสี เสียดทาน แห่งการ “เผชิญหน้า” ของแต่ละฝ่าย ที่น่าจะเข้มขมึง ตึงเครียด ยิ่งเข้าไปทุกที...
หรือพูดง่ายๆ ว่า...โอกาสที่จะจบ จะหาข้อยุติ กันแบบ “แฮปปี้เอนดิ้ง” ของมหาอำนาจทั้งสองฝ่ายนับจากนี้ น่าจะยากส์ส์ส์พอกับหา “หนวดเต่า-เขากระต่าย” อะไรประมาณนั้น มีแต่ต้องนับนิ้ว รอเวลา ว่าจะ “ใส่”ด้วย “อาวุธ” แบบของจริง-ของแท้กันในตอนไหน เมื่อไหร่ และอย่างไรเท่านั้น โดยที่ความพยายามรวบรวม“พันธมิตร”ของอเมริกาเพื่อเล่นงานฝ่ายตรงข้าม ในยุค “ผู้เฒ่าโจ”คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า ออกจะเป็นระบบและเป็นกระบวนยิ่งเข้าไปทุกที ไม่ว่าในแนวรบด้านเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการเปิดตัวกลุ่มพันธมิตร “QUAD”อย่างเป็นเรื่อง เป็นราว ชนิดคิดจะเป็น “นาโตแห่งเอเชีย”เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือในแนวรบตะวันออกกลางที่มี “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์”อย่างอิสราเอล คอยไล่ถีบ ไล่กระทืบ ไล่ล่าและเล่นงาน “ภัยคุกคามอิหร่าน” ไปเป็นระยะๆ ส่วนในแนวรบด้านยุโรปนั้นการถอนตัวจาก “Brexit”ของอังกฤษ เพื่อเตรียมที่จะสร้างชาติ สร้างจักรวรรดิอังกฤษให้หวนกลับไปสู่ความเป็น “Global Britain”หรือกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ในยุคที่เคยดำรงตนเป็น“จ้าวอาณานิคม”ระดับ “พระอาทิตย์ไม่มีวันตกดิน” ก็ยิ่งส่งผลให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีแต่ร้อน...กับ...ร้อน!!! หรือยิ่งใกล้ถึงขั้น “ไฟนรกสุดขอบฟ้า”ชักเริ่มปรากฏขึ้นมาบ้างรางๆ...
อย่างเช่น...ความพยายาม “เพิ่มงบประมาณทางทหาร” แบบพรวดๆ พราดๆ ของนายกรัฐมนตรีหัวกระเซิง “นายบอริส จอห์นสัน” ชนิดแม้ว่าต้องเผชิญหน้ากับ “ศัตรูของมวลมนุษยชาติ” อย่างเชื้อไวรัสโควิดมาเป็นปีๆ ชาวผู้ดีอังกฤษตายโหง ตายห่า ไปแล้วกว่า 53,000 คนไปแล้วเป็นอย่างน้อย ติดเชื้อปาเข้าไปเกือบ 2 ล้านราย แต่รัฐบาลอังกฤษของนายกฯ รายนี้กลับเพิ่มงบประมาณด้านสาธารณสุข เพียงแค่ 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ต่างไปจากงบกลาโหมแบบคนละเรื่อง คนละม้วน ที่ถูกป่าวประกาศว่ามีแต่จะเพิ่ม...กับ...เพิ่ม ตลอดช่วง 4 ปีข้างหน้า ไม่น้อยไปกว่า 24,000 ล้านปอนด์ หรือเกือบล้านล้านบาท เป็นอย่างน้อย เพื่อปรับปรุงและเสริมสมรรถนะเขี้ยวเล็บต่างๆ ของอังกฤษ ไม่ว่าตั้งแต่เรือรบ เรือตรวจการณ์ เรือบรรทุกเครื่องบิน และที่น่าตกตะลึงพรึงเพริดเอามากๆ ก็คือการประกาศว่าจะเพิ่มจำนวน “หัวรบนิวเคลียร์” จากเดิม 180 หัวรบ ขึ้นไปไม่น้อยกว่า 260 หัวรบเป็นอย่างน้อย โดยแน่นอนว่า...คงไม่ได้คิดเอาไปถล่ม “ลิเวอร์พรุน” หรือ “ผีแดง”แต่อย่างใด แต่เอาไว้สำหรับรัสเซียและจีนกันโดยเฉพาะ นั่นแล...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้บรรยากาศความเป็นไปของโลก ในยุคผู้นำรายใหม่ของอเมริกา มันจึงออกไปทางเพิ่มความขมึงตึงเครียด ยิ่งกว่ายุค “ทรัมป์บ้า” หลายต่อหลายเท่า แม้ว่าผู้นำรายนี้จะออกไปทาง “ซึมเซา”ถึงขั้นตกกระไดเครื่องบินกันเห็นๆ แต่บรรดาผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หรือรายรอบประธานาธิบดีผู้นี้ ไม่ว่าตั้งแต่รองประธานาธิบดีที่แทบไม่ต่างไปจาก “นางพญาผึ้ง” ยิ่งเข้าไปทุกที หรือบรรดาทีมงานที่ยังเต็มไปด้วยพวก “นีโอ-คอนเซอร์เวทีพ”รายล้อมอยู่หนาแน่น แนวโน้มที่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันอาจต้องจบกันที่ “ไฟนรกสุดขอบฟ้า”ต้องงัดเอา “หัวรบนิวเคลียร์”มาใช้เป็นเครื่องมือในการบรรลุความปรารถนาและต้องการของแต่ละฝ่าย มันจึงมีความเป็นไปได้สูงขึ้นๆ...
แม้ว่าโดย “ยุทธศาสตร์” ของมหาอำนาจคู่แข่งอย่างจีนและรัสเซีย...มุ่งที่จะอาศัย “หมากล้อม” หรืออาศัย “สันติภาพ”เป็นเครื่องมือในการเหนี่ยวรั้ง ถ่วงรั้ง เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างมีอันต้อง “เหี่ยวปลาย”ลงไปเอง แต่แนวโน้มที่สันติภาพดังกล่าว ไปๆ-มาๆ แล้ว คงเป็นได้เพียงแค่ “สันติภาพชั่วคราว” หรือ “สันติภาพเพื่อเตรียมไปสู่การรบครั้งใหญ่” นั่นแหละ การคว้าม้า คว้าเรือ คว้า “หมากรุก” ออกมาโขกกลางกระดานของคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรทั้งหลาย จึงปรากฏให้เห็นแบบครั้งแล้ว ครั้งเล่า จนเรียกว่า...ใกล้จะถึงจังหวะ “รุกฆาต”เต็มที!!!