เผย "ดีเอสไอ" มอบสำนวนสอบสวนเส้นทางเงิน "เสี่ยกำพล วิคตอเรียฯ” โอนให้ “บิ๊กข้าราชการ” ถึง ป.ป.ช.แล้ว ขณะที่ “ธนาคาร-เจ้าของบัญชี” ยังเงียบ เช่นเดียวกับอัยการที่ยังไม่ส่งเหตุผลสั่งไม่ฟ้อง 2 จำเลยสำคัญ
วานนี้ (18 มี.ค.) วันนี้ 18 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันปละปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์เด็กและสตรี เปิดเผยว่า ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากที่ผ่านไปแล้ว 1 ปีกับอีก 5 วันที่ตนเองในฐานะเป็นผู้ล่อซื้อการค้าประเวณีจากสถาบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท หลังสืบทราบว่ามีการค้ามนุษย์ภายในสถานประกอบการแห่งนี้ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.63 จึงยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในข้อร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบในประเด็นแรกคือการใช้ดุลพินิจของอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท เป็นการกระทำที่เข้าข่ายอาจจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
นายรณสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาจากการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ ทำให้พบหลักฐานการโอนเงินจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท จากบัญชีของนายกำพล หรือเสี่ยกำพล ไปยังข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเองสงสัยว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าอะไร จึงร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเส้นทางเงินของข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม และเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2563 ป.ป.ช.เชิญตน เข้าให้การยืนยันเกี่ยวกับหลักฐานการโอนเงินจากบัญชี นายกำพล ไปยังข้าราชการของรัฐหน่วยงานหนึ่ง ที่แม้จะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโดยตรงกับคดีวิคตอเรียซีเครท แต่ก็ยังสงสัยเพราะหน่วยงานนั้น รับผิดชอบคดีวิคตอเรียซีเครท และมายื่นติดตามความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2563
“ได้รับทราบว่า คดีมีความคืบหน้าพอสมควร โดยในประเด็นแรก ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือขอทราบเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ในข้อหาค้ามนุษย์ และขอให้ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ถอนหมายจับบุคคลทั้งสอง ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องเส้นทางเงิน ป.ป.ช.ได้รับสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ ที่สอบพบเส้นทางเงินจากวิคตอเรียซีเครท โอนไปยังนายกำพล และจากนายกำพล โอนไปยังข้าราชการระดับสูงแล้ว ขณะที่ธนาคารเจ้าของบัญชี ป.ป.ช. ทำหนังสือขอไปแล้ว แต่ยังไม่ส่งมา โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน” นายรณสิทธิ์ ระบุ
นายรณสิทธิ์ เปิดเผยด้วยว่า ในฐานะที่เคยยื่นขอทราบเหตุผลจากอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล รวมทั้งขอให้ดีเอสไอ ถอนหมายจับ บุคคลทั้ง 2 ตอนนี้ผ่านมาจะใกล้ 1 ปี 6 เดือน ก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท มีการค้ามนุษย์ ส่วนนางนิภา และนายธนพล เป็นผู้ต้องหาที่ยังไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยล่าสุดได้รับแจ้ง จากอธิบดีสำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด ให้เข้าพบเพื่อสอบถามความคืบหน้าในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ซึ่งส่วนตัวยังกังวลว่า อัยการอาจจะมีการสั่งไม่ฟ้องนายกำพลด้วย เพราะยังไม่ได้คำตอบว่า อัยการมีการติดตามตัวนายกำพล กลับมาดำเนินคดีหรือไม่
วานนี้ (18 มี.ค.) วันนี้ 18 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันปละปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายรณสิทธิ์ พฤกษยาชีวะ ประธานมูลนิธิรณสิทธิ์เพื่อช่วยเหลือเหยื่อค้ามนุษย์เด็กและสตรี เปิดเผยว่า ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากที่ผ่านไปแล้ว 1 ปีกับอีก 5 วันที่ตนเองในฐานะเป็นผู้ล่อซื้อการค้าประเวณีจากสถาบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท หลังสืบทราบว่ามีการค้ามนุษย์ภายในสถานประกอบการแห่งนี้ เมื่อวันที่ 12 มี.ค.63 จึงยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ในข้อร้องเรียน ขอให้ตรวจสอบในประเด็นแรกคือการใช้ดุลพินิจของอัยการสูงสุด ที่สั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ภรรยาและลูกชายของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ เจ้าของอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท เป็นการกระทำที่เข้าข่ายอาจจะเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่
นายรณสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ต่อมาจากการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ ทำให้พบหลักฐานการโอนเงินจำนวนเงินหลายร้อยล้านบาท จากบัญชีของนายกำพล หรือเสี่ยกำพล ไปยังข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตนเองสงสัยว่าเงินจำนวนดังกล่าวเป็นค่าอะไร จึงร้องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบเส้นทางเงินของข้าราชการระดับสูงในกระบวนการยุติธรรม และเมื่อวันที่ 4 พ.ย.2563 ป.ป.ช.เชิญตน เข้าให้การยืนยันเกี่ยวกับหลักฐานการโอนเงินจากบัญชี นายกำพล ไปยังข้าราชการของรัฐหน่วยงานหนึ่ง ที่แม้จะไม่ใช่ผู้รับผิดชอบโดยตรงกับคดีวิคตอเรียซีเครท แต่ก็ยังสงสัยเพราะหน่วยงานนั้น รับผิดชอบคดีวิคตอเรียซีเครท และมายื่นติดตามความคืบหน้า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2563
“ได้รับทราบว่า คดีมีความคืบหน้าพอสมควร โดยในประเด็นแรก ป.ป.ช.ได้ทำหนังสือขอทราบเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล วิระเทพสุภรณ์ ในข้อหาค้ามนุษย์ และขอให้ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) ถอนหมายจับบุคคลทั้งสอง ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องเส้นทางเงิน ป.ป.ช.ได้รับสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอ ที่สอบพบเส้นทางเงินจากวิคตอเรียซีเครท โอนไปยังนายกำพล และจากนายกำพล โอนไปยังข้าราชการระดับสูงแล้ว ขณะที่ธนาคารเจ้าของบัญชี ป.ป.ช. ทำหนังสือขอไปแล้ว แต่ยังไม่ส่งมา โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน” นายรณสิทธิ์ ระบุ
นายรณสิทธิ์ เปิดเผยด้วยว่า ในฐานะที่เคยยื่นขอทราบเหตุผลจากอัยการสูงสุด กรณีสั่งไม่ฟ้องนางนิภา และนายธนพล รวมทั้งขอให้ดีเอสไอ ถอนหมายจับ บุคคลทั้ง 2 ตอนนี้ผ่านมาจะใกล้ 1 ปี 6 เดือน ก็ยังไม่มีความคืบหน้า เพราะคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าสถานบริการอาบอบนวดวิคตอเรียซีเครท มีการค้ามนุษย์ ส่วนนางนิภา และนายธนพล เป็นผู้ต้องหาที่ยังไม่ถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยล่าสุดได้รับแจ้ง จากอธิบดีสำนักงานคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด ให้เข้าพบเพื่อสอบถามความคืบหน้าในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ซึ่งส่วนตัวยังกังวลว่า อัยการอาจจะมีการสั่งไม่ฟ้องนายกำพลด้วย เพราะยังไม่ได้คำตอบว่า อัยการมีการติดตามตัวนายกำพล กลับมาดำเนินคดีหรือไม่