ผู้จัดการรายวัน 360 - "สุชาติ" ปลื้ม "ม.33 เรารักกัน" ได้รับสิทธิ 7,417,435 คน และกดเข้าร่วมโครงการแล้วคิดเป็นร้อยละ 54 ขณะที่โครงการ “เราชนะ” รับสิทธิทะลุ 32.3 ล้านคน ยอดใช้จ่ายพุ่ง 1.2 แสน้านบาท กลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ลงทะเบียนวันที่ 8-26 มี.ค. ตรวจสอบสิทธิ์ 5 เม.ย. รอรับเงินรวดเดียว 7,000 บาท 9 เม.ย.นี้
วานนี้ (16 มี.ค.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ ม.33 เรารักกัน ว่า จากผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,208,286 คน ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวน 622,172 คน ไม่ผ่านเงื่อนไขเงินฝากเกิน 500,000 บาท จำนวน 168,679 คน ซึ่งมีผู้ผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิ์แล้ว จำนวน 7,417,435 คน และกดเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 3,991,206 คน คิดเป็น 54 %
ส่วนผลการให้บริการศูนย์ประสานงานทบทวนสิทธิ์โครงการ ม.33 เรารักกัน ทั้ง 2 กลุ่ม (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มี.ค. 64 เวลา 08.00 น.) กลุ่มทบทวนสิทธิ์ยอดผู้ลงทะเบียนสำเร็จสะสม จำนวน 494,380 คน และกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนผู้ลงทะเบียนสำเร็จสะสม จำนวน 3,838 คน
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า โครงการ ม.33 เรารักกัน ได้ช่วยเหลือเยียวยาแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้ได้รับสิทธิ์คนละ 4,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน
ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วไม่มีสิทธิ์ จะต้องรีบทบทวนสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 15-28 มี.ค.64 กลุ่มแรก คือ ผู้ยังไม่ได้ลงทะเบียนมาก่อนกับผู้ที่ได้รับ SMS จากธนาคารกรุงไทยว่าชื่อ นามสกุลผิด ให้ทบทวนสิทธิผ่านทางเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ระบบแจ้งว่าไม่ได้อยู่ในมาตรา 33 จะต้องไปทบทวนสิทธิที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการเราชนะแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.3 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายกว่า 120,815 ล้านบาท ผ่านผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ
ส่วน ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (กลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน) ระหว่างวันที่ 8 – 26 มีนาคม 2564 มีประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 โดยผู้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ จำนวน 7,000 บาทและสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผ่านบัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ ได้ที่ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564
วานนี้ (16 มี.ค.) นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการ ม.33 เรารักกัน ว่า จากผู้ลงทะเบียนทั้งสิ้น 8,208,286 คน ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลกับกรมการปกครอง จำนวน 622,172 คน ไม่ผ่านเงื่อนไขเงินฝากเกิน 500,000 บาท จำนวน 168,679 คน ซึ่งมีผู้ผ่านเกณฑ์ได้รับสิทธิ์แล้ว จำนวน 7,417,435 คน และกดเข้าร่วมโครงการแล้ว จำนวน 3,991,206 คน คิดเป็น 54 %
ส่วนผลการให้บริการศูนย์ประสานงานทบทวนสิทธิ์โครงการ ม.33 เรารักกัน ทั้ง 2 กลุ่ม (ข้อมูล ณ วันที่ 16 มี.ค. 64 เวลา 08.00 น.) กลุ่มทบทวนสิทธิ์ยอดผู้ลงทะเบียนสำเร็จสะสม จำนวน 494,380 คน และกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟนผู้ลงทะเบียนสำเร็จสะสม จำนวน 3,838 คน
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า โครงการ ม.33 เรารักกัน ได้ช่วยเหลือเยียวยาแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของผู้ประกันตนมาตรา 33 ให้ได้รับสิทธิ์คนละ 4,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน
ทั้งนี้ หากตรวจสอบแล้วไม่มีสิทธิ์ จะต้องรีบทบทวนสิทธิ์ตั้งแต่วันที่ 15-28 มี.ค.64 กลุ่มแรก คือ ผู้ยังไม่ได้ลงทะเบียนมาก่อนกับผู้ที่ได้รับ SMS จากธนาคารกรุงไทยว่าชื่อ นามสกุลผิด ให้ทบทวนสิทธิผ่านทางเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ผู้ที่ไม่มีสมาร์ทโฟน และผู้ที่ลงทะเบียนแล้วแต่ระบบแจ้งว่าไม่ได้อยู่ในมาตรา 33 จะต้องไปทบทวนสิทธิที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ผู้ได้รับสิทธิ์ในโครงการเราชนะแล้ว รวมทั้งสิ้นจำนวน 32.3 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่ายกว่า 120,815 ล้านบาท ผ่านผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้นมากกว่า 1.2 ล้านกิจการ
ส่วน ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ (กลุ่มผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน) ระหว่างวันที่ 8 – 26 มีนาคม 2564 มีประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ ในช่วงเวลาดังกล่าว จะทราบผลการคัดกรองคุณสมบัติได้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2564 โดยผู้ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติจะได้รับการโอนวงเงินสิทธิ์ จำนวน 7,000 บาทและสามารถใช้จ่ายวงเงินสิทธิ์ผ่านบัตรประชาชนแบบอเนกประสงค์ ได้ที่ผู้ประกอบการร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่เข้าร่วมโครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน – 31 พฤษภาคม 2564